บนเกาะ South Ronaldsay นอกชายฝั่งทางตอนเหนือของสกอตแลนด์ มีเทศกาลเก่าแก่ดั้งเดิมชื่อว่า The Festival of the Horse and the Boys’ Ploughing Match ที่จัดต่อเนื่องยาวนานมาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1800 โดยปัจจุบันยังคงจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ทุกวันเสาร์ที่สามของเดือนสิงหาคม ซึ่งในปี 2023 จะตรงกับวันเสาร์ที่ 19 สิงหาคม ความน่าสนใจคือชุมชนนี้เป็นสถานที่แห่งสุดท้ายในสหราชอาณาจักรที่ยังคงรักษามรดกทางวัฒนธรรมนี้ไว้อย่างเหนียวแน่น เมื่อถึงวันงานแต่ละครอบครัวจะนำเครื่องแต่งกายพื้นบ้านที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นออกมาให้เด็กๆ สวมใส่ เป็นชุดสีสันสดใสที่ออกแบบขึ้นโดยได้รับแรงบันดาลใจจากเครื่องประดับบังเหียนม้าสายพันธุ์ไคลด์สเดล (Clydesdale) ซึ่งเป็นสัตว์ท้องถิ่นของสกอตแลนด์
ในอดีตเมื่อถึงฤดูกาลหว่านไถจะมีการนำม้ามาแข่งไถนาและจัดเทศกาลเฉลิมฉลองกันอย่างคึกคัก แต่กิจกรรมประจำเกาะ South Ronaldsay แตกต่างออกไป เพราะแทนที่จะใช้ม้าในการแข่งขัน พวกเขากลับใช้แรงงานเด็กผู้ชายแทน แต่นี่ไม่ใช่การทรมานเด็กแต่อย่างใด เพราะอุปกรณ์ที่ใช้แข่งขันออกแบบขึ้นมาใหม่เพื่อการนี้โดยเฉพาะ เป็นเพียงคันไถอันเล็กๆ ขนาดกำลังน่ารักพอดีมือ ซึ่งเด็กๆ จะได้รับพื้นที่คนละ 4 ฟุตให้ใช้ไถไปตามพื้นทรายริมชายหาด Sands O’ Wright เพื่อแข่งกันทำร่องไถบนทรายให้สมบูรณ์แบบ ฟังดูเหมือนเป็นกิจกรรมเล่นทรายที่ไม่จริงจังเท่าไรนัก แต่ขอบอกเลยว่าคุณปู่และคุณพ่อของแต่ละบ้านที่มาเชียร์ลูกหลานนั้นค่อนข้างจริงจังมากทีเดียว
ยุคแรกเริ่มมีเพียงเด็กผู้ชายเท่านั้นที่มีส่วนร่วมกับเทศกาลนี้ แต่ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา เด็กผู้หญิงก็สามารถแต่งกายด้วยชุดแบบเดียวกันและเข้าร่วมขบวนพาเหรดได้ อีกสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยคือคุณพ่อคุณแม่แต่ละบ้านต่างจัดเต็มกับการสร้างสรรค์เครื่องแต่งกายมากขึ้น ด้วยการเพิ่มรายละเอียดและของประดับตกแต่งให้อลังการกว่ายุคก่อนๆ ซึ่งมักนำสิ่งของใกล้ตัวมาประยุกต์ เช่น อุปกรณ์ประดับต้นคริสต์มาสที่แต่ละบ้านมีเก็บไว้ในคลังสมบัติอยู่แล้ว
การรักษาประเพณีพื้นบ้านที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเหล่านี้เอาไว้ นอกจากจะช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดีภายในชุมชนและส่งเสริมการท่องเที่ยวแล้ว คุณค่าทางวัฒนธรรมที่ส่งต่อกันมายังเชื่อมโยงคนรุ่นใหม่เข้ากับประวัติศาสตร์ของพื้นที่ ท่ามกลางโลกสมัยใหม่อันโกลาหลวุ่นวาย มนุษย์เรายังคงต้องการบางสิ่งบางอย่างเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ และความภาคภูมิใจในรากเหง้าของตนเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
ด้วยเหตุนี้หอศิลป์ Compton Verney เมือง Warwick ประเทศอังกฤษ จึงรวบรวมเครื่องแต่งกายพื้นเมืองที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมกว่า 40 ชุด มาจัดแสดงในนิทรรศการ ‘Making Mischief: Folk Costume in Britain’ ตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ ถึง 11 มิถุนายน 2023 โดยชุดของเด็กๆ จากเทศกาล The Festival of the Horse and the Boys’ Ploughing Match ก็เป็นหนึ่งในคอลเลกชันที่ได้รับเลือกมาจัดแสดงด้วยเช่นกัน
ไซมอน คอสติน คิวเรเตอร์ร่วมของนิทรรศการนี้ มีบทบาทเป็นทั้งศิลปินผู้คร่ำหวอดอยู่ในอุตสาหกรรมแฟชั่น ซึ่งผ่านการทำงานร่วมกับแบรนด์ดังระดับโลกมาแล้วมากมาย เขาหลงใหลและสนใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์วัฒนธรรมของอังกฤษโดยเฉพาะเรื่องคติชนวิทยา จึงก่อตั้ง Museum of British Folklore ขึ้นในปี 2009 เพื่อเก็บรวบรวมคอลเลกชันสิ่งประดิษฐ์ ภาพถ่าย ภาพยนตร์ ประวัติบุคคล และต้นฉบับต่างๆ ทั้งยังให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงอิทธิพลของประเพณีพื้นบ้านที่มีต่อวัฒนธรรมร่วมสมัย
ในมุมมองของไซมอน คอสติน ความน่าสนใจของ The Festival of the Horse and the Boys’ Ploughing Match คือการที่ทุกคนในชุมชนตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย พ่อแม่ สืบทอดมาจนถึงรุ่นลูกหลาน ล้วนยังคงมีความกระตือรือร้นที่จะมีส่วนร่วมกับเทศกาลนี้ ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะความยืดหยุ่นในการส่งต่อวัฒนธรรม ที่ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับการตกแต่งชุดแบบโบราณดั้งเดิมเสมอไป แต่สามารถนำสิ่งของร่วมสมัยมาประยุกต์ใช้ได้อย่างไม่ขัดเขิน ทั้งยังมีรูปแบบกิจกรรมที่คนทุกช่วงวัยในครอบครัวสามารถมีส่วนร่วมได้อีกด้วย
ที่มา
บทความ “Orkney St Margaret Hope Boys Ploughing Match & Festival of the Horse” จาก calendarcustoms.com (Online)
บทความ “Britain’s most chaotic traditions – BBC Culture” จาก bbc.com (Online)
บทความ “Making Mischief: Folk Costume in Britain” จาก comptonverney.org.uk (Online)
บทความ “The 200-year-old Orkney festival where girls dress as horses” จาก scotsman.com (Online)
บทความ “Simon Costin: Designer, Folklorist, Engineer of the Fantastical” จาก somethingcurated.com (Online)