The KOMMON
TK Park website
No Result
View All Result
The KOMMON
TK Park website
No Result
View All Result
The KOMMON
No Result
View All Result
 
Read
Book of Commons
‘ซาฮาโตโพล์ค’ ผู้ใหญ่ที่กลัวแสงสว่าง
Book of Commons
  • Book of Commons

‘ซาฮาโตโพล์ค’ ผู้ใหญ่ที่กลัวแสงสว่าง

146 views

 3 mins

2 MINS

April 22, 2022

by กฤษฎา ศุภวรรธนะกุล

April 22, 2022

Share on facebook
Share on twitter

          “เขา (ซาฮาโตโพล์ค) ไม่ใช่เทพ ความงมงายในการเทิดทูนเขาเกิดมาจากความกลัว”

          นับจากดึกดำบรรพ์ ความกลัวถูกบันทึกลงในดีเอ็นเอ มันช่วยให้มนุษย์อยู่รอด สืบเผ่าพันธุ์ และยึดครองโลก ในแง่นี้ความกลัวจึงมีประโยชน์

          โทมัส ฮอบส์ นักปรัชญาการเมืองชาวอังกฤษ ผู้มีชีวิตในยุคแห่งความปั่นป่วนของสงครามกลางเมืองในอังกฤษ สะท้อนออกมาเป็นแนวคิดว่าในสภาวะธรรมชาติ มนุษย์เห็นแก่ตัวและชั่วร้าย ทำทุกวิถีทางเพื่อเอาตัวรอด ไขว่คว้าสิ่งที่ต้องการโดยไม่สนขื่อแป ผู้ที่แข็งแรงกว่าก็อาจพลาดท่าให้คนที่อ่อนแอกว่าได้ มนุษย์จึงมีชีวิตท่ามกลางความหวาดกลัว เป็นสภาวะที่ทุกคนต่างทำสงครามต่อกันและกัน

          ฮอบส์ขมวดปมและคลายปมไว้ใน Leviathan หนังสือลือลั่นของเขาว่า หนทางเดียวที่จะหลุดจากสภาวะป่าเถื่อนคือการมอบอำนาจสูงสุดเด็ดขาดให้แก่องค์อธิปัตย์หนึ่งเดียว เพื่อกำราบใครก็ตามที่ละเมิดข้อตกลงพื้นฐานของสังคม พูดให้ง่ายคือแปรเปลี่ยนความกลัวต่อทุกคนไปกลัวคนเพียงคนเดียวแล้วความวุ่นวายทุกสิ่งจะราบคาบ

          มนุษย์ใช้ความกลัวปกครองและครอบงำมาตลอด จวบจนเราเริ่มค้นหาแสงสว่างและเชื่อว่าเราเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเหตุผล มีสิทธิมีเสียง มีศักดิ์ศรี เพียงพอจะสร้างบทสนทนาและอยู่ร่วมกันอย่างสันติโดยมิต้องพึ่งพิงความกลัวจากอำนาจกดขี่ใดๆ ไม่ว่าของพระเจ้าหรือของมนุษย์ด้วยกัน

          เบอร์ทรันด์ รัสเซลล์ นักปรัชญาและนักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษอีกคนหนึ่ง เขาเกิดหลังฮอบส์ประมาณ 4 ศตวรรษ เขียนนวนิยายขนาดสั้น ‘ซาฮาโตโพล์ค’ (Zahatopolk) เสียดสีและเย้ยหยันความมืดบอด การก้าวถอยหลัง ความหลงตนของมนุษย์

Zahatopolk

          ซาฮาโตโพล์คเล่าเรื่องราวในอนาคต ณ ประเทศเปรู เจ้าอาณานิคมผิวขาวและผิวเหลืองล่มสลายไปนานแล้ว นี่คือช่วงเวลาผงาดขึ้นครองโลกของคนผิวแดง คล้ายกับว่ามนุษย์ไม่เคยเรียนรู้ ผู้ปกครองผิวแดงใช้วิธีกดปราบ กีดกัน และแบ่งแยกคนผิวสีอื่นลงเป็นทาส กำหนดให้ชนผิวแดงแต่งงานกันเองเพื่อรักษาความบริสุทธิ์ของสายเลือด สร้างข้อห้ามไร้สาระและวิปริตมากมาย เช่น ห้ามกินถั่ว การกินเนื้อทารก จำกัดเสรีภาพในการคิด ในเนื้อตัวร่างกาย ในการเลือกหนทางชีวิตของตน การบูชายัญหญิงบริสุทธิ์ ฯลฯ

