การล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้เด็กวัยรุ่นใช้เวลากับหน้าจอเพิ่มขึ้น
ผู้ปกครองจำนวนมากกังวลว่าลูกๆ ของพวกเขาใช้เวลาหลายชั่วโมงไปกับคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน จนอาจกลายเป็นการเสพติด
เด็กหญิงวัยมัธยมจากเมืองเจนัว ประเทศอิตาลี เล่าว่าเธอใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมงต่อวันอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ และใช้เวลากับสมาร์ทโฟนมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว ส่งผลต่อการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น การนอนหลับ และรู้สึกว่าคงอยู่ไม่ได้อีกแล้วถ้าขาดสิ่งเหล่านี้
ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาจากหน่วยงานสุขภาพท้องถิ่นเมืองเจนัวแนะนำว่า พ่อแม่มักวัดการเสพติดเทคโนโลยีของลูก ด้วยจำนวนชั่วโมงที่พวกเขาอยู่หน้าจอ แต่แท้จริงแล้วเราควรศึกษาว่า วัยรุ่นใช้อินเทอร์เน็ตอย่างไรและทำไมจึงใช้เป็นเวลานาน
นักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญด้านการเสพติดไซเบอร์ จากกรุงปารีส ให้ความเห็นว่า 98% ของเยาวชนที่หมกมุ่นกับการอยู่หน้าจอเป็นพวกที่มีไอคิวสูง แต่พวกเขามักมีความหวาดกลัวสังคมและโรงเรียน วิดีโอเกมคือสิ่งที่ช่วยให้พวกเขาหลบเลี่ยงหลีกหนีจากความจริง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญรายนี้มองว่าพฤติกรรมติดเกมนั้นอาจพัฒนาให้เป็นความสามารถที่สร้างมูลค่าได้
เป็นที่มาของโครงการ Heros school ซึ่งคัดเลือกเด็กติดเกมเข้าร่วมเพื่อรักษาโรคกลัวสังคม และส่งเสริมให้พวกเขาพัฒนาต่อยอดไปเป็นนักออกแบบเกมต่อไป
วัยรุ่นชายอายุ 16 ปีคนหนึ่งในโครงการ ใช้เวลาอยู่หน้าจอสูงสุดถึง 16 ชั่วโมงต่อวัน เล่าว่าเขามีความสุขกับสิ่งที่ทำและไม่คิดว่าเป็นการเสพติด ขณะที่พ่อแม่มองว่าเทคโนโลยีเป็นพื้นที่สร้างความสุขและช่วยปลอบโยน ซึ่งเป็นมิตรมากกว่าศัตรู
ดังนั้น จึงยังเร็วเกินไปที่จะวิเคราะห์ผลกระทบจากสภาวะความโดดเดี่ยวทางสังคมที่ยืดเยื้อและพฤติกรรมการใช้เวลาอยู่หน้าจอของเยาวชนวัยรุ่น
เพราะหน้าจอจะไม่หายไปไหน และเราอาจต้องคุ้นเคยกับความเป็นจริงใหม่ที่เกิดขึ้นนี้
ที่มา
บทความ “Is the pandemic fuelling cyber-addiction in young people?” จาก euronews.com (Online)