The KOMMON
TK Park website
No Result
View All Result
The KOMMON
TK Park website
No Result
View All Result
The KOMMON
No Result
View All Result
 
Read
Common WORLD
‘Staff-less Library’ ลองดูซิ! ถ้าวันนี้ห้องสมุดไม่มีบรรณารักษ์
Common WORLD
  • Common WORLD

‘Staff-less Library’ ลองดูซิ! ถ้าวันนี้ห้องสมุดไม่มีบรรณารักษ์

1,377 views

 8 mins

4 MINS

September 14, 2022

Last updated - October 23, 2022

          ในปัจจุบัน เทคโนโลยี Staff-less หรือเทคโนโลยีที่ผู้ใช้งานให้บริการตนเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพาพนักงาน เริ่มกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของวิถีผู้บริโภคมากขึ้น ตัวอย่างของร้านในลักษณะนี้มีในหลายประเทศ เช่น  Amazon Go ร้านค้าในเครือ Amazon ร้านค้าออนไลน์รายใหญ่ในสหรัฐอเมริกา และร้านค้าของ Alibaba ในประเทศจีน ร้านค้าในลักษณะใช้เทคโนโลยี Image Recognition, Biometric Recognition และ AI เพื่อออกแบบการให้บริการที่ไร้รอยต่อ (Seamless) ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าได้ทางแอปพลิเคชัน แล้วเลือกรับของจากร้านค้าสาขาใดสาขาหนึ่งที่ให้บริการแบบ Self-service นับว่าตอบโจทย์วิถีชีวิตชาวเมืองใหญ่ที่รีบเร่ง ประหยัดเวลาที่ใช้ในการเดินเลือกซื้อของและต่อคิวชำระเงินที่แคชเชียร์

          แม้ว่าพื้นฐานพฤติกรรมการใช้งานห้องสมุดจะแตกต่างจากพฤติกรรมการซื้อข้าวของเครื่องใช้ แต่แนวคิดการให้บริการแบบ Staff-less ก็ได้แทรกซึมเข้ามาในวงการห้องสมุดที่ผู้ใช้บริการมักจะใช้เวลาในการค้นคว้า อ่านหนังสือ และค่อยๆ ซึมซับข้อมูลอย่างลึกซึ้งด้วยเช่นกัน ในวงวิชาการและการประชุมนานาชาติที่เกี่ยวข้องกับห้องสมุดได้มีการกล่าวถึงการให้บริการแบบ Staff-less Library หรือห้องสมุดที่เปิดให้บริการในบางช่วงเวลาโดยไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่บ่อยครั้ง ทางฝั่งยุโรป ออสเตรเลีย และอเมริกาได้ทดลองให้บริการแล้วหลายแห่ง ทางฝั่งเอเชียก็มีตัวอย่างอยู่ไม่ใช่น้อย ทั้งในไต้หวัน สิงคโปร์ และมาเลเซีย

          การนำรูปแบบการให้บริการแบบ Staff-less Library มาใช้นั้น เป็นประเด็นที่ถกเถียงกันมานับทศวรรษ แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี และวิถีปฏิบัติที่ยึดถือมายาวนาน ย่อมนำมาซึ่งทั้งเสียงชื่นชมและข้อโต้แย้งคละกันไป ภาพจำของห้องสมุดคือ ภาพที่นักอ่านและบรรณารักษ์มีปฏิสัมพันธ์ต่อกันมากกว่าระบบการยืมคืนหนังสือ หลายท่านคงนึกภาพไม่ออกว่าบรรยากาศของห้องสมุดที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ที่เป็นมนุษย์คอยให้บริการหรือคำแนะนำจะเป็นอย่างไร ผู้ใช้งานแต่ละคนหยิบยืมหนังสือที่ต้องการ ก้มหน้าก้มตาอ่าน และยืมคืนหนังสือผ่านอุปกรณ์อัตโนมัติเท่านั้นหรือ หรือนี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเมื่อเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทกับชีวิตของมนุษย์มากขึ้น นั่นคือปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันและกันลดน้อยลงไป ปล่อยให้มนุษย์จมหายลงไปกับเทคโนโลยีและโลกส่วนตัว

Staff-less Library เมื่อเทคโนโลยีอาจทำให้ห้องสมุดนี้…ไม่มีบรรณารักษ์

จะเป็นอย่างไร เมื่อห้องสมุดไร้เจ้าหน้าที่

          คำว่า Staff-less อาจจะเป็นคำที่ทำให้ภาพในจินตนาการดูอ้างว้างเกินความเป็นจริง แท้จริงแล้ววัตถุประสงค์แรกเริ่มของ Staff-less Library คือ การขยายเวลาให้บริการให้ยาวนานขึ้นผ่านเทคโนโลยีที่จะทำหน้าที่แทนบรรณารักษ์นอกเวลาทำการปกติ บางแห่งตั้งเป้าหมายเอาไว้ที่เปิดให้บริการนักอ่านตลอด 24 ชั่วโมง การเข้ามาของเทคโนโลยี Staff-less ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่จะเปลี่ยนห้องสมุดให้เป็นสถานที่ไร้ปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ หรือ ‘Human Interaction’ แต่ประการใด

          ห้องสมุดหลายแห่งในหลายประเทศ มีการนำระบบการจัดการนี้มาใช้และเก็บข้อมูลประเมินความพึงพอใจจากผู้ใช้งานไปเรียบร้อยแล้ว เช่น ในแถบสแกนดิเนเวียมีห้องสมุดนับร้อยแห่งที่มีช่วงเวลาเปิดให้บริการที่ต้องดูแลตัวเองแบบไม่มีเจ้าหน้าที่ นอกจากคำว่า Staff-less Library แล้ว คำว่า Open Library หรือ Automated Library ก็ถูกนำมาใช้เทียบแทนกันในบางกรณี เพราะคำเหล่านี้สื่อถึงวัตถุประสงค์ของการเปิดให้บริการแบบไร้พนักงานคอยดูแลได้มากกว่า นั่นก็คือการ ‘เปิด’ พื้นที่ห้องสมุดให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้ แม้ไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาทำการนั่นเอง

          การเปิดให้บริการแบบนี้ ห้องสมุดจำเป็นต้องมีอุปกรณ์ที่เอื้อต่อการให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นประตูที่ผู้ใช้งานต้องกรอกรหัสถึงจะเข้าไปได้ จุดค้นหาข้อมูลหนังสือ เครื่องให้บริการยืมคืนอัตโนมัติ และกล้อง CCTV ที่คอยบันทึกภาพและสอดส่องดูแลห้องสมุดนอกเวลาทำการ รวมถึงการประมวลผลข้อมูลการกระจายตัวของผู้ใช้งานห้องสมุดแบบเรียลไทม์ Bibliotheca คือ บริษัทสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ที่ออกแบบและรับติดตั้งระบบที่เรียกว่า Open+ สำหรับการให้บริการใน Staff-less Library ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในโซนยุโรป ทั้งสแกนดิเนเวีย และสหราชอาณาจักร นอกจาก Open+ แล้ว Bibliotheca ยังพัฒนาเทคโนโลยีอื่นๆ สำหรับห้องสมุด ไม่ว่าจะเป็นระบบ Cloud Library สำหรับจัดการข้อมูลออนไลน์ Smart Shelf สำหรับการจัดการระบบคืนหนังสือ ระบบ Streaming เพื่อถ่ายทอดกิจกรรมที่ห้องสมุดจัดขึ้น และอีกหลากหลายระบบที่ห้องสมุดแต่ละแห่งสามารถออกแบบหรือ ‘Customize’ ให้เหมาะสมกับบริบทและความต้องการของตนเองได้

