สวมส่าหรีแล้วทรงพลัง Saheli Women ปลุกผู้หญิงให้เป็นนักสู้ตัวจริงผ่านการเย็บผ้า

5 views
9 mins
May 19, 2020

          กลุ่มผู้หญิงสวมชุดส่าหรีสีสดใสกำลังหัวเราะพลางช่วยกันกางผืนผ้าที่ย้อมสีจากธรรมชาติอยู่ในตึกเล็กๆ ของเมืองโชธปุระ หรือ จอดห์ปูร์ (Jodhpur) ประเทศอินเดีย หญิงเหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นแม่ เป็นแรงงานในฟาร์ม เป็นสมาชิกของครอบครัวเล็กใหญ่

          ครั้งหนึ่งในอดีต พวกเธอบางคนไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้าน ไม่มีรายได้ที่มั่นคง ต้องพึ่งพิงผู้ชายเป็นหลัก และบางคนต้องใช้แรงงานอย่างหนักเพื่อแลกกับค่าตอบแทนแสนน้อยนิด

          “ฉันหวังอยู่เสมอว่าตัวเองจะได้ทำงานเพื่อสังคมสักวันหนึ่ง แต่ฉันเกิดมาในครอบครัวที่ติดขนบฯ แบบเก่าอย่างมากเพราะผู้หญิงมีหน้าที่ต้องอยู่บ้าน ไม่ก็ต้องเป็นวิศวกร หมอ หรือไม่ก็ครู ฉันถูกจับแต่งงานแบบคลุมถุงชนตั้งแต่อายุ 23 ปี และฉันควรจะเป็นแม่บ้านอยู่ในบ้าน แต่ทำแบบนั้นอยู่ได้ไม่กี่ปี ฉันก็เริ่มส่งเสียงประท้วง คนมองฉันว่าเป็นพวกแหกคอก แต่สำหรับฉัน การเดินทางเริ่มจากตรงนั้นแล้วฉันก็เริ่มทลายบรรทัดฐานทางวัฒนธรรม”

          นั่นคือคำกล่าวของ มธุ ไวชนาฟ (Madhu Vaishnav) ผู้ริเริ่ม ซาเฮลี วีเมน (Saheli Women) โปรเจกต์ทางสังคมด้านแฟชั่นเพื่อผู้หญิงในเมืองจอดห์ปูร์ ซึ่งอยู่ภายใต้สถาบันการศึกษาเพื่อผู้หญิงที่ชื่อว่า Institute for Philanthropy and Humanitarian Development หรือ IPHD มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนให้ผู้หญิงชายขอบตามเมืองห่างไกลของอินเดียมีอิสระทางการเงิน ด้วยโปรแกรมฝึกทักษะและสร้างโอกาสในการใช้ชีวิตให้มีคุณค่าและความหมาย เพราะผู้หญิงเปรียบเสมือนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่สำคัญในระบบสังคมและอุตสาหกรรมแฟชั่น

          ผู้หญิงสามารถเป็นผู้นำชุมชนได้ เลี้ยงตัวเองได้ มีศักยภาพที่จะทำงานและได้ค่าแรงที่เหมาะสม ดังนั้นการสร้างระบบนิเวศที่จะสนับสนุนให้ผู้หญิงไม่ทิ้ง ‘ความเป็นแม่’ รวมถึง ‘รู้สึก’ ถึงสิทธิของตัวเอง จึงเป็นแกนสำคัญขององค์กร

          ก่อนหน้านี้ มธุทำงานในองค์กรภาคประชาสังคมอยู่ 6 ปีและไปเรียนต่อด้านสวัสดิการเพื่อสังคมที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ (University of California Berkeley) เธอมีความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านระบบการเงินรายย่อย การฝึกอบรมทักษะ ความรู้ด้านเชื้อเอชไอวี และโรคเอดส์ และการศึกษาสำหรับผู้ให้บริการทางเพศ

          เมื่อสองเท้ากลับมาเหยียบอินเดียอีกครั้ง เส้นทางของการปฏิรูปดูจะเริ่มต้นขึ้นอย่างจริงจังตอนเธอได้ให้การช่วยเหลือผู้หญิงถูกคุกคามทางเพศในสลัมที่จอดห์ปูร์ มีการจัดอบรมความรู้ด้านเชื้อเอชไอวี ช่วยเหลือผู้ขายบริการทางเพศ และสอนเรื่องการบริหารเงินให้พวกเธอ