          ความบ้าบอทั้งหมดทั้งมวลนี้ดำรงอยู่ได้ด้วยตำนานปรัมปราและความหวาดกลัวต่อเทพเจ้าซาฮาโตโพล์ค พร้อมกับสถาปนามนุษย์คนหนึ่งเป็นเทพเจ้าโดยเรียกว่า กษัตริย์

          ช่างย้อนแย้ง การกดขี่ด้วยความกลัวกับกลัวการตั้งคำถาม เทพเจ้าซาฮาโตโพล์คผู้ยิ่งใหญ่เปราะบางต่อความสงสัยใคร่รู้ของดรุณีนาม ดิโอติมา พลันที่เธอ ‘ตาสว่าง’ แม้แต่พ่อแม่ ครู คนรัก เทพเจ้า หรือความตายก็ไม่สามารถปิดตาเธอได้อีกเป็นครั้งที่สอง

          ชนชั้นนำเปรูประหารดิโอติมาอย่างโหดเหี้ยมท่ามกลางสาธารณชน หวังใช้ความกลัวหยุดยั้งคำถาม หารู้ไม่ว่าความกล้าหาญของดิโอติมาจุดประกายให้อีกผู้หนึ่ง ณ ลานประหารสานต่อภารกิจ

          หลังจากอ่านจบ ผมเกิดคำถามว่าจริงๆ แล้วมนุษย์เข้มแข็งหรืออ่อนแอ?

          บ่อยครั้ง เราช่างเด็ดเดี่ยว ห้าวหาญ ถึงขั้นพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน บ่อยครั้งเช่นกันที่เราช่างอ่อนแอ หวาดกลัวการยืนด้วยแข้งขาของตน จนต้องเสกสร้างพระเจ้าองค์ใหม่ๆ เพื่อยึดเหนี่ยวทั้งที่เพิ่งทำลายพระเจ้าองค์ก่อนหน้าไป แล้วสร้างวงจรการกดขี่ใหม่

          คำนำสำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น เมื่อปี 2533 เขียนว่า ชื่อของรัสเซลล์ในฐานะนักปรัชญาควบนักเขียนอาจไม่โด่งดังเหมือนซาร์ตหรือกามูส์ แต่การดูเบานวนิยาย ‘ซาฮาโตโพล์ค’ ถือเป็นความผิดพลาด (ในแง่การการันตีด้วยรางวัล รัสเซลล์ก็ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมเช่นกัน)

           ผมเชื่อว่ารัสเซลล์ นักต่อต้านสงครามตัวยง ครุ่นคิดมาอย่างดีกับ ‘ซาฮาโตโพล์ค’ ทั้งการประชดประชันแนวคิดทางการเมืองต่างๆ และบอกใบ้ถึงความอ่อนแอของมนุษย์ในตอนท้ายของเรื่อง มันเป็นนวนิยายที่ไร้กาลเวลา

          จะน่าเศร้าสักเพียงไหน ถ้าในยุคนี้แล้ว มนุษย์ยังต้องอยู่ด้วยความหวาดกลัวเทพเจ้าที่สร้างขึ้นเอง ยังต้องสร้างความกลัวเพื่อปิดปาก จับสาวน้อยเช่นดิโอติมาเข้าคุกและประหาร

          เรื่องที่น่าโศกเศร้าที่สุดคืออะไรหรือ?

          เพลโต เสาหลักแห่งปรัชญาตะวันตก ผู้เกิดก่อนฮอบส์ประมาณ 20 ศตวรรษ พูดไว้ว่า

          “We can easily forgive a child who is afraid of the dark; the real tragedy of life is when men are afraid of the light.”

