The KOMMON
TK Park website
No Result
View All Result
The KOMMON
TK Park website
No Result
View All Result
The KOMMON
No Result
View All Result
 
Read
Book of Commons
เข้าใจตัวเอง เข้าใจเงิน ‘The Psychology of Money’ (หนังสือเล่มนี้ไม่เหมาะกับคนอยากรวยเร็ว)
Book of Commons
  • Book of Commons

เข้าใจตัวเอง เข้าใจเงิน ‘The Psychology of Money’ (หนังสือเล่มนี้ไม่เหมาะกับคนอยากรวยเร็ว)

832 views

 7 mins

2 MINS

March 21, 2023

Last updated - April 4, 2023

          หนังสือบางเล่ม การบอกว่ามันเหมาะกับใครอาจเป็นเรื่องยาก แต่ง่ายกว่าถ้าบอกว่ามันไม่เหมาะกับใคร ‘The Psychology of Money’ หรือ ‘จิตวิทยาว่าด้วยเงิน’ ของ Morgan Housel จัดเป็นหนังสือประเภทที่ว่า

          หนังสือเล่มนี้ไม่เหมาะกับคนที่ต้องการรวยเร็ว หรือค้นหาสูตรสำเร็จในการสร้างความมั่งคั่งจากการลงทุนไม่ว่าจะเป็นแนว Trading หรือแนว Value (แม้ว่าผู้เขียนจะเป็นนักลงทุนในแบบหลัง) ไม่เหมาะกับคนที่ไม่เชื่อเรื่องการอดออมและอดทน และ (น่าจะ) ไม่เหมาะกับคนที่ปราศจากความรู้ทางการเงินโดยสิ้นเชิง มันไม่บอกวิธีหามูลค่าที่แท้จริงของหุ้น ไม่บอกวิธีอ่านกราฟ ไม่บอกวิธีเอาชนะตลาด ไม่บอกหลายสิ่งอย่างที่หนังสือฮาวทูด้านการลงทุนมักเสนอขายแก่ผู้อ่าน

          เป็นที่ยอมรับแล้วว่าการจัดการการเงินส่วนบุคคล (Personal Finance Management) มีความสำคัญต่อความเป็นอยู่ของมนุษย์ ไม่เกี่ยวกับว่าคุณจะชอบหรือชังทุนนิยม คุณจะมัธยัสถ์หรือฟุ่มเฟือย คุณจะอยากมีชีวิตวัยเกษียณอันเรียบง่ายหรือออกเดินทางรอบโลก ฯลฯ เพราะคุณจำเป็นต้องใช้เงินขับเคลื่อนชีวิต ปากท้อง และความปรารถนา ใครจะกล้าปฏิเสธได้

          ยิ่งอยู่ในรัฐที่สวัสดิการไม่พร้อม การขึ้นค่าแรงทำได้เพียงครั้งห้าบาทสิบบาท ที่ดินกระจุกตัวอยู่ในมือผู้มั่งมี ต้นทุนการเดินทางขนส่งแพง ฯลฯ การจัดการการเงินก็ยิ่งทวีความสำคัญ

          ความน่าขัน น่าขื่น และน่าขุ่นคือ มันเป็นประเด็นสำคัญที่ไม่ถูกบรรจุอยู่ในหลักสูตรการศึกษา สั่งสอนแค่ให้ประหยัดและพอเพียงซึ่งไม่เพียงพอ

          เนื้อหาของ ‘The Psychology of Money’ คือการกลับไปทำงานกับทัศนคติ มายาคติ ความเชื่อผิดๆ จำนวนหนึ่งที่คุณมีต่อเงิน หรือแม้กระทั่งสามัญสำนึกพื้นๆ แต่มักถูกละเลยและถูกมองว่าคร่ำครึ บางประเด็นอาจจะขัดอกทุนนิยมและขัดใจแนวคิดการใช้เงินของคนยุคปัจจุบัน