          “ฉันอยากจะสร้างผลกระทบต่อชีวิตให้กับคนที่ฉันทำงานด้วย…แต่ก็ไม่ง่ายเลย เพราะผู้หญิงเหล่านี้ไม่เคยมีประสบการณ์กับองค์กรแบบเรามาก่อน” เธอเล่า

          มธุจึงเริ่มอธิบาย อธิบาย และอธิบาย จนได้แรงงานหญิงมาร่วมทีม แม้จะมีเพียง 5 คน ที่พอจะเข้าใจความตั้งใจขององค์กร และกล้าพอที่จะลองเริ่มสิ่งใหม่ๆ

           “ฉันก็เหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ที่ชอบแต่งตัว สวมใส่เสื้อผ้าในชีวิตประจำวัน ฉันมักจะรู้สึกถึงสายสัมพันธ์ที่พิเศษระหว่างฉันกับส่าหรี แต่ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งเสื้อผ้าจะเปลี่ยนชีวิตของผู้หญิงในหมู่บ้านของฉันได้ ฉันเฝ้ามองกระบวนการทั้งหมดที่เกิดขึ้นใน ซาเฮลี วีเมน และพูดเสมอว่าผ้าทุกชิ้นที่แรงงานหญิงเหล่านี้ตัดออกมาช่วยพวกเธอพัฒนาทักษะและเสริมพลังให้พวกเธอสามารถหาเงินได้ ทั้งยังนำพาความสุขกลับมาให้พวกเธอและครอบครัว” มธุเอ่ย

          ภายในระยะเวลา 3 ปี โครงการนี้มีพาร์ตเนอร์ทั้งในและนอกประเทศ 11 ราย มีศูนย์บัญชาการการเย็บปักถักร้อยที่ได้มาตรฐาน จ้างแรงงานมากกว่า 35 คน ลูกเด็กเล็กแดงเต็มศูนย์ในบางวัน และที่สำคัญคือ IPHD ส่งเด็กหญิง 70 คนไปโรงเรียนได้สำเร็จ แรงงานหญิงผู้เป็นแม่ก็มีสุขภาพและโครงข่ายรองรับด้านสุขภาพที่ดี

          สรุปว่า ซาเฮลี วีเมน เป็นองค์กรด้านแฟชั่นหรือมีพันธกิจอะไรกันแน่ และมีแผนในอนาคตอย่างไรบ้าง แผนเหล่านั้นแข็งแกร่งพอที่จะทำให้ผู้หญิงกลุ่มที่กำลังสะบัดผ้าย้อมธรรมชาติยังมีรอยยิ้มติดใบหน้าได้ต่อไปหรือเปล่า

สวมส่าหรีแล้วทรงพลัง Saheli Women ปลุกผู้หญิงให้เป็นนักสู้ตัวจริงผ่านการเย็บผ้า
Photo: Saheli Women

Photo: Saheli Women

การศึกษาทำให้สู้ชีวิตได้จริง

          เป้าหมายแรกคือ การสร้างงาน สร้างอาชีพให้ผู้หญิงที่ไม่รู้งาน รู้อาชีพ

          อันดับแรก แรงงานจึงต้องมีทักษะและการศึกษาเสียก่อน IPHD ติดเครื่องมือให้ผู้หญิงในโครงการผ่านโปรแกรมพัฒนาทักษะ (Skills Development) และออกแบบการศึกษาเพื่อปิดช่องว่างให้กับผู้หญิงและเด็กๆ ในชุมชน

          สอนให้พวกเขารู้ว่ามีสิทธิที่จะใช้สิทธิ

          ปี 2013 มธุก่อตั้งมูลนิธิ IPHD ขึ้นมา และในปีต่อมาจึงเริ่มขยับขยายไปตั้งเป็นศูนย์ชุมชนที่หมู่บ้านไบคามคอร์ (Bhikamkor) ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่คนส่วนใหญ่มีแนวคิดแบบอนุรักษนิยม ยากจน และอยู่ห่างจอดห์ปูร์ ราว 65 กิโลเมตรไปทางเหนือ