          “เราสามารถให้อภัยเด็กที่กลัวความมืดได้อย่างง่ายดาย โศกนาฏกรรมในชีวิตจริงก็คือ เมื่อผู้ใหญ่กลัวแสงสว่างต่างหาก”

          สิ่งนี้ต่างหากคือโศกนาฏกรรมที่แท้จริง

Share on facebook
Share on twitter

เรื่องโดย

145
VIEWS
กฤษฎา ศุภวรรธนะกุล เรื่อง

เริ่มต้นอ่านหนังสือเพราะความอิจฉาในวัยรุ่นและเริ่มต้นทำเพจ WanderingBook เพราะความป่วยไข้ในวัยผู้ใหญ่ อันที่จริงการรีวิวหนังสือเป็นแค่ครึ่งหนึ่ง ครึ่งที่เหลือคือการบอกเล่าความคิดต่อผู้คน สังคม การเมือง และอื่นๆ ประดามีผ่านหนังสือ ใช้ชีวิตในห้องเล็กๆ กับหนังสือกองใหญ่…และแมวอีก 1 ตัวชื่อ ‘เพลโต’

          “เขา (ซาฮาโตโพล์ค) ไม่ใช่เทพ ความงมงายในการเทิดทูนเขาเกิดมาจากความกลัว”

          นับจากดึกดำบรรพ์ ความกลัวถูกบันทึกลงในดีเอ็นเอ มันช่วยให้มนุษย์อยู่รอด สืบเผ่าพันธุ์ และยึดครองโลก ในแง่นี้ความกลัวจึงมีประโยชน์

          โทมัส ฮอบส์ นักปรัชญาการเมืองชาวอังกฤษ ผู้มีชีวิตในยุคแห่งความปั่นป่วนของสงครามกลางเมืองในอังกฤษ สะท้อนออกมาเป็นแนวคิดว่าในสภาวะธรรมชาติ มนุษย์เห็นแก่ตัวและชั่วร้าย ทำทุกวิถีทางเพื่อเอาตัวรอด ไขว่คว้าสิ่งที่ต้องการโดยไม่สนขื่อแป ผู้ที่แข็งแรงกว่าก็อาจพลาดท่าให้คนที่อ่อนแอกว่าได้ มนุษย์จึงมีชีวิตท่ามกลางความหวาดกลัว เป็นสภาวะที่ทุกคนต่างทำสงครามต่อกันและกัน

          ฮอบส์ขมวดปมและคลายปมไว้ใน Leviathan หนังสือลือลั่นของเขาว่า หนทางเดียวที่จะหลุดจากสภาวะป่าเถื่อนคือการมอบอำนาจสูงสุดเด็ดขาดให้แก่องค์อธิปัตย์หนึ่งเดียว เพื่อกำราบใครก็ตามที่ละเมิดข้อตกลงพื้นฐานของสังคม พูดให้ง่ายคือแปรเปลี่ยนความกลัวต่อทุกคนไปกลัวคนเพียงคนเดียวแล้วความวุ่นวายทุกสิ่งจะราบคาบ

          มนุษย์ใช้ความกลัวปกครองและครอบงำมาตลอด จวบจนเราเริ่มค้นหาแสงสว่างและเชื่อว่าเราเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเหตุผล มีสิทธิมีเสียง มีศักดิ์ศรี เพียงพอจะสร้างบทสนทนาและอยู่ร่วมกันอย่างสันติโดยมิต้องพึ่งพิงความกลัวจากอำนาจกดขี่ใดๆ ไม่ว่าของพระเจ้าหรือของมนุษย์ด้วยกัน

          เบอร์ทรันด์ รัสเซลล์ นักปรัชญาและนักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษอีกคนหนึ่ง เขาเกิดหลังฮอบส์ประมาณ 4 ศตวรรษ เขียนนวนิยายขนาดสั้น ‘ซาฮาโตโพล์ค’ (Zahatopolk) เสียดสีและเย้ยหยันความมืดบอด การก้าวถอยหลัง ความหลงตนของมนุษย์

Zahatopolk

          ซาฮาโตโพล์คเล่าเรื่องราวในอนาคต ณ ประเทศเปรู เจ้าอาณานิคมผิวขาวและผิวเหลืองล่มสลายไปนานแล้ว นี่คือช่วงเวลาผงาดขึ้นครองโลกของคนผิวแดง คล้ายกับว่ามนุษย์ไม่เคยเรียนรู้ ผู้ปกครองผิวแดงใช้วิธีกดปราบ กีดกัน และแบ่งแยกคนผิวสีอื่นลงเป็นทาส กำหนดให้ชนผิวแดงแต่งงานกันเองเพื่อรักษาความบริสุทธิ์ของสายเลือด สร้างข้อห้ามไร้สาระและวิปริตมากมาย เช่น ห้ามกินถั่ว การกินเนื้อทารก จำกัดเสรีภาพในการคิด ในเนื้อตัวร่างกาย ในการเลือกหนทางชีวิตของตน การบูชายัญหญิงบริสุทธิ์ ฯลฯ