          ทั้งนี้ เทคโนโลยีเหล่านี้จะถูกเปิดใช้งานเมื่ออยู่ในช่วงนอกเวลาทำการของเจ้าหน้าที่ ในช่วงเวลากลางวันนั้น ยังมีบรรณารักษ์คอยให้คำแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการ ‘Human Touch’ ดังเดิม ผู้อำนวยการห้องสมุดหลายแห่งที่ตัดสินใจทดลองนโยบาย Staff-less จึงยืนยันว่าระบบการจัดการแบบนี้คือการเติมเต็มมากกว่าที่จะด้อยค่าบรรณารักษ์ และเจ้าหน้าที่ห้องสมุด

แนวคิด Staff-less กับพัฒนาการผ่านยุคสมัย

          การให้บริการแบบ Staff-less จะเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต้องมีพื้นฐานเทคโนโลยีที่รองรับพฤติกรรมการใช้งานห้องสมุดตั้งแต่การเดินเข้ามาในพื้นที่ การค้นหาหนังสือ และการยืมคืนหนังสือ เทคโนโลยีพื้นฐานของ Open+ ครอบคลุมพฤติกรรมผู้ใช้งาน คือ ตั้งแต่การรักษาความปลอดภัยที่ประตูทางเข้า การบันทึกข้อมูลคนเข้าออกแบบเรียลไทม์ การเก็บข้อมูลการกระจายตัวของผู้ใช้งาน รวมถึงระบบการค้นหา ยืม คืน หนังสือแบบ Self-service ซึ่งโดยส่วนมากเป็นระบบ RFID (Radio Frequency Identification) เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถให้บริการตนเองได้นอกเวลาทำการของเจ้าหน้าที่

          ในอีกหลายกรณี ระบบ Staff-less Library ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพียงเพื่อขยายเวลาการให้บริการของห้องสมุดเท่านั้น แต่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้อ่านเข้าถึงหนังสือได้ง่ายขึ้น ห้องสมุดประชาชนหลายแห่งแตกสาขาย่อยที่ให้บริการแบบ Self-service ในตัวเมือง ห้องสมุดเล็กๆ เหล่านี้ เป็นจุดที่ช่วยกระจายหนังสือให้ถึงมือผู้ใช้งานได้ทั่วถึงยิ่งขึ้น

          ทางฟากฝั่งเอเชียเองก็มีแนวคิดที่จะทดลองให้บริการแบบนี้มานานแล้ว ในช่วงปี ค.ศ. 1990s รูปแบบการจัดการแบบ Staff-less Library ถูกนำมาทดลองใช้ในโตเกียว โดยเครื่องยืมหนังสืออัตโนมัติถูกติดตั้งไว้ที่สถานีรถไฟต่างๆ แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จ เพราะหนังสือจำนวนมากเมื่อถูกยืมไปแล้วกลับไม่ได้ถูกนำมาคืน ต่อมาจึงได้มีการทดลองโมเดลนี้ที่สิงคโปร์ ในปี ค.ศ. 2002 โดยใช้เครื่องยืมคืนหนังสือในระบบ RFID และต่อมาในปี 2004 ที่เดนมาร์กจึงมีการทดลองระบบที่ใช้กันอย่างกว้างขวางในยุโรปปัจจุบันนี้

          ห้องสมุดในไต้หวันเริ่มทดลองใช้ระบบ Staff-less เพื่อกระจายการเข้าถึงหนังสือของประชาชนมาตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 2004-2005 จนกระทั่งในปี 2014 หอสมุดประชาชนไทเปมีห้องสมุดสาขาเล็กๆ ที่ไม่มีพนักงานประจำตั้งอยู่หลายจุด เช่น Taipei Public Library East Metro Mall Intelligent Library ที่ตั้งอยู่ในสถานีเมโทรที่ให้บริการยืมคืนหนังสือได้แบบไร้พนักงาน และยังมีสาขาอื่นในห้างสรรพสินค้า สนามบิน สวนสาธารณะ และโรงเรียน โดยห้องสมุดเหล่านี้ถูกเรียกว่า ‘Intelligent Library’ การให้บริการพื้นฐาน คือ มีห้องมิดชิดที่มีระบบรักษาความปลอดภัย สัญญาณจะร้องเตือนทันทีที่ผู้ยืมหนังสือไม่ได้ดำเนินการยืมตามขั้นตอนที่ถูกต้องกับเครื่องยืมอัตโนมัติในระบบ RFID

          เมื่อต้นปี 2022 ที่ผ่านมา ระบบยืมหนังสือแบบ Self-service นอกเวลาทำการ ก็เกิดขึ้นที่ห้องสมุดคาร์มาร์เทนเชียร์ (Carmarthenshire) ในเวลส์ สหราชอาณาจักร โดยผู้อำนวยการห้องสมุดกล่าวว่า ระบบนี้เป็นระบบให้บริการแบบ Automated แห่งแรกในเวลส์ นักอ่านสามารถเลือกหนังสือในห้องสมุดที่สนใจจะยืมผ่าน Online Catalog และเครื่องให้บริการในห้องสมุด โดยผู้ยืมต้องระบุช่วงเวลาที่สะดวกในการรับหนังสือ และจะได้รับการแจ้งเตือนทางข้อความโทรศัพท์มือถือเพื่อให้มารับหนังสือได้ที่ Collection Locker แม้ว่าจะเป็นในช่วงเวลาที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ห้องสมุดดูแล

          สำหรับในประเทศไทยนั้น ห้องสมุดที่มีความใกล้เคียงกับ Staff-less Library คือ The Cultivation Library ที่ AIS เปิดให้บริการกับพนักงานที่ต้องการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง โดยในห้องสมุดนั้นไม่มีชั้นวางหนังสือเลย แต่มีหน้าจอดิจิทัลเรียงรายนำเสนอรายการหนังสือที่ผู้ใช้งานสามารถเลือกอ่านได้ หากถูกใจหนังสือเล่มไหนก็กดยืมหนังสือได้จากหน้าจอในห้องสมุด หรือจากแอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือ เพียงเท่านี้หนังสือจะถูกจัดส่งให้ถึงโต๊ะทำงาน หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับหนังสือ หรือการยืมคืน ก็สามารถติดต่อกับบรรณารักษ์ได้ผ่านทางอินเทอร์คอมที่อยู่ในห้องสมุด บรรณารักษ์จะคอยรับสายเพื่อตอบข้อสงสัยจากผู้ใช้บริการได้ทุกที่ ทุกเวลา แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในห้องสมุดด้วย