          งบประมาณ 100 ดอลลาร์ ตอนเริ่มโครงการไม่พอที่จะซื้อจักรเย็บผ้าสักเครื่องด้วยซ้ำ แต่มธุรู้มาว่าผู้หญิงในหมู่บ้านได้รับจักรเย็บผ้าเป็นสินสอด เธอจึงเริ่มจากตรงนั้น ตัดสินใจลงทุนกับคอร์สปักเป็นอันดับแรก เพราะใช้งบฯ น้อย และค่อยๆ พัฒนาโครงการมาเรื่อยๆ

ปี 2014 โปรแกรมพัฒนาทักษะเหล่านี้จึงค่อยๆ ต่อยอดไปจนครบวงจร และ ซาเฮลี วีเมน ก็เป็นหนึ่งในโปรแกรมของ IPHD ที่เกิดขึ้นในปี 2015 เพราะมธุเห็นว่าเป้าหมายแรกที่ต้องพิชิต คือ “การช่วยผู้หญิงให้หลุดพ้นออกจากความยากจน” พร้อมวิสัยทัศน์ที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า เพื่อปลดปล่อยอินเดียให้หลุดออกจากความยากจนผ่านความยั่งยืนและเท่าเทียม

          “ฉันตั้งกลุ่ม ซาเฮลี วีเมน ขึ้นมาในฐานะองค์กรเพื่อสังคม เพื่อเชื่อมพวกเธอกับดีไซเนอร์ชาวตะวันตกที่มีกำลังจะเดินทางมาที่นี่และเริ่มกระบวนการออกแบบด้วยกันได้ ผ่านไป 5 ปี เรามีแรงงานอยู่ 35 คน และพวกเธอก็มีรายได้มากกว่าค่าแรงขั้นต่ำที่รัฐบาลตั้งไว้สองเท่า

          “กุญแจแห่งความสำเร็จคือ การที่ฉันใช้วิธีการบริหารแบบล่างขึ้นบน ให้ทุกคนมีส่วนร่วมในทุกการตัดสินใจ” มธุเล่า

          แรงงานทุกคนจึงต้องผ่านทุกโปรแกรมฝึกทักษะโดยผู้เชี่ยวชาญในชุมชน คือ ช่างตัดเย็บและผู้จัดการสาขา ตั้งแต่ทอผ้าสีสันสดใส ร่วมกันออกแบบเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า เรียนการย้อมสีธรรมชาติรักษ์โลกที่ใช้ดอกไม้และวัตถุดิบออร์แกนิกอื่นๆ ฝึกปักลายโบราณที่แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมและเทคนิคของรัฐราชสถาน (Rajasthan) ไปจนถึงตัดเย็บและขึ้นแพทเทิร์นที่ใช้ผ้าคอตตอน ผ้าลินิน ผ้าไหม หรือส่าหรีมือสองที่อาจจะไม่รู้แหล่งที่มาและชนิดของผ้า

ดังนั้นจึงสรุปง่ายๆ ได้ว่า เมื่อเหล่าน้าๆ ป้าๆ หรือสาวๆ จบการศึกษาที่ IPHD จนเป็นช่างตัดเย็บฝีมือดี พวกเธอก็จะต้องเดินเข้าสู่ ซาเฮลี วีเมน เพื่อทำงานกับลูกค้าทั่วโลกในฐานะเดียวกันกับพนักงานตัดเย็บและดีไซเนอร์ในห้องเสื้อมืออาชีพ

          แต่เมื่อบริหารโครงการมาเรื่อยๆ มธุก็เริ่มมองเห็นว่าเด็กผู้หญิงในหมู่บ้านไบคามคอร์ ยังไม่สามารถเข้าถึงการศึกษาที่ดีได้

          ข้อมูลจากเว็บไซต์ของ IPHD บอกว่า หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านที่ผู้ชายมีอำนาจเหนือกว่า และเห็นความเหลื่อมล้ำทางเพศได้ชัดเจนในชีวิตประจำวัน เด็กผู้หญิงออกจากโรงเรียนกลางคันเพื่อแต่งงาน มีลูก และรับผิดชอบดูแลบ้าน โดยร้อยละ 70 ของผู้หญิงในไบคามคอร์ไม่ได้รับการศึกษาระดับอุดมศึกษาด้วยซ้ำ ถ้าเทียบกับราวร้อยละ 40 ของเด็กผู้ชาย