          สิ่งที่ผมเห็นว่าเป็นจุดเด่นของหนังสือเล่มนี้อยู่ที่มันกล่าวถึงความรู้สึกนึกคิด จิตใจของมนุษย์ต่อการออมและการลงทุน ไม่ใช่ในเชิงต่อว่าด่าทอ หากแต่เป็นการทำความเข้าใจว่าเหตุใดคนคนหนึ่งถึงตัดสินใจทางการเงินแบบนั้น การตัดสินใจที่คุณหรือผมมองว่าไร้เหตุผลกลับสมเหตุสมผลอย่างยิ่งสำหรับอีกคน มันเป็นเนื้อหาในบทแรก ‘ไม่มีใครเป็นคนบ้า’ ที่ช่วยให้เราเข้าใจตัวเองและคนอื่นก่อน เนื่องจากชีวิตมีความหลากหลาย มากมายบริบท

          คนที่ใช้ชีวิตในยุควิกฤตต้มยำกุ้งที่ปะทุขึ้นในปี 2540 มีมาตรวัดความเสี่ยงส่วนตัวต่อการลงทุนหุ้นแตกต่างกับคนที่เติบโตในยุควิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ และย่อมแตกต่างจากนักเก็งกำไรในยุคบิตคอยน์ หรือถ้าคุณเคยแร้นแค้นสาหัส ก็ไม่แปลกที่จะเก็บเงินสดไว้เป็นจำนวนมากแทนที่จะนำไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นที่ให้ผลตอบแทนมากกว่าตามที่ปรึกษาทางการเงินแนะนำ ดังนั้น มันจึงสมเหตุสมผล ไม่ผิดหรือถูก

          พวกเราแต่ละคนออมและลงทุนจากประสบการณ์ ความรู้ ความสุข ความเจ็บปวด ฯลฯ ที่เราครอบครอง แทบไม่มีหนังสือว่าด้วยการลงทุนเล่มใด (อย่างน้อยก็เท่าที่ผมเคยอ่าน) ให้ความสำคัญกับชีวิตจิตใจของนักลงทุน ส่วนใหญ่มักบอกขั้นตอน วิธีการ แนวคิด และเรียกร้องการรักษาวินัยโดยละเลยการทำความเข้าใจประเด็นนี้ ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานที่สำคัญที่สุดหลักการหนึ่งของการลงทุนนั่นคือ การรู้จักตัวเอง

          คุณคิดว่าทักษะทางการเงินใดที่ยากที่สุด?

          คำตอบส่วนใหญ่คงออกไปเรื่องการค้นหาหุ้นหรือกองทุน การคำนวณมูลค่าหุ้น การตัดขาดทุน หรือการรักษาวินัยทางการเงิน (ซึ่งข้อนี้ก็ยากจริง)

เข้าใจตัวเอง เข้าใจเงิน ‘The Psychology of Money’ (หนังสือเล่มนี้ไม่เหมาะกับคนอยากรวยเร็ว)

          ไม่ใช่เลย Morgan Housel เฉลยว่า

          ‘ทักษะทางการเงินที่ยากที่สุดคือการทำให้เป้าหมายหยุดเคลื่อนที่’

          คุณคิดว่าคุณต้องมีเงินเท่าไหร่ถึงเพียงพอต่อการดูแลตัวเอง ครอบครัว และใช้ชีวิตหลังเกษียณอย่างมีคุณภาพชีวิต แน่นอน คำตอบของแต่ละคนไม่เท่ากัน

          ความซับซ้อนในใจมนุษย์เกี่ยวกับจิตวิทยาว่าด้วยเงินตรงที่ ตัวเลขมักขยับขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในเวลาที่การลงทุนกำลังสร้างผลตอบแทนได้ดี ตลาดหุ้นอยู่ในภาวะกระทิง หรือคุณมีความต้องการมากขึ้นตามปริมาณเงินในบัญชีที่มากขึ้น ต้องการมากขึ้นเพราะสนามหญ้าของเพื่อนบ้านเขียวสดกว่า กระเป๋าที่เพื่อนในออฟฟิศถือแพงกว่า ฯลฯ สรุปให้ง่ายคือ ‘ไม่เคยพอ’ มันจะทำให้เป้าหมายทางการเงินของคุณขยับขึ้นไม่รู้จบ สุดท้ายคุณจะพร้อมเสี่ยงมากขึ้นและมากขึ้น