          ยิ่งเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต และฐานข้อมูลพัฒนามากขึ้นเท่าไร ผู้พัฒนาระบบห้องสมุดก็ยิ่งจุดประกายความคิดที่จะนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยและชาญฉลาด มาใช้งานกับระบบ Staff-less เช่น การนำ Facial Recognition มาใช้กับการรับหนังสือตามจุดยืมคืน การใช้ AI เพื่อประมวลข้อมูลเพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับประโยชน์และความสะดวกมากที่สุด รวมถึงการพัฒนาระบบที่เชื่อมกับแอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้การให้บริการนั้นไร้รอยต่อ ตอบสนองความต้องการผู้ใช้งานให้มากที่สุด เมื่อเข้าสู่ปลายทศวรรษที่ 2 ของศตวรรษที่ 21 วัตถุประสงค์ของการพัฒนาระบบ Staff-less จึงไม่ใช่แค่เพียงการขยายเวลาเปิดทำการให้ยาวนานขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นการนึกถึง ‘User Experience’ มากขึ้นอีกด้วย

          ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมานี้ มีการนำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่จะต่อยอดการให้บริการแบบ Staff-less มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในบทความวิชาการ และในที่ประชุมระดับโลก ในงานประชุมของ IFLA (International Federation of Library Associations and Institutions) ปี 2018 ตัวแทนจากไต้หวันได้นำเสนอแนวคิดพัฒนารูปแบบการให้บริการใน ‘Intelligent library’ ที่มีอยู่แล้วในกรุงไทเป ด้วยการปรับการให้บริการทั้งระบบให้เป็นแบบอัตโนมัติ และผนวกเทคโนโลยีหลากหลายรูปแบบเข้าด้วยกัน เพื่อช่วยให้การกระจายและการรับหนังสือเป็นไปโดยสะดวกมากขึ้น เริ่มตั้งแต่การใช้แอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือเพื่อระบุหนังสือเล่มที่ต้องการจะยืม จากนั้นกระบวนการต่อมาจะเป็นกระบวนการหลังบ้านของห้องสมุดที่ควบรวมหลายเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน ได้แก่ การจัดเก็บหนังสือแบบอัตโนมัติ (Automated Storage) การใช้ Robotic Arm เพื่อการค้นหาหนังสืออย่างรวดเร็ว ปิดท้ายด้วย Facial Recognition ที่ผู้ยืมสามารถไปรับหนังสือที่จุด Vending Machine ที่กระจายอยู่ทั่วไปตามจุดต่างๆ ของเมืองได้ โดยตลอดทั้งกระบวนการเป็นการทำงานตามระบบแบบอัตโนมัติที่ถูกเรียกรวมๆ ว่า QuickGET ที่ผู้ใช้งานจะได้รับความสะดวกสูงสุด คล้ายคลึงกับการใช้บริการซื้อของกับร้านค้าแบบ Staff-less 

          ห้องสมุดมหาวิทยาลัย APU (Asia Pacific University of Technology and Innovation Technology Park Malaysia) ในประเทศมาเลเซียกำลังศึกษาความเป็นไปได้ที่จะประยุกต์เทคโนโลยี Mobile Application และ AI รวมกับระบบอัตโนมัติต่างๆ เพื่อให้สามารถครอบคลุมบริการตลอดทั้ง 24 ชั่วโมง นำไปสู่การจัดการแบบ Staff-less นอกเวลาทำการปกติ ทั้งในเรื่องการยืมคืนหนังสือ การระบุที่เก็บหนังสือ การจองห้องทำงาน การจัดการค่าปรับและมัดจำ และการยืมหนังสือจากห้องสมุดในเครือข่าย สนองตอบพฤติกรรมของผู้ใช้งานห้องสมุดมหาวิทยาลัย หรือ Academic Library ที่ผู้ใช้งานมักจะต้องการพื้นที่ทำงานในยามดึกในการค้นคว้าวิจัย

          การเชื่อมการบริการห้องสมุดกับแอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือเป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่ทำให้การทำงานของห้องสมุดลดทอนจำนวนเจ้าหน้าที่ลงได้มาก APU ได้ศึกษาห้องสมุดหลายแห่งที่ใช้แอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือมาช่วยให้บริการที่ครอบคลุม เช่น NLB Mobile (นำเสนอโดยคณะกรรมการหอสมุดแห่งชาติสิงคโปร์), Sydney Uni Library และ Universiti Teknologi MARA (ประเทศอินโดนีเซีย) ที่ให้บริการหลากหลายรูปแบบผ่านทางโทรศัพท์มือถือ ทั้งคอนเทนต์ออนไลน์ ฐานข้อมูลดิจิทัล การค้นหาหนังสือ และการบริการยืมคืน แบบจบครบทุกฟังก์ชันในแอปพลิเคชันเดียว สามารถให้บริการตนเองแบบ self-service ได้ง่ายๆ

เมื่อผู้ใช้งานมองผ่านคนละมุม

          เมื่อห้องสมุดหลายแห่งได้ทดลองเปิดพื้นที่นอกเวลาทำการโดยการพึ่งพิงเทคโนโลยี ก็เริ่มมีเสียงสะท้อนจากผู้ใช้งานกลับมาบางส่วนว่า การพัฒนาห้องสมุดไปสู่สภาวะไร้เจ้าหน้าที่อาจจะทำให้กลุ่มผู้ใช้งานที่จัดว่าเป็นกลุ่ม ‘Technophobia’ หรือกลุ่มที่ไม่ค่อยถนัดในการใช้เทคโนโลยีรู้สึกไม่สะดวกใจที่จะเข้าไปใช้บริการ บ้างก็ตั้งคำถามเกี่ยวกับเสถียรภาพของระบบ ผู้ใช้งานจะแน่ใจได้อย่างไรว่าจะไม่มีเหตุอาชญากรรม หรือการละเมิดทรัพย์สินเกิดขึ้นในช่วงที่ไม่มีเจ้าหน้าที่คอยสอดส่องดูแล เพราะเทคโนโลยีคงช่วยได้เพียงจับตามอง แต่คงไม่มีใครสามารถเข้าไปแก้ไข หรือสกัดเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้นได้ทันเวลา

          อีกข้อโต้แย้งที่น่าสนใจก็คือ สถิติที่ห้องสมุดได้บันทึกไว้ระหว่างทดลองให้บริการแบบ Staff-less นอกเวลาทำงาน ชี้ให้เห็นว่ามีผู้ใช้งานเป็นชายเสียเป็นส่วนใหญ่ ชี้ให้เห็นว่ากลุ่มผู้หญิงที่น่าจะถนัดด้านเทคโนโลยีน้อยกว่า อาจมีข้อจำกัดในการเข้าถึงบริการของห้องสมุดที่เริ่มย้ายจากโลกออฟไลน์ไปสู่โลกดิจิทัลมากขึ้นเรื่อยๆ บางเสียงคัดค้านก็พาให้คิดไปไกลถึงวันที่ห้องสมุดจะไม่มีบรรณารักษ์หรือเจ้าหน้าที่อีกต่อไป เพราะสักวันหนึ่งหน่วยงานที่จัดสรรงบประมาณก็จะต้องเริ่มสังเกตเห็นว่างบประมาณในการจัดการแบบ Staff-less อาจน้อยกว่าการจ้างงานบรรณารักษ์หรือเจ้าหน้าที่ห้องสมุด หากเป็นแบบนั้นอาจนำมาซึ่งความเสียหายกับการจ้างงานในภาพรวม และยิ่งดูน่าหวาดหวั่นเมื่อสถิติการเข้าใช้งานห้องสมุดลดลงทุกวันจนสักวันหนึ่งงบประมาณสำหรับห้องสมุดจะถูกตัดทอนจนไม่อาจจ้างงานเจ้าหน้าที่ได้อีกต่อไป ซึ่งกลุ่มบรรณารักษ์ห้องสมุดบางกลุ่มก็ได้ออกมายืนยันว่า ขอบเขตงานบรรณารักษ์ในปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่แค่การให้บริการยืมคืนหนังสือ แต่ยังขยายขอบเขตไปถึงการจัดการองค์ความรู้ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และการจัดการข้อมูลข่าวสารออนไลน์อีกมากมาย ซึ่งงานที่ต้องใช้ความสร้างสรรค์แบบนี้ เทคโนโลยีที่ใช้กันอยู่ก็ยังไม่อาจแทนที่มนุษย์ได้