          ปี 2016 IPHD จึงตั้งโปรแกรมสอนเด็กๆ ให้ได้รับการศึกษาที่สูงขึ้น โดยพวกเขาจะได้เงินเรียน และเข้าร่วมกระบวนการกับชุมชน วางแผนว่าจะพัฒนาพื้นที่ที่อยู่อาศัยร่วมกันให้ดีได้อย่างไร รวมไปถึงเด็กผู้หญิงระดับมัธยมศึกษาจะได้เข้าร่วมโปรเจกต์ เฟมินิสต์รุ่นเยาว์เพื่อสิทธิมนุษยชน (The Youth Feminism and Human Rights) เพื่อเรียนรู้ที่จะจัดการกับความไม่เท่าเทียม และการปฏิบัติที่ไม่สอดคล้องกับพื้นฐานของเพศ วรรณะ และศาสนาในหมู่บ้าน

          หลังเลิกเรียน เด็กๆ ทั้งผู้ชายและผู้หญิงยังสามารถเข้าร่วมคลาสศิลปะหรือคลาสเรียนภาษาอังกฤษได้อีกด้วย

          นอกจากนี้ IPHD ยังจ้างงานผู้หญิงในหมู่บ้านจำนวน 4 คน ด้วยตำแหน่งพนักงานประชาสัมพันธ์ พนักงานขับรถ บรรณารักษ์ และคุณครู และเปิดคอร์สเชิงวัฒนธรรม Long Term Immersion ให้ผู้ที่สนใจทำงานเพื่อสังคมทั่วโลกสมัครมาเรียนรู้อย่างลึกซึ้ง เช่น คลาสสอนภาษาฮินดี สอนเต้น สอนทำอาหารตั้งแต่ 1-6 เดือน แถมยังได้เรียนรู้เรื่องสตูดิโอแฟชั่นของชุมชนท้องถิ่น เทคนิคการผลิตผ้า และบทบาทต่างๆ ในองค์กร

          ปี 2022 ซาเฮลี วีเมน เปิดศูนย์ชุมชนอีกแห่งที่คาลีเบรี (Kaliberi) ประชากรส่วนใหญ่เป็นครอบครัวผู้ลี้ภัยชาวปากีสถานที่หลบหนีมาเพราะการแบ่งแยกทางศาสนาหรือเหตุผลทางเศรษฐกิจบีบบังคับ แต่พอย้ายมาที่อินเดีย พวกเขาก็ตั้งต้นชีวิตและหาอาชีพใหม่ได้ยากลำบาก เนื่องจากยังไม่ได้รับสัญชาติจากรัฐบาล ซาเฮลีจึงเป็นศูนย์ที่ฝึกอาชีพและที่พักพิงของพวกเขา และมักจะจัดงานเฉลิมฉลองให้กับผู้หญิงและครอบครัวเมื่อเอกสารทางกฎหมายผ่าน และผู้หญิงชาวปากีสถานได้รับสัญชาติแล้วเรียบร้อย

           “ก่อนหน้านี้ ฉันไม่ได้รับอนุญาตให้ออกนอกบ้านหรือเข้าสังคม แต่ตอนนี้ฉันออกมาทำงานทุกวัน และสนุกกับอิสรภาพที่ได้ทำงานร่วมกับผู้หญิงคนอื่นๆ ฉันรู้สึกถึงสันติสุขแบบใหม่ที่เกิดขึ้นในใจ ตอนนี้ฉันจึงได้ทำงาน เข้าสังคม หัวเราะทุกวัน และหาเงินได้ด้วยตัวเอง” หนึ่งในพนักงาน ซาเฮลี วีเมน ที่ศูนย์คาลีเบรีกล่าว

          เว็บไซต์ของ IPHD ให้ข้อมูลว่า โดยปกติแล้ว รายได้ของผู้หญิงที่ออกไปทำงานจะกลับสู่ครอบครัวและชุมชนในสัดส่วนที่สูงกว่าผู้ชาย ดังนั้นการเสริมอำนาจทางเศรษฐกิจให้กับผู้หญิง จึงส่งผลต่อการพัฒนาชุมชนอย่างมีนัยสำคัญ