          ถ้าคุณโชคดี คุณอาจทำได้ ถ้าคุณโชคร้าย คุณอาจสูญเสียเงินก้อนโตที่เก็บหอมรอมริบมา

          “ระบบทุนนิยมสมัยใหม่นั้นให้การสนับสนุนสองสิ่งคือ การสร้างความมั่งคั่งและการสร้างความอิจฉา บางทีสองสิ่งนี้ก็จูงมือไปพร้อมกัน”

          ผู้เขียนเล่าเรื่องราวของ Rajat Gupta ที่ถีบตัวเองจากความยากไร้สู่ความมั่งคั่งและเกียรติยศระดับโลก ปี 2008 Gupta ครอบครองความมั่งคั่งถึง 100 ล้านเหรียญ มันเป็นตัวเลขที่คนส่วนใหญ่แม้แต่ฝันก็ยังไม่กล้า แล้ว Gupta ก็ใช้ข้อมูลวงในซื้อขายหุ้น เขาติดคุก สูญเสียความมั่งคั่งและเกียรติยศที่ใช้เวลาสะสมมาทั้งชีวิตเพราะเขาไม่พอ

          การได้มาซึ่งความมั่งคั่งกับการรักษาความมั่งคั่งเอาไว้จึงเป็นคนละเรื่อง มันมักได้มายาก แต่เวลาที่มันล่มสลายมันก็ง่ายดายจนแทบทำใจไม่ทัน

          การทำให้เป้าหมายหยุดเคลื่อนที่เชื่อมโยงกับ ‘อิสรภาพ’ คำสุดฮิตที่เราอยากไปให้ถึง แต่เราเข้าใจคำนี้ดีแค่ไหน Morgan Housel เขียนว่า อิสรภาพ คือ…

          “ความสามารถในการทำสิ่งที่คุณต้องการ ในเวลาที่คุณต้องการ กับผู้คนที่คุณต้องการ นานตราบเท่าที่คุณต้องการนั้นคือสิ่งที่ประเมินค่ามิได้ มันคือปันผลสูงที่สุดที่เงินจ่ายให้กับคุณ”

          อิสรภาพไม่ใช่การใช้จ่ายเงินมากเท่าไหร่ก็ได้ อยากซื้ออะไรก็ได้ อยากไปไหนก็ได้ แต่มันเป็นการใช้เวลาอันเป็นทรัพยากรที่มีค่าไปกับสิ่งสำคัญจริงๆ ในชีวิต ไม่ใช่กับสิ่งของ

          Morgan Housel ไม่ได้บอกวิธีการลงทุนเลย (เขาเล่าวิธีที่เขาใช้ซึ่งเหมาะกับตัวเขาและครอบครัว ไม่ได้บอกให้ทำตาม) เนื้อหาทั้งหมดให้ความสำคัญกับการสร้าง Mindset ทางการเงิน-การเข้าใจตัวเอง เข้าใจความเสี่ยง การตระหนักถึงความผันผวน การรับมือกับความไม่แน่นอน…

          ผู้อ่านอาจรู้สึกว่ามุมมองการออมและการลงทุนของ Morgan Housel ค่อนข้างระมัดระวังตัวเกินไป มีมุมมองทางศีลธรรมมากเกินไป (?) ไม่ผิดถ้าจะคิดเช่นนั้น อย่าลืมว่า ‘ไม่มีใครเป็นคนบ้า’ มันแค่สอดคล้องและทำงานได้ดีสำหรับเขา

