ที่ย่านนัมซาน เมืองปูซาน ในซอยย่านชุมชนอันเงียบสงบ ใกล้กับสถานีรถไฟใต้ดินเกือบสุดสายสีส้มของปูซาน บนภูเขาที่ไม่น่าจะมีพิพิธภัณฑ์ซ่อนตัวอยู่ได้ มีป้ายสีดำขรึมเขียนไว้ว่า ‘พิพิธภัณฑ์วรรณกรรมโยซาน คิม จอง-ฮัน’
‘ใช้ชีวิตให้สมกับเป็นคน’
ตัวอักษรฮันกึลขนาดใหญ่ในเครื่องหมายคำพูดปรากฏอยู่บนผนังด้านหน้าของอาคารพิพิธภัณฑ์ เคียงข้างใบหน้าของคิม จอง-ฮัน นามปากกา โยซาน เจ้าของข้อความดังกล่าว
โยซานเป็นนักเขียนชาวเกาหลีที่เกิดในปี 1908 ในย่านแห่งนี้ งานเขียนของเขาถ่ายทอดเรื่องราวของคนชายขอบในชนบท กระตุ้นให้ผู้คนรักชาติ ในยามที่เกาหลียังถูกปกครองโดยญี่ปุ่น เขาจึงโดนหมายหัวในฐานะนักเขียนที่ทำให้ผู้คนกระด้างกระเดื่องกับชนชั้นปกครอง ประโยคนี้จึงหมายถึงการใช้ชีวิตโดยไม่ยอมอ่อนข้อต่ออำนาจและหลงระเริงไปกับผลประโยชน์ที่ได้จากการเข้าข้างกลุ่มคนเหล่านั้น

ชื่อของโยซานกลายมาเป็นชื่อรางวัลวรรณกรรมสำคัญของปูซาน ที่หนังสือพิมพ์ปูซานอิลโบมอบให้นักเขียนที่มีผลงานโดดเด่นต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 39 แล้ว เรียกได้ว่าชื่อของเขาไม่เคยหายไปจากแวดวงวรรณกรรมเกาหลี แม้จะล่วงลับไปตั้งแต่ปี 1996
ความสำคัญและความหมายของนักเขียนคนหนึ่งที่มีบ้านเกิดที่นี่ จึงเป็นหนึ่งในสาเหตุของการเชื่อมร้อยความเป็นพิพิธภัณฑ์ให้เข้ากับชุมชน แต่ไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าเป็นอนุสรณ์แห่งการเชิดชู ที่เข้ามาเดินดูแล้วรู้สึกว่ากำลังเรียนรู้เรื่องราวของยอดมนุษย์ที่เราเอื้อมไม่ถึง
พิพิธภัณฑ์วรรณกรรมนี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วน เล่าเรื่องราวของนักเขียนคนเดียวก็คือโยซาน ชั้นแรกเป็นห้องสมุดเล็กๆ และห้องรับแขก มีรายชื่อนักเขียนผู้ได้รับรางวัลวรรณกรรมโยซานพร้อมประวัติและผลงาน บนชั้นหนังสือที่เรียงเกือบเต็มผนัง ผลงานเล่มเล็กๆ วางแสดงและจำหน่าย ส่วนชั้น 2 เป็นห้องจัดแสดงข้าวของของคิม จอง-ฮัน ถ่ายทอดชีวิตและความอุตสาหะของมนุษย์ผู้ดำรงชีวิตในฐานะนักเขียน อีกส่วนหนึ่งเป็นหนังสือของโยซานที่แปลไปเป็นภาษาต่างๆ หรือปรากฏในวารสารวรรณกรรมของต่างประเทศ
นิทรรศการในชั้น 2 แสดงให้เห็นบริบทความสัมพันธ์ของพิพิธภัณฑ์กับสถานที่ตั้ง ผนังด้านหนึ่งเล่าความเชื่อมโยงระหว่างโยซานกับย่านนัมซาน เช่น เป็นบ้านเกิดของเขา หรือการที่วัดพอมอซา วัดชื่อดังของย่านนี้ยังเป็นฉากหลังสำคัญของนิยายเรื่อง อกชิมมี ที่เขาเขียนขึ้นในปี 1936 ทำให้เราเห็นว่าการมีอยู่ของพิพิธภัณฑ์นั้นสัมพันธ์และมีความหมายกับพื้นที่ โดยไม่จำเป็นต้องดีไซน์ให้หวือหวา
พิพิธภัณฑ์เล่าเรื่องราวของคนคนหนึ่งอย่างเรียบง่าย มีห้องนิทรรศการที่จัดแสดงข้าวของที่แสนธรรมดา ทั้งเครื่องเขียน ตราประทับเอกสาร สร้อยไม้กางเขน สมุดบัญชี แท่นหมึก บัตรลงทะเบียนผู้ป่วย แว่นขยาย ลูกคิด นามบัตรภาษาต่างๆ ปริญญาบัตร มีแม้กระทั่งบัตรประจำตัวประชาชน หรือกรรไกรตัดเล็บ สถานที่นี้จึงน่าสนใจเพราะซ่อนกลิ่นอายของอดีตที่ไม่ใช่แค่นักเขียนชื่อดังห่างเหิน แต่เป็นมนุษย์เดินดินที่เคยใช้ชีวิตเหมือนกับเรา
ของที่จัดแสดงมีบัตรคำภาษาเกาหลีจำนวนมาก นี่คือพจนานุกรมคลังคำทำมือที่เขาบันทึกและรวบรวมด้วยตัวเองจนกลายเป็นกองใหญ่เพื่อใช้ทำงานเขียน ใบเกรดสมัยเรียนที่ญี่ปุ่นซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ใช่คนเรียนเก่ง แต่มุ่งมั่นเรื่องการเขียนการอ่านเป็นหลัก หรือแม้แต่ผังไทม์ไลน์สำคัญทางประวัติศาสตร์เกาหลีแผ่นใหญ่ยักษ์ที่โยซานเขียนขึ้นมาเองกับมือเพื่อใช้ประกอบการเขียนนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ของเขา
ความเป็น ‘คนชายขอบ’ ที่ต่อสู้กับอำนาจอยุติธรรม คือสารที่พิพิธภัณฑ์วรรณกรรมแห่งนี้ต้องการสื่อความหมายกับผู้มาเยี่ยมเยียน นอกจากนี้ การจัดแสดงบอกเล่าเรื่องราวของโยซานในพิพิธภัณฑ์ยังให้ข้อคิดว่า การจะเรียนรู้และจดจำคนคนหนึ่งไม่จำเป็นต้องทำให้เขาดูสูงส่งเลิศเลอ ขอเพียงแค่คนคนนั้นใช้ชีวิตอย่างมีความหมายต่อคนอื่นๆ ให้มากพอ ข้าวของ “ธรรมดาๆ” ของเขาก็จะถูกเก็บเอาไว้เพื่อบันทึกความทรงจำ


















ที่มา
Cover Photo: Visit Busan