          ไบคามคอร์เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 500 ปี รายได้ส่วนใหญ่ของคนในชุมชนมาจากเกษตรกรรม ซึ่งเกษตรกรส่วนใหญ่เป็นเพศชาย ดังนั้นหากมีภัยแล้งหรือมีเหตุให้ไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้ตามฤดูกาล พวกเขาจะประสบกับความยากลำบากเป็นอย่างมาก เพราะไม่มีทักษะด้านอื่นๆ ไว้หาเลี้ยงชีพ

          แต่เมื่อผู้หญิงมีโอกาสเข้าถึงทรัพยากรและได้ทำงาน ในช่วงวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 แรงงานหญิงหลายคนใน ซาเฮลี วีเมน กลายเป็นแหล่งรายได้หลักและรายได้เดียวของบ้าน บางคนหาเงินมาเพื่อต่อเติมบ้าน บางคนเป็นผู้หญิงคนแรกที่ซื้อเครื่องซักผ้ามาติดตั้งในบ้าน บางคนมีโทรศัพท์มือถือเป็นของตัวเอง

          และหลายๆ คนต่อเติมห้องน้ำห้องแรกในบ้านได้สำเร็จ จากที่ต้องอาบน้ำ ล้างหน้าล้างตานอกบ้านมาตลอดชีวิต

          “เราเชื่อว่าอนาคตของแฟชั่นจะยั่งยืนได้มากที่สุดถ้าเราตั้งผู้หญิงให้เป็นผู้นำและมีบทบาทในชุมชน นี่จึงเป็นสาเหตุที่เราเสริมพลังผู้หญิงผ่านโปรแกรมการฝึกทักษะ และให้โอกาสพวกเธอหารายได้เพื่อเลี้ยงชีพ ฉันยังเชื่ออีกว่า เราได้มอบพลังให้กับลูกค้าที่เป็นผู้หญิงรอบโลกด้วย เพราะเราเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส และบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสโลว์แฟชั่น ตลอดห่วงโซ่คุณค่าของเรา เพื่อที่ลูกค้าจะได้เชื่อมโยงได้ว่าเสื้อผ้าที่พวกเขาซื้อถูกผลิตขึ้นยังไง และเห็นชัดเจนว่าใครเป็นคนผลิตมันขึ้นมา”

          มธุมักจะบอกว่า ถ้าคุณอยากจะพัฒนาสังคมเชิงบวกอย่างยั่งยืน สิ่งที่คุณต้องทำคือ แค่เลือกผู้หญิงในบ้านมาสักคน แล้วหล่อนจะแปลงศักยภาพในตัวเองออกมาเพื่อหล่อเลี้ยงทั้งครอบครัว หรือทั้งชุมชนให้อยู่รอดได้

สวมส่าหรีแล้วทรงพลัง Saheli Women ปลุกผู้หญิงให้เป็นนักสู้ตัวจริงผ่านการเย็บผ้า
มธุ ไวชนาฟ ผู้ก่อตั้ง ซาเฮลี วีเมน
Photo: Saheli Women

ผู้หญิงจนๆ ไม่ได้เย็บผ้าอย่างเดียว แต่เย็บใจตัวเองให้แข็งแกร่งไปด้วย

          อินเดียเป็นประเทศมีประวัติศาสตร์ของผ้าที่รุ่มรวยจนกลายเป็นมรดกทางวัฒนธรรม และ ซาเฮลี วีเมน ก็มุ่งหวังที่จะรักษาและส่งเสริมการผลิตผ้าตามขนบเดิม แต่ใช้วิธีการที่ยั่งยืน นั่นคือการกำกับดูแลทุกขั้นตอน ทำงานกับช่างเย็บผ้าชุมชน หาวัตถุดิบผ้าฝ้ายออร์แกนิกในท้องถิ่นแล้วทอมือแบบคะดี (Khadi) ซึ่งเป็นเทคนิคโบราณที่พบได้มากในอินเดีย ปากีสถาน และบังคลาเทศ รวมไปถึงผ้าไหมทอมือ และผ้าไหมมัดหมี่

          แทนที่จะใช้ผ้าใหม่ทั้งหมด ซาเฮลีใช้วัตถุดิบที่มาจากการรีไซเคิลหรือเพิ่มมูลค่าจากของเดิม (Upcycle) กว่าร้อยละ 50 หรือใช้ผ้าค้างสต็อก และยังมีบริการจัดหาผ้าที่ไม่ทำลายธรรมชาติให้กับลูกค้า ลดการใช้พลาสติกในการผลิตให้เหลือน้อยที่สุด โดยใช้กระดุมเปลือกหอยและมะพร้าวแทน แพ็กเกจก็ทำมาจากส่าหรีที่ได้รับการรีไซเคิลหรือผ้าฝ้ายไม่ฟอกขาว