          “ฉันหาเงินมาเหนื่อย ฉันจะใช้จ่ายยังไงก็ได้” เป็นค่านิยมที่ได้รับการยอมรับ แง่หนึ่งมันก็แสดงออกถึงเสรีภาพของบุคคลและรางวัลจากการทำงาน จุดที่ต้องระวังคือเราไม่รู้ชีวิตทางการเงินของคนอื่น การกินหรูอยู่ดีอาจเป็นเงินที่ถูกกันไว้แล้วหลังจากเก็บออมและลงทุนก็ได้

          หลักการทางการเงิน วิธีการลงทุน สูตรคำนวณ ฯลฯ มีอยู่ทั่วไป แต่การใช้ชีวิตเป็นปริศนาที่เราต้องขบคิดเอาเอง

          ในบทสุดท้าย Morgan Housel วิเคราะห์เส้นทางลัทธิบริโภคนิยมแตะมิติความเหลื่อมล้ำในสังคมอเมริกันเอาไว้ให้คิดต่อ ซึ่งก็เป็นอีกประเด็นที่หนังสือทางการเงิน (อย่างน้อยก็เท่าที่ผมเคยอ่าน)

          สมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทยหรือทีดีอาร์ไอ พูดในงาน ‘สู่ทางออกการแก้หนี้แก้จนไทย’ จัดโดยสถาบันป๋วย อึ๊งภากรณ์ ธนาคารแห่งประเทศไทยว่า

          “ปัญหาของประเทศเราคือมีคน 2 กลุ่มนี้มากเกินไป คนรวยที่ไม่สมควรรวย และคนจนที่ไม่สมควรจน”

          คนจนที่ไม่ควรจนเพราะขาดโอกาส เข้าไม่ถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ ขาดสวัสดิการ ขาดอำนาจต่อรอง ฯลฯ

          คนรวยที่ไม่ควรรวยเพราะผูกขาด ใช้เส้นสายในทางไม่ชอบ ทุจริต รับมรดกจากพ่อแม่ที่รวยอย่างไม่สมควรรวย ฯลฯ

          การส่งเสริมให้ประชาชนเก็บออมและลงทุนกับการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำต้องทำไปพร้อมๆ กัน หากทำสิ่งแรก เพิกเฉยสิ่งหลัง ย่อมไม่ต่างกับการหลอกลวง ผลักภาระลงบนบ่าของประชาชนแล้วพร่ำสอนว่าจงประหยัด อดทน และพอเพียง

Tags: แนะนำหนังสือ

เรื่องโดย

770
VIEWS
กฤษฎา ศุภวรรธนะกุล เรื่อง

แอดมินเพจ WanderingBook และสื่อมวลชน

          หนังสือบางเล่ม การบอกว่ามันเหมาะกับใครอาจเป็นเรื่องยาก แต่ง่ายกว่าถ้าบอกว่ามันไม่เหมาะกับใคร ‘The Psychology of Money’ หรือ ‘จิตวิทยาว่าด้วยเงิน’ ของ Morgan Housel จัดเป็นหนังสือประเภทที่ว่า

          หนังสือเล่มนี้ไม่เหมาะกับคนที่ต้องการรวยเร็ว หรือค้นหาสูตรสำเร็จในการสร้างความมั่งคั่งจากการลงทุนไม่ว่าจะเป็นแนว Trading หรือแนว Value (แม้ว่าผู้เขียนจะเป็นนักลงทุนในแบบหลัง) ไม่เหมาะกับคนที่ไม่เชื่อเรื่องการอดออมและอดทน และ (น่าจะ) ไม่เหมาะกับคนที่ปราศจากความรู้ทางการเงินโดยสิ้นเชิง มันไม่บอกวิธีหามูลค่าที่แท้จริงของหุ้น ไม่บอกวิธีอ่านกราฟ ไม่บอกวิธีเอาชนะตลาด ไม่บอกหลายสิ่งอย่างที่หนังสือฮาวทูด้านการลงทุนมักเสนอขายแก่ผู้อ่าน