          ความบ้าบอทั้งหมดทั้งมวลนี้ดำรงอยู่ได้ด้วยตำนานปรัมปราและความหวาดกลัวต่อเทพเจ้าซาฮาโตโพล์ค พร้อมกับสถาปนามนุษย์คนหนึ่งเป็นเทพเจ้าโดยเรียกว่า กษัตริย์

          ช่างย้อนแย้ง การกดขี่ด้วยความกลัวกับกลัวการตั้งคำถาม เทพเจ้าซาฮาโตโพล์คผู้ยิ่งใหญ่เปราะบางต่อความสงสัยใคร่รู้ของดรุณีนาม ดิโอติมา พลันที่เธอ ‘ตาสว่าง’ แม้แต่พ่อแม่ ครู คนรัก เทพเจ้า หรือความตายก็ไม่สามารถปิดตาเธอได้อีกเป็นครั้งที่สอง

          ชนชั้นนำเปรูประหารดิโอติมาอย่างโหดเหี้ยมท่ามกลางสาธารณชน หวังใช้ความกลัวหยุดยั้งคำถาม หารู้ไม่ว่าความกล้าหาญของดิโอติมาจุดประกายให้อีกผู้หนึ่ง ณ ลานประหารสานต่อภารกิจ

          หลังจากอ่านจบ ผมเกิดคำถามว่าจริงๆ แล้วมนุษย์เข้มแข็งหรืออ่อนแอ?

          บ่อยครั้ง เราช่างเด็ดเดี่ยว ห้าวหาญ ถึงขั้นพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน บ่อยครั้งเช่นกันที่เราช่างอ่อนแอ หวาดกลัวการยืนด้วยแข้งขาของตน จนต้องเสกสร้างพระเจ้าองค์ใหม่ๆ เพื่อยึดเหนี่ยวทั้งที่เพิ่งทำลายพระเจ้าองค์ก่อนหน้าไป แล้วสร้างวงจรการกดขี่ใหม่

          คำนำสำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น เมื่อปี 2533 เขียนว่า ชื่อของรัสเซลล์ในฐานะนักปรัชญาควบนักเขียนอาจไม่โด่งดังเหมือนซาร์ตหรือกามูส์ แต่การดูเบานวนิยาย ‘ซาฮาโตโพล์ค’ ถือเป็นความผิดพลาด (ในแง่การการันตีด้วยรางวัล รัสเซลล์ก็ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมเช่นกัน)

           ผมเชื่อว่ารัสเซลล์ นักต่อต้านสงครามตัวยง ครุ่นคิดมาอย่างดีกับ ‘ซาฮาโตโพล์ค’ ทั้งการประชดประชันแนวคิดทางการเมืองต่างๆ และบอกใบ้ถึงความอ่อนแอของมนุษย์ในตอนท้ายของเรื่อง มันเป็นนวนิยายที่ไร้กาลเวลา

          จะน่าเศร้าสักเพียงไหน ถ้าในยุคนี้แล้ว มนุษย์ยังต้องอยู่ด้วยความหวาดกลัวเทพเจ้าที่สร้างขึ้นเอง ยังต้องสร้างความกลัวเพื่อปิดปาก จับสาวน้อยเช่นดิโอติมาเข้าคุกและประหาร

          เรื่องที่น่าโศกเศร้าที่สุดคืออะไรหรือ?

          เพลโต เสาหลักแห่งปรัชญาตะวันตก ผู้เกิดก่อนฮอบส์ประมาณ 20 ศตวรรษ พูดไว้ว่า

          “We can easily forgive a child who is afraid of the dark; the real tragedy of life is when men are afraid of the light.”