          ทั้งนี้ กลุ่มที่เห็นด้วยกับการให้บริการแบบ Staff-less ก็ยังมีอยู่ไม่ใช่น้อย โดยกลุ่มนี้เล็งเห็นว่า การลงทุนกับเทคโนโลยีในครั้งแรกจะทำให้เกิดความคุ้มค่าในระยะยาว เพราะจากสถิติที่ผ่านมาเห็นได้ชัดว่าการเปิดให้บริการแบบ Staff-less เพื่อขยายเวลาให้บริการนั้น ช่วยให้มีจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มมากขึ้น เจาะกลุ่มตลาดใหม่ผู้ใช้งานวัยรุ่นและวัยทำงานตอนต้นที่มีพฤติกรรมทำงานในช่วงดึก เพราะตั้งแต่เช้าจรดหัวค่ำผู้ใช้งานในวัยนี้ยังต้องฝังชีวิตเอาไว้กับที่ทำงาน เมื่อพิจารณาถึงวัตถุประสงค์ของการนำรูปแบบการจัดการแบบนี้มาใช้แล้ว คงไม่ได้ทำให้บทบาทของบรรณารักษ์ หรือเจ้าหน้าที่ห้องสมุดด้อยค่าลงแต่อย่างใด แต่กลับเป็นการส่งเสริมให้ห้องสมุดเป็นพื้นที่ที่เปิดกว้าง และเป็นของชุมชนอย่างแท้จริง

          ทุกวันนี้ ผู้ใช้งานหลายกลุ่มคงคุ้นเคยกับเทคโนโลยีที่เอื้อต่อการให้บริการตนเองมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นร้านค้า โรงแรม ท่าอากาศยาน แต่ทุกแห่งที่มีการให้บริการแบบ Self-service ก็มักจะมีการให้บริการแบบที่มนุษย์สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่ได้ควบคู่กันไป เมื่อย้อนกลับมามองวงการห้องสมุด Staff-less Library ก็ยังเป็นรูปแบบการจัดการที่ช่วยเอื้ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งานตามพฤติกรรม และวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปมากกว่าที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงหรือ ‘Disrupt’ ระบบการจัดการเดิม เพราะความต้องการของผู้ใช้งานย่อมแตกต่างหลากหลายไปตามช่วงวัย และประสบการณ์

          ห้องสมุดหลายแห่งได้นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้เพื่อสร้างเสริมประสบการณ์ให้ผู้ใช้งานมากขึ้น เช่น ห้องสมุดอิทราในประเทศซาอุดิอาระเบีย มีเครื่องให้ข้อมูลที่ทำหน้าที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับเนื้อหาของหนังสือ และระบุชั้นที่จัดเก็บหนังสือได้ราวกับจำลองบรรณารักษ์มาไว้ในรูปแบบตู้ Kiosk แต่นโยบายของห้องสมุดอิทรา ก็ยังคงเป็นการกระตุ้นให้พื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่สำหรับการปฏิสัมพันธ์ พบปะ เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรม การเข้ามาของเทคโนโลยีไม่จำเป็นต้องทำลายปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์เสมอไป

          คำตอบของคำถามที่ว่าการให้บริการแบบ Staff-less Library หรือหากเรียกให้ตรงประเด็นมากขึ้นคือ Open Library นั้นเหมาะสมหรือไม่ ห้องสมุดที่ไม่มีบรรณารักษ์หรือเจ้าหน้าที่จะยังทำหน้าที่ในฐานะห้องสมุดได้หรือไม่ พฤติกรรมผู้ใช้งานเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด ผู้ใช้งานห้องสมุดคงเป็นผู้ให้คำตอบได้ดีที่สุด

Staff-less Library เมื่อเทคโนโลยีอาจทำให้ห้องสมุดนี้…ไม่มีบรรณารักษ์
Photo : Ithra

ที่มา

บทความ “Autonomous Integrated Library” จาก researchgate.net (Online)

บทความ “Backlash grows against unstaffed libraries” จาก theguardian.com (Online)

บทความ “List of Staffless / “Open Plus” Libraries in the United Kingdom and beyond” จาก publiclibrariesnews.com (Online )

บทความ “New Paradigm for Taiwan’s Public Libraries and National Library in Digital Era” จาก tkforum2014.tkpark.or.th (Online)

บทความ “Open+ Libraries: Need of the hour for Tech savvy India!!!!!” จาก researchgate.net (Online)

บทความ “QuickGET Intelligent Library System: The Innovative Ideas for the Staff-less Libraries” จาก library.ifla.org (Online)

เว็บไซต์ bibliotheca.com (Online)

Cover Photo : Ithra

Tags: Staff-less Library

เรื่องโดย

1.3k
VIEWS
ศรันภัทร โชติมนกุล เรื่อง

ชาว gen y ที่มีหัวใจรักแมว ดนตรี การเขียนกลอน และไดอารี เติมไฟให้ชีวิตด้วยการเรียนรู้สิ่งใหม่ เป้าหมาย(ที่มีสาระ) คือหยิบงานวิชาการบนหิ้งมาทำให้เข้าใจง่าย เป้าหมาย (นอกเวลางาน) คือได้บอกเล่าประสบการณ์ผ่านการเขียนนิยาย

          ในปัจจุบัน เทคโนโลยี Staff-less หรือเทคโนโลยีที่ผู้ใช้งานให้บริการตนเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพาพนักงาน เริ่มกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของวิถีผู้บริโภคมากขึ้น ตัวอย่างของร้านในลักษณะนี้มีในหลายประเทศ เช่น  Amazon Go ร้านค้าในเครือ Amazon ร้านค้าออนไลน์รายใหญ่ในสหรัฐอเมริกา และร้านค้าของ Alibaba ในประเทศจีน ร้านค้าในลักษณะใช้เทคโนโลยี Image Recognition, Biometric Recognition และ AI เพื่อออกแบบการให้บริการที่ไร้รอยต่อ (Seamless) ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าได้ทางแอปพลิเคชัน แล้วเลือกรับของจากร้านค้าสาขาใดสาขาหนึ่งที่ให้บริการแบบ Self-service นับว่าตอบโจทย์วิถีชีวิตชาวเมืองใหญ่ที่รีบเร่ง ประหยัดเวลาที่ใช้ในการเดินเลือกซื้อของและต่อคิวชำระเงินที่แคชเชียร์