          เป็นที่ยอมรับแล้วว่าการจัดการการเงินส่วนบุคคล (Personal Finance Management) มีความสำคัญต่อความเป็นอยู่ของมนุษย์ ไม่เกี่ยวกับว่าคุณจะชอบหรือชังทุนนิยม คุณจะมัธยัสถ์หรือฟุ่มเฟือย คุณจะอยากมีชีวิตวัยเกษียณอันเรียบง่ายหรือออกเดินทางรอบโลก ฯลฯ เพราะคุณจำเป็นต้องใช้เงินขับเคลื่อนชีวิต ปากท้อง และความปรารถนา ใครจะกล้าปฏิเสธได้

          ยิ่งอยู่ในรัฐที่สวัสดิการไม่พร้อม การขึ้นค่าแรงทำได้เพียงครั้งห้าบาทสิบบาท ที่ดินกระจุกตัวอยู่ในมือผู้มั่งมี ต้นทุนการเดินทางขนส่งแพง ฯลฯ การจัดการการเงินก็ยิ่งทวีความสำคัญ

          ความน่าขัน น่าขื่น และน่าขุ่นคือ มันเป็นประเด็นสำคัญที่ไม่ถูกบรรจุอยู่ในหลักสูตรการศึกษา สั่งสอนแค่ให้ประหยัดและพอเพียงซึ่งไม่เพียงพอ

          เนื้อหาของ ‘The Psychology of Money’ คือการกลับไปทำงานกับทัศนคติ มายาคติ ความเชื่อผิดๆ จำนวนหนึ่งที่คุณมีต่อเงิน หรือแม้กระทั่งสามัญสำนึกพื้นๆ แต่มักถูกละเลยและถูกมองว่าคร่ำครึ บางประเด็นอาจจะขัดอกทุนนิยมและขัดใจแนวคิดการใช้เงินของคนยุคปัจจุบัน

          สิ่งที่ผมเห็นว่าเป็นจุดเด่นของหนังสือเล่มนี้อยู่ที่มันกล่าวถึงความรู้สึกนึกคิด จิตใจของมนุษย์ต่อการออมและการลงทุน ไม่ใช่ในเชิงต่อว่าด่าทอ หากแต่เป็นการทำความเข้าใจว่าเหตุใดคนคนหนึ่งถึงตัดสินใจทางการเงินแบบนั้น การตัดสินใจที่คุณหรือผมมองว่าไร้เหตุผลกลับสมเหตุสมผลอย่างยิ่งสำหรับอีกคน มันเป็นเนื้อหาในบทแรก ‘ไม่มีใครเป็นคนบ้า’ ที่ช่วยให้เราเข้าใจตัวเองและคนอื่นก่อน เนื่องจากชีวิตมีความหลากหลาย มากมายบริบท

          คนที่ใช้ชีวิตในยุควิกฤตต้มยำกุ้งที่ปะทุขึ้นในปี 2540 มีมาตรวัดความเสี่ยงส่วนตัวต่อการลงทุนหุ้นแตกต่างกับคนที่เติบโตในยุควิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ และย่อมแตกต่างจากนักเก็งกำไรในยุคบิตคอยน์ หรือถ้าคุณเคยแร้นแค้นสาหัส ก็ไม่แปลกที่จะเก็บเงินสดไว้เป็นจำนวนมากแทนที่จะนำไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นที่ให้ผลตอบแทนมากกว่าตามที่ปรึกษาทางการเงินแนะนำ ดังนั้น มันจึงสมเหตุสมผล ไม่ผิดหรือถูก

          พวกเราแต่ละคนออมและลงทุนจากประสบการณ์ ความรู้ ความสุข ความเจ็บปวด ฯลฯ ที่เราครอบครอง แทบไม่มีหนังสือว่าด้วยการลงทุนเล่มใด (อย่างน้อยก็เท่าที่ผมเคยอ่าน) ให้ความสำคัญกับชีวิตจิตใจของนักลงทุน ส่วนใหญ่มักบอกขั้นตอน วิธีการ แนวคิด และเรียกร้องการรักษาวินัยโดยละเลยการทำความเข้าใจประเด็นนี้ ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานที่สำคัญที่สุดหลักการหนึ่งของการลงทุนนั่นคือ การรู้จักตัวเอง

          คุณคิดว่าทักษะทางการเงินใดที่ยากที่สุด?

