เมื่อหลับตาลงแล้วปล่อยใจให้หยุดนิ่ง ความว่างจะทำให้เรารับรู้สัมผัสอื่นๆ ได้ชัดเจน โดยเฉพาะ‘กลิ่น’ ที่ซ่านอยู่ที่ปลายจมูก เช่นกันกับเมื่อเราดับอคติหรือการด่วนตัดสิน ‘ใคร’ หรือ ‘สิ่งใด’ ใจที่เปิดกว้างก็จะเปิดโอกาสให้เราทบทวนและตกผลึกได้ดีกว่าที่เคย
นั่นคือสิ่งที่ ‘เพชร’ เจ้าของร้านกลิ่นหนังสือ ร้านหนังสืออิสระใน อ. เมือง จ.น่าน ต้องการถ่ายทอดให้เราฟัง
“สาเหตุหนึ่งที่เราจัดกิจกรรม Book Blind Date อย่างต่อเนื่องก็คือ อยากให้นักอ่านได้ลองเปิดใจอ่านหนังสือ โดยที่ไม่ตัดสินหนังสือไปล่วงหน้าเสียก่อน บางเล่มอาจจะเป็นแนวที่ไม่เคยอ่านหรือไม่คุ้นเคย แต่การได้ลองเปิดใจอ่าน ก็อาจจะทำให้หนังสือเล่มนั้นกลายเป็นหนังสือเล่มโปรดได้ในสักวัน…” เหมือนที่ครั้งหนึ่งเพชรเคยเปิดใจแล้วมองเห็นเสน่ห์ของหนังสือปรัชญาแบบเข้มข้นจากกิจกรรมนัดบอดหนังสือในห้องสมุด
Book Blind Date เป็นหนึ่งในกิจกรรมของร้าน ‘กลิ่นหนังสือ’ ที่ดำเนินมาต่อเนื่องยาวนานตั้งแต่เริ่มต้นเปิดร้าน ห่อหนังสือสีน้ำตาล รวงข้าว และเชือกป่าน กลายมาเป็นภาพจำของร้าน โดยปกติลูกค้าสามารถเข้าไปเลือกซื้อหนังสือที่ถูกห่ออย่างมิดชิดได้จากทางเว็บไซต์ จะอ่านเองหรือส่งเป็นของขวัญให้กับเพื่อนก็ได้
ส่วนในช่วงเทศกาลพิเศษ เช่น ช่วงวาเลนไทน์ ผู้ที่สนใจสามารถนำหนังสือมาแลกกับเพื่อนนักอ่านได้ทั้งที่ร้านด้วยอีกทางหนึ่ง ในบางครั้งลูกค้าก็เลือกซื้อหนังสือที่ร้าน แล้วนำมาห่อกระดาษเพื่อแลกกับหนังสือใน ‘ตะกร้าสุ่ม’ เพชรเล่าว่ากิจกรรมนัดบอดแลกหนังสือเป็นกิมมิกเล็กๆ ของร้าน ที่เกิดขึ้นเพื่อให้ลูกค้า ‘สนุก’ ไปกับการอ่าน
นอกจากนี้ ยังมีไอเดียและความฝันอีกมากมายที่เธออยากจะทำ ทั้งที่เกี่ยวข้องกับการอ่านการเขียนโดยตรงและโดยอ้อม เช่น โปรเจกต์ห้องสมุดเล็กๆ ในชุมชน การออกแบบชั้นหนังสือของตัวเอง หรือโปรเจกต์สะสมแต้มให้ครบ 12 ดวง เพื่อรับหนังสือ 1 เล่ม เป็นของขวัญจากทางร้าน ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากการทำสติกเกอร์แฮนด์เมดให้กับนักเรียนเมื่อครั้งที่เพชรยังทำงานเป็นคุณครู
ท่ามกลางกระแสข่าวการปิดตัวหรือปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจของร้านหนังสืออิสระ เพชรไม่เคยท้อถอยและเชื่อมั่นว่าร้านหนังสือยังไปต่อได้ เธอขยายขอบเขตการทำงานอย่างขันแข็ง ทุกสื่อออนไลน์ของร้านมีความเคลื่อนไหวไม่ขาดตอน ทั้งการรีวิวหนังสือน่าอ่านในหลากหลายช่องทาง