          แม้ว่าพื้นฐานพฤติกรรมการใช้งานห้องสมุดจะแตกต่างจากพฤติกรรมการซื้อข้าวของเครื่องใช้ แต่แนวคิดการให้บริการแบบ Staff-less ก็ได้แทรกซึมเข้ามาในวงการห้องสมุดที่ผู้ใช้บริการมักจะใช้เวลาในการค้นคว้า อ่านหนังสือ และค่อยๆ ซึมซับข้อมูลอย่างลึกซึ้งด้วยเช่นกัน ในวงวิชาการและการประชุมนานาชาติที่เกี่ยวข้องกับห้องสมุดได้มีการกล่าวถึงการให้บริการแบบ Staff-less Library หรือห้องสมุดที่เปิดให้บริการในบางช่วงเวลาโดยไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่บ่อยครั้ง ทางฝั่งยุโรป ออสเตรเลีย และอเมริกาได้ทดลองให้บริการแล้วหลายแห่ง ทางฝั่งเอเชียก็มีตัวอย่างอยู่ไม่ใช่น้อย ทั้งในไต้หวัน สิงคโปร์ และมาเลเซีย

          การนำรูปแบบการให้บริการแบบ Staff-less Library มาใช้นั้น เป็นประเด็นที่ถกเถียงกันมานับทศวรรษ แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี และวิถีปฏิบัติที่ยึดถือมายาวนาน ย่อมนำมาซึ่งทั้งเสียงชื่นชมและข้อโต้แย้งคละกันไป ภาพจำของห้องสมุดคือ ภาพที่นักอ่านและบรรณารักษ์มีปฏิสัมพันธ์ต่อกันมากกว่าระบบการยืมคืนหนังสือ หลายท่านคงนึกภาพไม่ออกว่าบรรยากาศของห้องสมุดที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ที่เป็นมนุษย์คอยให้บริการหรือคำแนะนำจะเป็นอย่างไร ผู้ใช้งานแต่ละคนหยิบยืมหนังสือที่ต้องการ ก้มหน้าก้มตาอ่าน และยืมคืนหนังสือผ่านอุปกรณ์อัตโนมัติเท่านั้นหรือ หรือนี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเมื่อเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทกับชีวิตของมนุษย์มากขึ้น นั่นคือปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันและกันลดน้อยลงไป ปล่อยให้มนุษย์จมหายลงไปกับเทคโนโลยีและโลกส่วนตัว

Staff-less Library เมื่อเทคโนโลยีอาจทำให้ห้องสมุดนี้…ไม่มีบรรณารักษ์

จะเป็นอย่างไร เมื่อห้องสมุดไร้เจ้าหน้าที่

          คำว่า Staff-less อาจจะเป็นคำที่ทำให้ภาพในจินตนาการดูอ้างว้างเกินความเป็นจริง แท้จริงแล้ววัตถุประสงค์แรกเริ่มของ Staff-less Library คือ การขยายเวลาให้บริการให้ยาวนานขึ้นผ่านเทคโนโลยีที่จะทำหน้าที่แทนบรรณารักษ์นอกเวลาทำการปกติ บางแห่งตั้งเป้าหมายเอาไว้ที่เปิดให้บริการนักอ่านตลอด 24 ชั่วโมง การเข้ามาของเทคโนโลยี Staff-less ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่จะเปลี่ยนห้องสมุดให้เป็นสถานที่ไร้ปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ หรือ ‘Human Interaction’ แต่ประการใด

          ห้องสมุดหลายแห่งในหลายประเทศ มีการนำระบบการจัดการนี้มาใช้และเก็บข้อมูลประเมินความพึงพอใจจากผู้ใช้งานไปเรียบร้อยแล้ว เช่น ในแถบสแกนดิเนเวียมีห้องสมุดนับร้อยแห่งที่มีช่วงเวลาเปิดให้บริการที่ต้องดูแลตัวเองแบบไม่มีเจ้าหน้าที่ นอกจากคำว่า Staff-less Library แล้ว คำว่า Open Library หรือ Automated Library ก็ถูกนำมาใช้เทียบแทนกันในบางกรณี เพราะคำเหล่านี้สื่อถึงวัตถุประสงค์ของการเปิดให้บริการแบบไร้พนักงานคอยดูแลได้มากกว่า นั่นก็คือการ ‘เปิด’ พื้นที่ห้องสมุดให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้ แม้ไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาทำการนั่นเอง

          การเปิดให้บริการแบบนี้ ห้องสมุดจำเป็นต้องมีอุปกรณ์ที่เอื้อต่อการให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นประตูที่ผู้ใช้งานต้องกรอกรหัสถึงจะเข้าไปได้ จุดค้นหาข้อมูลหนังสือ เครื่องให้บริการยืมคืนอัตโนมัติ และกล้อง CCTV ที่คอยบันทึกภาพและสอดส่องดูแลห้องสมุดนอกเวลาทำการ รวมถึงการประมวลผลข้อมูลการกระจายตัวของผู้ใช้งานห้องสมุดแบบเรียลไทม์ Bibliotheca คือ บริษัทสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ที่ออกแบบและรับติดตั้งระบบที่เรียกว่า Open+ สำหรับการให้บริการใน Staff-less Library ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในโซนยุโรป ทั้งสแกนดิเนเวีย และสหราชอาณาจักร นอกจาก Open+ แล้ว Bibliotheca ยังพัฒนาเทคโนโลยีอื่นๆ สำหรับห้องสมุด ไม่ว่าจะเป็นระบบ Cloud Library สำหรับจัดการข้อมูลออนไลน์ Smart Shelf สำหรับการจัดการระบบคืนหนังสือ ระบบ Streaming เพื่อถ่ายทอดกิจกรรมที่ห้องสมุดจัดขึ้น และอีกหลากหลายระบบที่ห้องสมุดแต่ละแห่งสามารถออกแบบหรือ ‘Customize’ ให้เหมาะสมกับบริบทและความต้องการของตนเองได้

          ทั้งนี้ เทคโนโลยีเหล่านี้จะถูกเปิดใช้งานเมื่ออยู่ในช่วงนอกเวลาทำการของเจ้าหน้าที่ ในช่วงเวลากลางวันนั้น ยังมีบรรณารักษ์คอยให้คำแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการ ‘Human Touch’ ดังเดิม ผู้อำนวยการห้องสมุดหลายแห่งที่ตัดสินใจทดลองนโยบาย Staff-less จึงยืนยันว่าระบบการจัดการแบบนี้คือการเติมเต็มมากกว่าที่จะด้อยค่าบรรณารักษ์ และเจ้าหน้าที่ห้องสมุด

แนวคิด Staff-less กับพัฒนาการผ่านยุคสมัย

          การให้บริการแบบ Staff-less จะเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต้องมีพื้นฐานเทคโนโลยีที่รองรับพฤติกรรมการใช้งานห้องสมุดตั้งแต่การเดินเข้ามาในพื้นที่ การค้นหาหนังสือ และการยืมคืนหนังสือ เทคโนโลยีพื้นฐานของ Open+ ครอบคลุมพฤติกรรมผู้ใช้งาน คือ ตั้งแต่การรักษาความปลอดภัยที่ประตูทางเข้า การบันทึกข้อมูลคนเข้าออกแบบเรียลไทม์ การเก็บข้อมูลการกระจายตัวของผู้ใช้งาน รวมถึงระบบการค้นหา ยืม คืน หนังสือแบบ Self-service ซึ่งโดยส่วนมากเป็นระบบ RFID (Radio Frequency Identification) เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถให้บริการตนเองได้นอกเวลาทำการของเจ้าหน้าที่