          คำตอบส่วนใหญ่คงออกไปเรื่องการค้นหาหุ้นหรือกองทุน การคำนวณมูลค่าหุ้น การตัดขาดทุน หรือการรักษาวินัยทางการเงิน (ซึ่งข้อนี้ก็ยากจริง)

เข้าใจตัวเอง เข้าใจเงิน ‘The Psychology of Money’ (หนังสือเล่มนี้ไม่เหมาะกับคนอยากรวยเร็ว)

          ไม่ใช่เลย Morgan Housel เฉลยว่า

          ‘ทักษะทางการเงินที่ยากที่สุดคือการทำให้เป้าหมายหยุดเคลื่อนที่’

          คุณคิดว่าคุณต้องมีเงินเท่าไหร่ถึงเพียงพอต่อการดูแลตัวเอง ครอบครัว และใช้ชีวิตหลังเกษียณอย่างมีคุณภาพชีวิต แน่นอน คำตอบของแต่ละคนไม่เท่ากัน

          ความซับซ้อนในใจมนุษย์เกี่ยวกับจิตวิทยาว่าด้วยเงินตรงที่ ตัวเลขมักขยับขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในเวลาที่การลงทุนกำลังสร้างผลตอบแทนได้ดี ตลาดหุ้นอยู่ในภาวะกระทิง หรือคุณมีความต้องการมากขึ้นตามปริมาณเงินในบัญชีที่มากขึ้น ต้องการมากขึ้นเพราะสนามหญ้าของเพื่อนบ้านเขียวสดกว่า กระเป๋าที่เพื่อนในออฟฟิศถือแพงกว่า ฯลฯ สรุปให้ง่ายคือ ‘ไม่เคยพอ’ มันจะทำให้เป้าหมายทางการเงินของคุณขยับขึ้นไม่รู้จบ สุดท้ายคุณจะพร้อมเสี่ยงมากขึ้นและมากขึ้น

          ถ้าคุณโชคดี คุณอาจทำได้ ถ้าคุณโชคร้าย คุณอาจสูญเสียเงินก้อนโตที่เก็บหอมรอมริบมา

          “ระบบทุนนิยมสมัยใหม่นั้นให้การสนับสนุนสองสิ่งคือ การสร้างความมั่งคั่งและการสร้างความอิจฉา บางทีสองสิ่งนี้ก็จูงมือไปพร้อมกัน”

          ผู้เขียนเล่าเรื่องราวของ Rajat Gupta ที่ถีบตัวเองจากความยากไร้สู่ความมั่งคั่งและเกียรติยศระดับโลก ปี 2008 Gupta ครอบครองความมั่งคั่งถึง 100 ล้านเหรียญ มันเป็นตัวเลขที่คนส่วนใหญ่แม้แต่ฝันก็ยังไม่กล้า แล้ว Gupta ก็ใช้ข้อมูลวงในซื้อขายหุ้น เขาติดคุก สูญเสียความมั่งคั่งและเกียรติยศที่ใช้เวลาสะสมมาทั้งชีวิตเพราะเขาไม่พอ

          การได้มาซึ่งความมั่งคั่งกับการรักษาความมั่งคั่งเอาไว้จึงเป็นคนละเรื่อง มันมักได้มายาก แต่เวลาที่มันล่มสลายมันก็ง่ายดายจนแทบทำใจไม่ทัน

          การทำให้เป้าหมายหยุดเคลื่อนที่เชื่อมโยงกับ ‘อิสรภาพ’ คำสุดฮิตที่เราอยากไปให้ถึง แต่เราเข้าใจคำนี้ดีแค่ไหน Morgan Housel เขียนว่า อิสรภาพ คือ…

