ไม่มีใครสามารถตอบได้ว่าห้องสมุดที่ดีที่สุดควรจะเป็นอย่างไร เพราะห้องสมุดที่ดีของแต่ละสังคมย่อมขึ้นอยู่กับบริบทและศักยภาพในการตอบสนองต่อความต้องการของผู้คนและชุมชนทั้งในปัจจุบันและอนาคต หนึ่งในแนวทางที่จะช่วยพัฒนาห้องสมุดให้ตอบโจทย์ตรงความต้องการที่แท้จริงของผู้ใช้ คือการคิดเชิงออกแบบ
‘การคิดเชิงออกแบบ’ (design thinking) เป็นกระบวนการทำความเข้าใจความต้องการของผู้ใช้บริการและสร้างการมีส่วนร่วม ด้วยวิธีวิทยาที่มี ‘คนเป็นศูนย์กลาง’ ควบคู่ไปกับความเป็นวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ได้เชิงประจักษ์
การคิดเชิงออกแบบสำหรับห้องสมุด เป็นขั้นตอนที่ออกแบบการแก้ปัญหาห้องสมุดอย่างมีความหมาย โดยคำนึงถึงจุดร่วมระหว่างปัจจัยด้านความต้องการของผู้คน ความเหมาะสมทางการเงิน และความเป็นไปได้ในเชิงปฏิบัติ เป็นกระบวนการที่เชื่อมั่นในศักยภาพของการสร้างสรรค์ การวิเคราะห์สถานการณ์ และการเปลี่ยนแนวคิดไปสู่รูปธรรม
ผู้ที่จะนำการคิดเชิงออกแบบไปปฏิบัติจำเป็นต้องมีทัศนะเหมือนนักออกแบบ คือมิใช่เพียงรู้ว่าจะวาดรูปได้อย่างไร แต่พร้อมทำความเข้าใจสิ่งที่ไม่รู้ และกล้าเผชิญกับความไม่ชัดเจนได้อย่างสร้างสรรค์ ทัศนะแบบนักออกแบบจะช่วยให้สามารถมองเห็นโอกาสที่แฝงอยู่ในปัญหา และมีความมั่นใจที่จะหาทางออกด้วยวิธีที่ต่างจากคนทั่วไป หรือเป็นแนวทางที่คนอื่นไม่กล้าเลือก เมื่อใดก็ตามที่ความคิดถูกเปลี่ยนผ่านจนสามารถนำต้นแบบไปใช้ปฏิบัติจริง นั่นหมายความว่าความคิดเหล่านั้นได้ส่งผลกระทบในระดับองค์กร และก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นระบบขึ้นแล้ว
ขั้นตอนหรือกระบวนการคิดเชิงออกแบบสำหรับห้องสมุด ประกอบด้วยพลวัต 4 ขั้นตอนหลัก ได้แก่
การสร้างแรงบันดาลใจ (inspiration) การสร้างทางออกที่มีความหมายให้กับห้องสมุดเริ่มต้นด้วยการหาแรงบันดาลใจจากโลกรอบตัว และทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความต้องการของผู้คน กระบวนการในขั้นตอนนี้ประกอบด้วยการรับฟัง การสังเกต และการเปิดกว้างสำหรับสิ่งที่ไม่ได้คาดหมายไว้ สิ่งที่ควรจะเตรียมพร้อมก็คือ การเสริมพลังบุคลากรของห้องสมุดให้มีประสบการณ์และมุมมองใหม่ๆ
การก่อร่างความคิด (ideation) เป็นระยะที่เปลี่ยนผ่านจากการค้นคว้าไปสู่การมองภาพเชิงปฏิบัติ ซึ่งจะกลายเป็นการออกแบบที่จับต้องได้ การพัฒนาความคิดจะช่วยกำหนดขอบเขตการออกแบบ การระดมสมองจะช่วยให้เกิดความคิดมหาศาล ท้ายที่สุดแล้วความคิดดังกล่าวจะถูกกลั่นกรองและเปลี่ยนเป็นสิ่งที่เป็นรูปธรรม ซึ่งห้องสมุดสามารถนำไปทดลองใช้ได้ในโลกความเป็นจริง
การทวนซ้ำ (iteration) คือการนำความคิดมาพัฒนาโดยอยู่บนพื้นฐานของเสียงสะท้อนกลับจากผู้ใช้บริการ ความคิดในครั้งแรกอาจใช่หรือไม่ใช่ความคิดที่ดีที่สุด ห้องสมุดจะต้องนำความคิดต้นแบบไปทดลองใช้เสียก่อน แล้วรวบรวมผลตอบกลับจากผู้ใช้บริการ และนำมาปรับปรุงพัฒนาความคิดให้ดียิ่งขึ้น กระบวนการคิดเชิงออกแบบมิได้ดำเนินไปเป็นเส้นตรง เมื่อดำเนินการไประยะหนึ่งแล้วอาจพบว่า มีความจำเป็นต้องย้อนกลับไปที่กระบวนการก่อนหน้าเพื่อพัฒนาความคิด ประสบการณ์หรือมุมมอง แล้วเข้าสู่ขั้นตอนทดสอบซ้ำแล้วซ้ำอีกก็ได้
การนำต้นแบบไปใช้ปฏิบัติจริง (getting to scale) เป็นการทำกิจกรรมนำร่องขนาดเล็ก (mini pilot) ไปใช้ในบริบทใหม่ที่มีความหลากหลาย ด้วยการยกระดับการทดลองให้กลายเป็นการประยุกต์ใช้ แต่ไม่ได้หมายความว่าการพัฒนาความคิดจะเสร็จสิ้นลงที่จุดนี้ ห้องสมุดสามารถเรียนรู้ คิดปรับปรุง และเอาใจใส่โครงการที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งวางแผนกลยุทธ์ระยะยาว ห้องสมุดที่ริเริ่มต้นแบบควรมีการถ่ายทอดบทเรียนจากประสบการณ์ทำงาน แบ่งปันให้กับผู้ที่สนใจกระบวนการคิดเชิงออกแบบสำหรับห้องสมุด เพื่อช่วยกันแก้ไขจุดอ่อนและต่อยอดจุดแข็งที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในหลายบริบท ซึ่งสุดท้ายแล้วก็คือการขยายผลต้นแบบให้กระจายไปอย่างกว้างขวางนั่นเอง
ผู้สนใจแนวคิดและเทคนิคการคิดเชิงออกแบบสำหรับห้องสมุด สามารถอ่านคู่มือ Design Thinking for Libraries: A Toolkit for Patron-Centered Design (ดาวน์โหลดฟรี ไฟล์ PDF ความยาว 121 หน้า ภาษาอังกฤษ) ซึ่งจัดทำโดยบริษัท IDEO ผู้ริเริ่มแนวคิดและแนวปฏิบัติ Design Thinking โดยความร่วมมือกับห้องสมุดประชาชนชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา และห้องสมุดประชาชนเมืองอาร์ฮุส ประเทศเดนมาร์ก ภายใต้การสนับสนุนของมูลนิธิบิลล์และเมลินดาเกตส์ aakb.dk
และดาวน์โหลดฉบับสรุปย่อภาษาไทย ความยาว 8 หน้า แปลโดย ผศ.ดร. สมศักดิ์ ศรีบริสุทธิ์สกุล ได้ที่ designthinkingforlibraries.com
ติดตามข้อมูลข่าวสารความรู้เกี่ยวกับการคิดเชิงออกแบบสำหรับห้องสมุด ที่ designthinkingforlibraries.com
ที่มา
เว็บไซต์ Design Thinking for Libraries (Online)