“แต่ละช่วงวัย เพชรชอบอ่านหนังสือไม่เหมือนกัน เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตอนเด็กเพชรชอบอ่านการ์ตูน โตขึ้นก็ชอบอ่านนวนิยาย และวรรณกรรมแปล”
ระหว่างที่พูดคุย เพชรก็เล่าถึงหนังสือที่เคยอ่านในอดีตหลายต่อหลายเล่ม ความรักในการอ่านทำให้เพชรทำงานอย่างมีความสุข แต่จุดที่ทำให้ ร้านกลิ่นหนังสือ เกิดขึ้นและเดินทางมาจนถึงวันนี้ คือช่วงเวลา 4 เดือนในความทรงจำของการเป็นครูอาสาบนดอย นักเรียนของครูเพชรมีปัญหาเรื่องการอ่านการเขียน จนต้องพยายามเปลี่ยนทัศนคติด้วยการสรรหาหนังสือน่าอ่านมาให้ทดลอง เพราะเพชรรู้ดีว่าไม่อาจอยู่กับเด็กๆ ที่นี่ได้ตลอดไป เธอจึงอยากให้ห้องสมุดและหนังสือ ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางที่จะทำให้เด็กๆ สามารถเข้าถึงการเรียนรู้ได้ไม่รู้จบ
ภาพที่เพชรไม่เคยลืมเลือน คือแววตาเป็นประกายแสดงถึงความดีใจของเด็กๆ ที่พากันเดินห้อมล้อมครูเพชร ในขณะที่ช่วยกันแบกกล่องหนังสือที่ถูกนำมาส่งที่บ้านพักของคุณครู เพราะโรงเรียนตั้งอยู่สูงเกินกว่าที่บุรุษไปรษณีย์จะเดินทางขึ้นไปถึง ครูและลูกศิษย์เดินตัดสนามหญ้าเพื่อขนหนังสือเหล่านั้นไปเก็บไว้ที่ห้องสมุด
ตั้งแต่ออกเดินทางจากจุดเริ่มต้นมาถึงปัจจุบัน เพชรใช้ความรักการอ่านเป็นเครื่องนำทาง และอยากให้นักอ่านทุกท่านมองว่าการอ่านหนังสือเป็นเรื่อง ‘สนุก’ เพราะหากเริ่มต้นจากความรักความชอบแล้ว กิจกรรมการอ่านจะแตกแขนงออกไปได้อีกมาก
แม้ว่าผู้คนจะเข้าถึงและซื้อหนังสือได้มากขึ้นในปัจจุบัน แต่เพชรก็ยังเชื่อว่า ยังมีคนอีกมากมายที่ยังเข้าไม่ถึงการอ่าน และนั่นก็เป็นเป้าหมายในการทำงานของเพชร ที่จะส่งต่อความสุขในการอ่านหนังสือต่อไป เพชรมีโครงการห้องสมุดอยู่ในแพลนของเธอเสมอ
ก่อนลาจาก เพชรยิ้มแล้วเล่าให้เราฟัง แม้สิ่งที่ทำในวันนี้จะไกลแสนไกลจากการขนหนังสือมือสองขึ้นไปให้เด็กๆ บนดอยผลัดกันยืมอ่าน แต่สิ่งที่เธอไม่เคยลืมเลือนเลยคือ ‘กลิ่น’ ของหนังสือในความทรงจำเหล่านั้น นี่คือจุดเริ่มต้น และที่มาของชื่อร้านในวันนี้
“เวลาผ่านมาหลายปีแล้ว นับตั้งแต่ไปเป็นครูอาสา ได้พบกับเด็กๆ ที่มากพลัง และจุดประกายความฝันให้กับเราในการทำร้านหนังสือ มีหลายครั้งเหมือนกันที่พบกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่การได้หวนคิดถึงจุดเริ่มต้นในการทำร้าน ก็ทำให้มีพลังและกลับมามุ่งมั่นที่จะทำร้านหนังสือต่อไป”
“ยังคงคิดถึงเด็กๆ ที่โรงเรียนบ้านห้วยส้มป่อยเสมอ” เพชรทิ้งท้ายเอาไว้