          ในอีกหลายกรณี ระบบ Staff-less Library ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพียงเพื่อขยายเวลาการให้บริการของห้องสมุดเท่านั้น แต่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้อ่านเข้าถึงหนังสือได้ง่ายขึ้น ห้องสมุดประชาชนหลายแห่งแตกสาขาย่อยที่ให้บริการแบบ Self-service ในตัวเมือง ห้องสมุดเล็กๆ เหล่านี้ เป็นจุดที่ช่วยกระจายหนังสือให้ถึงมือผู้ใช้งานได้ทั่วถึงยิ่งขึ้น

          ทางฟากฝั่งเอเชียเองก็มีแนวคิดที่จะทดลองให้บริการแบบนี้มานานแล้ว ในช่วงปี ค.ศ. 1990s รูปแบบการจัดการแบบ Staff-less Library ถูกนำมาทดลองใช้ในโตเกียว โดยเครื่องยืมหนังสืออัตโนมัติถูกติดตั้งไว้ที่สถานีรถไฟต่างๆ แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จ เพราะหนังสือจำนวนมากเมื่อถูกยืมไปแล้วกลับไม่ได้ถูกนำมาคืน ต่อมาจึงได้มีการทดลองโมเดลนี้ที่สิงคโปร์ ในปี ค.ศ. 2002 โดยใช้เครื่องยืมคืนหนังสือในระบบ RFID และต่อมาในปี 2004 ที่เดนมาร์กจึงมีการทดลองระบบที่ใช้กันอย่างกว้างขวางในยุโรปปัจจุบันนี้

          ห้องสมุดในไต้หวันเริ่มทดลองใช้ระบบ Staff-less เพื่อกระจายการเข้าถึงหนังสือของประชาชนมาตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 2004-2005 จนกระทั่งในปี 2014 หอสมุดประชาชนไทเปมีห้องสมุดสาขาเล็กๆ ที่ไม่มีพนักงานประจำตั้งอยู่หลายจุด เช่น Taipei Public Library East Metro Mall Intelligent Library ที่ตั้งอยู่ในสถานีเมโทรที่ให้บริการยืมคืนหนังสือได้แบบไร้พนักงาน และยังมีสาขาอื่นในห้างสรรพสินค้า สนามบิน สวนสาธารณะ และโรงเรียน โดยห้องสมุดเหล่านี้ถูกเรียกว่า ‘Intelligent Library’ การให้บริการพื้นฐาน คือ มีห้องมิดชิดที่มีระบบรักษาความปลอดภัย สัญญาณจะร้องเตือนทันทีที่ผู้ยืมหนังสือไม่ได้ดำเนินการยืมตามขั้นตอนที่ถูกต้องกับเครื่องยืมอัตโนมัติในระบบ RFID

          เมื่อต้นปี 2022 ที่ผ่านมา ระบบยืมหนังสือแบบ Self-service นอกเวลาทำการ ก็เกิดขึ้นที่ห้องสมุดคาร์มาร์เทนเชียร์ (Carmarthenshire) ในเวลส์ สหราชอาณาจักร โดยผู้อำนวยการห้องสมุดกล่าวว่า ระบบนี้เป็นระบบให้บริการแบบ Automated แห่งแรกในเวลส์ นักอ่านสามารถเลือกหนังสือในห้องสมุดที่สนใจจะยืมผ่าน Online Catalog และเครื่องให้บริการในห้องสมุด โดยผู้ยืมต้องระบุช่วงเวลาที่สะดวกในการรับหนังสือ และจะได้รับการแจ้งเตือนทางข้อความโทรศัพท์มือถือเพื่อให้มารับหนังสือได้ที่ Collection Locker แม้ว่าจะเป็นในช่วงเวลาที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ห้องสมุดดูแล

          สำหรับในประเทศไทยนั้น ห้องสมุดที่มีความใกล้เคียงกับ Staff-less Library คือ The Cultivation Library ที่ AIS เปิดให้บริการกับพนักงานที่ต้องการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง โดยในห้องสมุดนั้นไม่มีชั้นวางหนังสือเลย แต่มีหน้าจอดิจิทัลเรียงรายนำเสนอรายการหนังสือที่ผู้ใช้งานสามารถเลือกอ่านได้ หากถูกใจหนังสือเล่มไหนก็กดยืมหนังสือได้จากหน้าจอในห้องสมุด หรือจากแอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือ เพียงเท่านี้หนังสือจะถูกจัดส่งให้ถึงโต๊ะทำงาน หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับหนังสือ หรือการยืมคืน ก็สามารถติดต่อกับบรรณารักษ์ได้ผ่านทางอินเทอร์คอมที่อยู่ในห้องสมุด บรรณารักษ์จะคอยรับสายเพื่อตอบข้อสงสัยจากผู้ใช้บริการได้ทุกที่ ทุกเวลา แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในห้องสมุดด้วย

          ยิ่งเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต และฐานข้อมูลพัฒนามากขึ้นเท่าไร ผู้พัฒนาระบบห้องสมุดก็ยิ่งจุดประกายความคิดที่จะนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยและชาญฉลาด มาใช้งานกับระบบ Staff-less เช่น การนำ Facial Recognition มาใช้กับการรับหนังสือตามจุดยืมคืน การใช้ AI เพื่อประมวลข้อมูลเพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับประโยชน์และความสะดวกมากที่สุด รวมถึงการพัฒนาระบบที่เชื่อมกับแอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้การให้บริการนั้นไร้รอยต่อ ตอบสนองความต้องการผู้ใช้งานให้มากที่สุด เมื่อเข้าสู่ปลายทศวรรษที่ 2 ของศตวรรษที่ 21 วัตถุประสงค์ของการพัฒนาระบบ Staff-less จึงไม่ใช่แค่เพียงการขยายเวลาเปิดทำการให้ยาวนานขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นการนึกถึง ‘User Experience’ มากขึ้นอีกด้วย

          ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมานี้ มีการนำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่จะต่อยอดการให้บริการแบบ Staff-less มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในบทความวิชาการ และในที่ประชุมระดับโลก ในงานประชุมของ IFLA (International Federation of Library Associations and Institutions) ปี 2018 ตัวแทนจากไต้หวันได้นำเสนอแนวคิดพัฒนารูปแบบการให้บริการใน ‘Intelligent library’ ที่มีอยู่แล้วในกรุงไทเป ด้วยการปรับการให้บริการทั้งระบบให้เป็นแบบอัตโนมัติ และผนวกเทคโนโลยีหลากหลายรูปแบบเข้าด้วยกัน เพื่อช่วยให้การกระจายและการรับหนังสือเป็นไปโดยสะดวกมากขึ้น เริ่มตั้งแต่การใช้แอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือเพื่อระบุหนังสือเล่มที่ต้องการจะยืม จากนั้นกระบวนการต่อมาจะเป็นกระบวนการหลังบ้านของห้องสมุดที่ควบรวมหลายเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน ได้แก่ การจัดเก็บหนังสือแบบอัตโนมัติ (Automated Storage) การใช้ Robotic Arm เพื่อการค้นหาหนังสืออย่างรวดเร็ว ปิดท้ายด้วย Facial Recognition ที่ผู้ยืมสามารถไปรับหนังสือที่จุด Vending Machine ที่กระจายอยู่ทั่วไปตามจุดต่างๆ ของเมืองได้ โดยตลอดทั้งกระบวนการเป็นการทำงานตามระบบแบบอัตโนมัติที่ถูกเรียกรวมๆ ว่า QuickGET ที่ผู้ใช้งานจะได้รับความสะดวกสูงสุด คล้ายคลึงกับการใช้บริการซื้อของกับร้านค้าแบบ Staff-less 