          “เราสามารถให้อภัยเด็กที่กลัวความมืดได้อย่างง่ายดาย โศกนาฏกรรมในชีวิตจริงก็คือ เมื่อผู้ใหญ่กลัวแสงสว่างต่างหาก”

          สิ่งนี้ต่างหากคือโศกนาฏกรรมที่แท้จริง

Share on facebook
Share on twitter

กฤษฎา ศุภวรรธนะกุล เรื่อง

เริ่มต้นอ่านหนังสือเพราะความอิจฉาในวัยรุ่นและเริ่มต้นทำเพจ WanderingBook เพราะความป่วยไข้ในวัยผู้ใหญ่ อันที่จริงการรีวิวหนังสือเป็นแค่ครึ่งหนึ่ง ครึ่งที่เหลือคือการบอกเล่าความคิดต่อผู้คน สังคม การเมือง และอื่นๆ ประดามีผ่านหนังสือ ใช้ชีวิตในห้องเล็กๆ กับหนังสือกองใหญ่…และแมวอีก 1 ตัวชื่อ ‘เพลโต’

Related Posts

The City as a Classroom ออกแบบเมืองให้เวิร์กกับการเรียนรู้
Book of Commons

The City as a Classroom ออกแบบเมืองให้เวิร์กกับการเรียนรู้

May 17, 2022
109
ทุกวันเป็นวันที่ดี : ความสุข 15 ประการที่การชงชาสอนฉัน
Book of Commons

‘ทุกวันเป็นวันที่ดี’ เกร็ดความคิดจากพิธีชงชา และปัจจุบันขณะอันล้ำค่า

March 22, 2022
109
ขุมทรัพย์บน ‘เกาะแห่งเวลาที่เสียไป’ ผิดไหมถ้าไม่ Productive ?
Book of Commons

ขุมทรัพย์บน ‘เกาะแห่งเวลาที่เสียไป’ ผิดไหมถ้าไม่ Productive ?

February 21, 2022
63

Related Posts

The City as a Classroom ออกแบบเมืองให้เวิร์กกับการเรียนรู้
Book of Commons

The City as a Classroom ออกแบบเมืองให้เวิร์กกับการเรียนรู้

May 17, 2022
109
ทุกวันเป็นวันที่ดี : ความสุข 15 ประการที่การชงชาสอนฉัน
Book of Commons

‘ทุกวันเป็นวันที่ดี’ เกร็ดความคิดจากพิธีชงชา และปัจจุบันขณะอันล้ำค่า

March 22, 2022
109
ขุมทรัพย์บน ‘เกาะแห่งเวลาที่เสียไป’ ผิดไหมถ้าไม่ Productive ?
Book of Commons

ขุมทรัพย์บน ‘เกาะแห่งเวลาที่เสียไป’ ผิดไหมถ้าไม่ Productive ?

February 21, 2022
63

กระซิบข่าวสารถึงคุณก่อนใคร

อัพเดทสาระความรู้ส่งตรงถึง email คุณ
ABOUT
SITE MAP
PRIVACY POLICY
CONTACT
Facebook-f
Youtube
Soundcloud
icon-tkpark

Copyright 2021 © All rights Reserved. by TK Park

  • READ
    • ALL
    • Common WORLD
    • Common VIEW
    • Common ROOM
    • Book of Commons
    • Common INFO
  • PODCAST
    • ALL
    • readWORLD
    • Coming to Talk
    • Read Around
    • WanderingBook
    • Knowledge Exchange
  • VIDEO
    • ALL
    • TK Forum
    • TK Common
  • UNCOMMON
    • ALL
    • Common ROOM
    • Common INFO
    • Common EXPERIENCE
    • Common SENSE

© 2021 The KOMMON by TK Park.

Welcome Back!

Login to your account below

Forgotten Password?

Retrieve your password

Please enter your username or email address to reset your password.

Log In

The KOMMON มีการใช้คุกกี้ เพื่อเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ไปวิเคราะห์และนำไปสู่การปรับปรุงการให้บริการที่ดียิ่งขึ้น คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่า อนุญาต
Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราห์

    คุกกี้นี้เป็นการเก็บข้อมูลสาธารณะ สำหรับการวิเคราะห์ และเก็บสถิติการใช้งานเว็บภายในเว็บไซต์นี้เท่านั้น ไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนตัวที่ไม่เป็นสาธารณะใดๆ ของผู้ใช้งาน

บันทึก

Add New Playlist