          “ความสามารถในการทำสิ่งที่คุณต้องการ ในเวลาที่คุณต้องการ กับผู้คนที่คุณต้องการ นานตราบเท่าที่คุณต้องการนั้นคือสิ่งที่ประเมินค่ามิได้ มันคือปันผลสูงที่สุดที่เงินจ่ายให้กับคุณ”

          อิสรภาพไม่ใช่การใช้จ่ายเงินมากเท่าไหร่ก็ได้ อยากซื้ออะไรก็ได้ อยากไปไหนก็ได้ แต่มันเป็นการใช้เวลาอันเป็นทรัพยากรที่มีค่าไปกับสิ่งสำคัญจริงๆ ในชีวิต ไม่ใช่กับสิ่งของ

          Morgan Housel ไม่ได้บอกวิธีการลงทุนเลย (เขาเล่าวิธีที่เขาใช้ซึ่งเหมาะกับตัวเขาและครอบครัว ไม่ได้บอกให้ทำตาม) เนื้อหาทั้งหมดให้ความสำคัญกับการสร้าง Mindset ทางการเงิน-การเข้าใจตัวเอง เข้าใจความเสี่ยง การตระหนักถึงความผันผวน การรับมือกับความไม่แน่นอน…

          ผู้อ่านอาจรู้สึกว่ามุมมองการออมและการลงทุนของ Morgan Housel ค่อนข้างระมัดระวังตัวเกินไป มีมุมมองทางศีลธรรมมากเกินไป (?) ไม่ผิดถ้าจะคิดเช่นนั้น อย่าลืมว่า ‘ไม่มีใครเป็นคนบ้า’ มันแค่สอดคล้องและทำงานได้ดีสำหรับเขา

          “ฉันหาเงินมาเหนื่อย ฉันจะใช้จ่ายยังไงก็ได้” เป็นค่านิยมที่ได้รับการยอมรับ แง่หนึ่งมันก็แสดงออกถึงเสรีภาพของบุคคลและรางวัลจากการทำงาน จุดที่ต้องระวังคือเราไม่รู้ชีวิตทางการเงินของคนอื่น การกินหรูอยู่ดีอาจเป็นเงินที่ถูกกันไว้แล้วหลังจากเก็บออมและลงทุนก็ได้

          หลักการทางการเงิน วิธีการลงทุน สูตรคำนวณ ฯลฯ มีอยู่ทั่วไป แต่การใช้ชีวิตเป็นปริศนาที่เราต้องขบคิดเอาเอง

          ในบทสุดท้าย Morgan Housel วิเคราะห์เส้นทางลัทธิบริโภคนิยมแตะมิติความเหลื่อมล้ำในสังคมอเมริกันเอาไว้ให้คิดต่อ ซึ่งก็เป็นอีกประเด็นที่หนังสือทางการเงิน (อย่างน้อยก็เท่าที่ผมเคยอ่าน)

          สมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทยหรือทีดีอาร์ไอ พูดในงาน ‘สู่ทางออกการแก้หนี้แก้จนไทย’ จัดโดยสถาบันป๋วย อึ๊งภากรณ์ ธนาคารแห่งประเทศไทยว่า

          “ปัญหาของประเทศเราคือมีคน 2 กลุ่มนี้มากเกินไป คนรวยที่ไม่สมควรรวย และคนจนที่ไม่สมควรจน”

          คนจนที่ไม่ควรจนเพราะขาดโอกาส เข้าไม่ถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ ขาดสวัสดิการ ขาดอำนาจต่อรอง ฯลฯ

          คนรวยที่ไม่ควรรวยเพราะผูกขาด ใช้เส้นสายในทางไม่ชอบ ทุจริต รับมรดกจากพ่อแม่ที่รวยอย่างไม่สมควรรวย ฯลฯ

          การส่งเสริมให้ประชาชนเก็บออมและลงทุนกับการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำต้องทำไปพร้อมๆ กัน หากทำสิ่งแรก เพิกเฉยสิ่งหลัง ย่อมไม่ต่างกับการหลอกลวง ผลักภาระลงบนบ่าของประชาชนแล้วพร่ำสอนว่าจงประหยัด อดทน และพอเพียง

