บาร์บารา ชเมลเซอร์ (Barbara Schmelzer) เป็นช่างซ่อมหนังสือ และเป็นอาสาสมัครให้กับ Lifeline องค์กรช่วยเหลือผู้ที่คิดฆ่าตัวตาย ที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เธอสะดุดตาเข้ากับหนังสือ “Earl of Derby” ของจอร์จ เซนต์สบิวรี่ (George Saintsbury) ฉบับตีพิมพ์ครั้งแรกปี 2435 มันถูกเก็บอยู่ในหมวดของสะสมในร้านค้าหาทุนขององค์กร ซึ่งเคยนำออกไปขายในงานบุ๊กแฟร์แล้วแต่ขายไม่ออก
เมื่อเปิดดูด้านในก็พบว่าหน้าท้ายของหนังสือมีกระดาษแปะกาว เป็นประกาศแจ้งของห้องสมุดนิวทาวน์ (Newtown Library) เมืองเวลลิงตัน ประเทศนิวซีแลนด์ ว่ามีการคิดค่าปรับกรณีคืนหนังสือล่าช้าวันละ 2 เพนนี
.
หนังสือเล่มนี้ถูกยืมออกมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2445 นั่นหมายความว่า วันเวลาล่วงเลยมาแล้วร้อยกว่าปี !
.
บาร์บาราตกใจ และตั้งใจส่งมันข้ามน้ำข้ามทะเลกลับไปยังห้องสมุดที่มันจากมานับศตวรรษ แน่นอนว่าเธอไม่ลืมที่จะตรวจเช็คสภาพหนังสือ แล้วซ่อมมันให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์เสียก่อน
.
โฆษกห้องสมุดนิวทาวน์กล่าวว่า เหล่าบรรณารักษ์ต่างรู้สึกขนลุกเมื่อได้รับหนังสือคืน มันอาจเป็นหนึ่งในหนังสือที่อยู่ในคอลเลกชันดั้งเดิมตั้งแต่วันเริ่มเปิดให้บริการ ซึ่งเป็นปีเดียวกันกับที่หนังสือเล่มนี้ถูกยืมออกไป
.
ห้องสมุดได้เพิกถอนค่าปรับวันละ 2 เพนนีสำหรับหนังสือรายการนี้ อย่างไรก็ตาม หน่วยเงินเพนนีก็ถูกยกเลิกการใช้ไปนานแล้ว หากเทียบกับมูลค่าเงินในปัจจุบัน (สมมติให้ 1 เพนนี มีค่าเท่ากับ 1 เซ็นต์) ค่าปรับดังกล่าวจะมีมูลค่า 860 ดอลลาร์หรือเกือบ 20,000 บาท
ที่มา
บทความ “Library book is returned 118 YEARS late – but fortunately the 86,000 penny fine is waived” จาก dailymail.co.uk (Online)