          ห้องสมุดมหาวิทยาลัย APU (Asia Pacific University of Technology and Innovation Technology Park Malaysia) ในประเทศมาเลเซียกำลังศึกษาความเป็นไปได้ที่จะประยุกต์เทคโนโลยี Mobile Application และ AI รวมกับระบบอัตโนมัติต่างๆ เพื่อให้สามารถครอบคลุมบริการตลอดทั้ง 24 ชั่วโมง นำไปสู่การจัดการแบบ Staff-less นอกเวลาทำการปกติ ทั้งในเรื่องการยืมคืนหนังสือ การระบุที่เก็บหนังสือ การจองห้องทำงาน การจัดการค่าปรับและมัดจำ และการยืมหนังสือจากห้องสมุดในเครือข่าย สนองตอบพฤติกรรมของผู้ใช้งานห้องสมุดมหาวิทยาลัย หรือ Academic Library ที่ผู้ใช้งานมักจะต้องการพื้นที่ทำงานในยามดึกในการค้นคว้าวิจัย

          การเชื่อมการบริการห้องสมุดกับแอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือเป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่ทำให้การทำงานของห้องสมุดลดทอนจำนวนเจ้าหน้าที่ลงได้มาก APU ได้ศึกษาห้องสมุดหลายแห่งที่ใช้แอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือมาช่วยให้บริการที่ครอบคลุม เช่น NLB Mobile (นำเสนอโดยคณะกรรมการหอสมุดแห่งชาติสิงคโปร์), Sydney Uni Library และ Universiti Teknologi MARA (ประเทศอินโดนีเซีย) ที่ให้บริการหลากหลายรูปแบบผ่านทางโทรศัพท์มือถือ ทั้งคอนเทนต์ออนไลน์ ฐานข้อมูลดิจิทัล การค้นหาหนังสือ และการบริการยืมคืน แบบจบครบทุกฟังก์ชันในแอปพลิเคชันเดียว สามารถให้บริการตนเองแบบ self-service ได้ง่ายๆ

เมื่อผู้ใช้งานมองผ่านคนละมุม

          เมื่อห้องสมุดหลายแห่งได้ทดลองเปิดพื้นที่นอกเวลาทำการโดยการพึ่งพิงเทคโนโลยี ก็เริ่มมีเสียงสะท้อนจากผู้ใช้งานกลับมาบางส่วนว่า การพัฒนาห้องสมุดไปสู่สภาวะไร้เจ้าหน้าที่อาจจะทำให้กลุ่มผู้ใช้งานที่จัดว่าเป็นกลุ่ม ‘Technophobia’ หรือกลุ่มที่ไม่ค่อยถนัดในการใช้เทคโนโลยีรู้สึกไม่สะดวกใจที่จะเข้าไปใช้บริการ บ้างก็ตั้งคำถามเกี่ยวกับเสถียรภาพของระบบ ผู้ใช้งานจะแน่ใจได้อย่างไรว่าจะไม่มีเหตุอาชญากรรม หรือการละเมิดทรัพย์สินเกิดขึ้นในช่วงที่ไม่มีเจ้าหน้าที่คอยสอดส่องดูแล เพราะเทคโนโลยีคงช่วยได้เพียงจับตามอง แต่คงไม่มีใครสามารถเข้าไปแก้ไข หรือสกัดเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้นได้ทันเวลา

          อีกข้อโต้แย้งที่น่าสนใจก็คือ สถิติที่ห้องสมุดได้บันทึกไว้ระหว่างทดลองให้บริการแบบ Staff-less นอกเวลาทำงาน ชี้ให้เห็นว่ามีผู้ใช้งานเป็นชายเสียเป็นส่วนใหญ่ ชี้ให้เห็นว่ากลุ่มผู้หญิงที่น่าจะถนัดด้านเทคโนโลยีน้อยกว่า อาจมีข้อจำกัดในการเข้าถึงบริการของห้องสมุดที่เริ่มย้ายจากโลกออฟไลน์ไปสู่โลกดิจิทัลมากขึ้นเรื่อยๆ บางเสียงคัดค้านก็พาให้คิดไปไกลถึงวันที่ห้องสมุดจะไม่มีบรรณารักษ์หรือเจ้าหน้าที่อีกต่อไป เพราะสักวันหนึ่งหน่วยงานที่จัดสรรงบประมาณก็จะต้องเริ่มสังเกตเห็นว่างบประมาณในการจัดการแบบ Staff-less อาจน้อยกว่าการจ้างงานบรรณารักษ์หรือเจ้าหน้าที่ห้องสมุด หากเป็นแบบนั้นอาจนำมาซึ่งความเสียหายกับการจ้างงานในภาพรวม และยิ่งดูน่าหวาดหวั่นเมื่อสถิติการเข้าใช้งานห้องสมุดลดลงทุกวันจนสักวันหนึ่งงบประมาณสำหรับห้องสมุดจะถูกตัดทอนจนไม่อาจจ้างงานเจ้าหน้าที่ได้อีกต่อไป ซึ่งกลุ่มบรรณารักษ์ห้องสมุดบางกลุ่มก็ได้ออกมายืนยันว่า ขอบเขตงานบรรณารักษ์ในปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่แค่การให้บริการยืมคืนหนังสือ แต่ยังขยายขอบเขตไปถึงการจัดการองค์ความรู้ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และการจัดการข้อมูลข่าวสารออนไลน์อีกมากมาย ซึ่งงานที่ต้องใช้ความสร้างสรรค์แบบนี้ เทคโนโลยีที่ใช้กันอยู่ก็ยังไม่อาจแทนที่มนุษย์ได้

          ทั้งนี้ กลุ่มที่เห็นด้วยกับการให้บริการแบบ Staff-less ก็ยังมีอยู่ไม่ใช่น้อย โดยกลุ่มนี้เล็งเห็นว่า การลงทุนกับเทคโนโลยีในครั้งแรกจะทำให้เกิดความคุ้มค่าในระยะยาว เพราะจากสถิติที่ผ่านมาเห็นได้ชัดว่าการเปิดให้บริการแบบ Staff-less เพื่อขยายเวลาให้บริการนั้น ช่วยให้มีจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มมากขึ้น เจาะกลุ่มตลาดใหม่ผู้ใช้งานวัยรุ่นและวัยทำงานตอนต้นที่มีพฤติกรรมทำงานในช่วงดึก เพราะตั้งแต่เช้าจรดหัวค่ำผู้ใช้งานในวัยนี้ยังต้องฝังชีวิตเอาไว้กับที่ทำงาน เมื่อพิจารณาถึงวัตถุประสงค์ของการนำรูปแบบการจัดการแบบนี้มาใช้แล้ว คงไม่ได้ทำให้บทบาทของบรรณารักษ์ หรือเจ้าหน้าที่ห้องสมุดด้อยค่าลงแต่อย่างใด แต่กลับเป็นการส่งเสริมให้ห้องสมุดเป็นพื้นที่ที่เปิดกว้าง และเป็นของชุมชนอย่างแท้จริง