Tags: แนะนำหนังสือ

กฤษฎา ศุภวรรธนะกุล เรื่อง

แอดมินเพจ WanderingBook และสื่อมวลชน

Related Posts

ชีวิตเร้นลับของต้นไม้ – ความซับซ้อนของต้นไม้ และชีวิตซ่อนเร้นอีกมากมายบนโลกนี้
Book of Commons

‘ชีวิตเร้นลับของต้นไม้’ ต้นไม้ซับซ้อน ชีวิตซ่อนเร้น

June 6, 2023
0
Crying in H Mart อาหาร วัฒนธรรม และความทรงจำถึงแม่ที่จากไป
Book of Commons

Crying in H Mart อาหาร วัฒนธรรม และความทรงจำถึงแม่ที่จากไป

May 24, 2023
3
เปลี่ยน ‘ศาสนาของรัฐ’ เป็น ‘ศาสนาของผู้คน’ ดึง ‘อำนาจรัฐ’ ออกจาก ‘ศรัทธา’
Book of Commons

เปลี่ยน ‘ศาสนาของรัฐ’ เป็น ‘ศาสนาของผู้คน’ ดึง ‘อำนาจรัฐ’ ออกจาก ‘ศรัทธา’

May 16, 2023
39

Related Posts

ชีวิตเร้นลับของต้นไม้ – ความซับซ้อนของต้นไม้ และชีวิตซ่อนเร้นอีกมากมายบนโลกนี้
Book of Commons

‘ชีวิตเร้นลับของต้นไม้’ ต้นไม้ซับซ้อน ชีวิตซ่อนเร้น

June 6, 2023
0
Crying in H Mart อาหาร วัฒนธรรม และความทรงจำถึงแม่ที่จากไป
Book of Commons

Crying in H Mart อาหาร วัฒนธรรม และความทรงจำถึงแม่ที่จากไป

May 24, 2023
3
เปลี่ยน ‘ศาสนาของรัฐ’ เป็น ‘ศาสนาของผู้คน’ ดึง ‘อำนาจรัฐ’ ออกจาก ‘ศรัทธา’
Book of Commons

เปลี่ยน ‘ศาสนาของรัฐ’ เป็น ‘ศาสนาของผู้คน’ ดึง ‘อำนาจรัฐ’ ออกจาก ‘ศรัทธา’

May 16, 2023
39
ABOUT
SITE MAP
PRIVACY POLICY
CONTACT
Facebook-f
Youtube
Soundcloud
icon-tkpark

Copyright 2021 © All rights Reserved. by TK Park

  • READ
    • ALL
    • Common WORLD
    • Common VIEW
    • Common ROOM
    • Book of Commons
    • Common INFO
  • PODCAST
    • ALL
    • readWORLD
    • Coming to Talk
    • Read Around
    • WanderingBook
    • Knowledge Exchange
  • VIDEO
    • ALL
    • TK Forum
    • TK Common
    • TK Spark
  • UNCOMMON
    • ALL
    • Common INFO
    • Common EXPERIENCE
    • Common SENSE

© 2021 The KOMMON by TK Park.

Welcome Back!

Login to your account below

Forgotten Password?

Retrieve your password

Please enter your username or email address to reset your password.

Log In

Add New Playlist

The KOMMON มีการใช้คุกกี้ เพื่อเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ไปวิเคราะห์และปรับปรุงการให้บริการที่ดียิ่งขึ้น คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่า อนุญาต
Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราห์

    คุกกี้นี้เป็นการเก็บข้อมูลสาธารณะ สำหรับการวิเคราะห์ และเก็บสถิติการใช้งานเว็บภายในเว็บไซต์นี้เท่านั้น ไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนตัวที่ไม่เป็นสาธารณะใดๆ ของผู้ใช้งาน

บันทึก
Privacy Preferences