          ทุกวันนี้ ผู้ใช้งานหลายกลุ่มคงคุ้นเคยกับเทคโนโลยีที่เอื้อต่อการให้บริการตนเองมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นร้านค้า โรงแรม ท่าอากาศยาน แต่ทุกแห่งที่มีการให้บริการแบบ Self-service ก็มักจะมีการให้บริการแบบที่มนุษย์สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่ได้ควบคู่กันไป เมื่อย้อนกลับมามองวงการห้องสมุด Staff-less Library ก็ยังเป็นรูปแบบการจัดการที่ช่วยเอื้ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งานตามพฤติกรรม และวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปมากกว่าที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงหรือ ‘Disrupt’ ระบบการจัดการเดิม เพราะความต้องการของผู้ใช้งานย่อมแตกต่างหลากหลายไปตามช่วงวัย และประสบการณ์

          ห้องสมุดหลายแห่งได้นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้เพื่อสร้างเสริมประสบการณ์ให้ผู้ใช้งานมากขึ้น เช่น ห้องสมุดอิทราในประเทศซาอุดิอาระเบีย มีเครื่องให้ข้อมูลที่ทำหน้าที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับเนื้อหาของหนังสือ และระบุชั้นที่จัดเก็บหนังสือได้ราวกับจำลองบรรณารักษ์มาไว้ในรูปแบบตู้ Kiosk แต่นโยบายของห้องสมุดอิทรา ก็ยังคงเป็นการกระตุ้นให้พื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่สำหรับการปฏิสัมพันธ์ พบปะ เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรม การเข้ามาของเทคโนโลยีไม่จำเป็นต้องทำลายปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์เสมอไป

          คำตอบของคำถามที่ว่าการให้บริการแบบ Staff-less Library หรือหากเรียกให้ตรงประเด็นมากขึ้นคือ Open Library นั้นเหมาะสมหรือไม่ ห้องสมุดที่ไม่มีบรรณารักษ์หรือเจ้าหน้าที่จะยังทำหน้าที่ในฐานะห้องสมุดได้หรือไม่ พฤติกรรมผู้ใช้งานเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด ผู้ใช้งานห้องสมุดคงเป็นผู้ให้คำตอบได้ดีที่สุด

Staff-less Library เมื่อเทคโนโลยีอาจทำให้ห้องสมุดนี้…ไม่มีบรรณารักษ์
Photo : Ithra

ที่มา

บทความ “Autonomous Integrated Library” จาก researchgate.net (Online)

บทความ “Backlash grows against unstaffed libraries” จาก theguardian.com (Online)

บทความ “List of Staffless / “Open Plus” Libraries in the United Kingdom and beyond” จาก publiclibrariesnews.com (Online )

บทความ “New Paradigm for Taiwan’s Public Libraries and National Library in Digital Era” จาก tkforum2014.tkpark.or.th (Online)

บทความ “Open+ Libraries: Need of the hour for Tech savvy India!!!!!” จาก researchgate.net (Online)

บทความ “QuickGET Intelligent Library System: The Innovative Ideas for the Staff-less Libraries” จาก library.ifla.org (Online)

เว็บไซต์ bibliotheca.com (Online)

Cover Photo : Ithra

Tags: Staff-less Library

ศรันภัทร โชติมนกุล เรื่อง

ชาว gen y ที่มีหัวใจรักแมว ดนตรี การเขียนกลอน และไดอารี เติมไฟให้ชีวิตด้วยการเรียนรู้สิ่งใหม่ เป้าหมาย(ที่มีสาระ) คือหยิบงานวิชาการบนหิ้งมาทำให้เข้าใจง่าย เป้าหมาย (นอกเวลางาน) คือได้บอกเล่าประสบการณ์ผ่านการเขียนนิยาย

Related Posts

Gothenburg Film Festival
Common WORLD

Gothenburg Film Festival เทศกาลที่ไม่ได้มีดีแค่การฉายหนัง แต่เต็มไปด้วยการทดลองสร้างสรรค์สุดพิลึก

June 1, 2023
0
Smart Urban Farming เทคโนโลยีล้ำสมัย สร้างพื้นที่ปลูกผักปลูกใจให้คนฮ่องกง
Common WORLD

Smart Urban Farming เทคโนโลยีล้ำสมัย สร้างพื้นที่ปลูกผักปลูกใจให้คนฮ่องกง

May 29, 2023
0
Born a Crime: Stories from a South African Childhood
Common WORLD

เทรเวอร์ โนอาห์ : ฉากชีวิต ‘พลเมืองชั้นสอง’ กับการมอบ ‘โอกาสที่สอง’ ให้คนในสังคมเหลื่อมล้ำ

May 25, 2023
0

Related Posts

Gothenburg Film Festival
Common WORLD

Gothenburg Film Festival เทศกาลที่ไม่ได้มีดีแค่การฉายหนัง แต่เต็มไปด้วยการทดลองสร้างสรรค์สุดพิลึก

June 1, 2023
0
Smart Urban Farming เทคโนโลยีล้ำสมัย สร้างพื้นที่ปลูกผักปลูกใจให้คนฮ่องกง
Common WORLD

Smart Urban Farming เทคโนโลยีล้ำสมัย สร้างพื้นที่ปลูกผักปลูกใจให้คนฮ่องกง

May 29, 2023
0
Born a Crime: Stories from a South African Childhood
Common WORLD

เทรเวอร์ โนอาห์ : ฉากชีวิต ‘พลเมืองชั้นสอง’ กับการมอบ ‘โอกาสที่สอง’ ให้คนในสังคมเหลื่อมล้ำ

May 25, 2023
0
ABOUT
SITE MAP
PRIVACY POLICY
CONTACT
Facebook-f
Youtube
Soundcloud
icon-tkpark

Copyright 2021 © All rights Reserved. by TK Park

  • READ
    • ALL
    • Common WORLD
    • Common VIEW
    • Common ROOM
    • Book of Commons
    • Common INFO
  • PODCAST
    • ALL
    • readWORLD
    • Coming to Talk
    • Read Around
    • WanderingBook
    • Knowledge Exchange
  • VIDEO
    • ALL
    • TK Forum
    • TK Common
    • TK Spark
  • UNCOMMON
    • ALL
    • Common INFO
    • Common EXPERIENCE
    • Common SENSE

© 2021 The KOMMON by TK Park.

Welcome Back!

Login to your account below

Forgotten Password?

Retrieve your password

Please enter your username or email address to reset your password.

Log In

Add New Playlist

The KOMMON มีการใช้คุกกี้ เพื่อเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ไปวิเคราะห์และปรับปรุงการให้บริการที่ดียิ่งขึ้น คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่า อนุญาต
Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราห์

    คุกกี้นี้เป็นการเก็บข้อมูลสาธารณะ สำหรับการวิเคราะห์ และเก็บสถิติการใช้งานเว็บภายในเว็บไซต์นี้เท่านั้น ไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนตัวที่ไม่เป็นสาธารณะใดๆ ของผู้ใช้งาน

บันทึก
Privacy Preferences