          และเพื่อต่อยอดให้แนวคิดนี้ยั่งยืน ซาเฮลี วีเมน รับเป็นที่ปรึกษาให้แบรนด์ต่างๆ ที่ต้องการหาวัตถุดิบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ช่วยเฟ้นหาฝ้ายออร์แกนิก ผ้าไหม ซาติน สอนการย้อมสีธรรมชาติและพิมพ์ลายผ้า เนื่องจากมีโปรเจกต์ Thread of Prosperity ที่ร่วมกับช่างศิลป์ทางอินเดียใต้เพื่อผลิตผ้าทอมือ ทั้งหมดนี้เพราะองค์กรเชื่อมั่นในการผลิตสินค้าปริมาณน้อยและสโลว์แฟชั่น (วัตถุดิบย่อยสลายได้ นำมาใช้ใหม่ได้บ่อยครั้ง ทนทาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม) เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจระดับชุมชนและสร้างผลกระทบต่อโลกให้น้อยที่สุด

          ทีมหญิงแกร่งแห่งซาเฮลี จึงประกอบไปด้วยช่างเย็บผ้ากว่าร้อยคนที่ทำงานในหมู่บ้าน และร้อยคนที่ว่าก็ทำงานร่วมกับแบรนด์แฟชั่นทั่วโลก

          สำหรับซาเฮลี สโลว์แฟชั่น คือแฟชั่นที่ยกระดับและส่งพลังให้กับผู้หญิงทุกคนที่ทำงานตลอดห่วงโซ่คุณค่า

          คือการผลิตเสื้อผ้าที่แข็งแรงทนทาน ใช้ได้นาน และมีคุณภาพ

          คือเรื่องราวของผู้หญิง ความแข็งแกร่ง ปัญญาและความรู้ของพวกเธอ

          คือการฟื้นฟูรื้อคืนหัตถกรรมสมัยโบราณและมรดกทางวัฒนธรรม

          คือการเรียนรู้จากชุมชนงานคราฟต์ที่ทำงานด้านความยั่งยืนมาหลายศตวรรษ

สวมส่าหรีแล้วทรงพลัง Saheli Women ปลุกผู้หญิงให้เป็นนักสู้ตัวจริงผ่านการเย็บผ้า
Photo: Saheli Women
สวมส่าหรีแล้วทรงพลัง Saheli Women ปลุกผู้หญิงให้เป็นนักสู้ตัวจริงผ่านการเย็บผ้า
Photo: Saheli Women

          “กลุ่ม ซาเฮลี วีเมน ไม่ได้ทำงานแบบโรงงาน เราเป็นสตูดิโอศิลปะและแฟชั่นที่ต้องการออกแบบเสื้อผ้าให้มีชีวิตชีวา และพยายามที่จะเชื่อมโยงช่างฝีมือกับผู้ซื้อเข้าด้วยกัน ทุกครั้งที่เราขายผ้าออกไป เราจะใส่แบบร่างของช่างและเรื่องราวของเธอเข้าไปด้วย ลูกค้าจะได้เข้าใจว่าเราไม่ได้ใช้เครื่องจักรผลิตมันขึ้นมา แต่เป็นฝีมือของผู้หญิงที่แข็งแกร่งต่างหาก

          การพิทักษ์วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมในหมู่บ้านสำคัญกับเรา และเป็นสาเหตุที่เราไม่ผลิตสินค้าจำนวนมาก แต่เป็นเส้นใยที่ย่อยสลายได้และมาจากธรรมชาติ

          เหล่าหญิงแกร่งของเราโปรดปรานงานออกแบบที่ท้าทาย และสมาชิกส่วนใหญ่ไม่เคยได้เรียนหนังสือ หรือถ้าได้เรียนก็อาจจะจบแค่ระดับ ป. 6 หรือ ม.ต้น ความรู้เรื่องหน่วยวัดเซนติเมตร คือเรื่องใหม่สำหรับพวกเธอมาก แต่พวกเธอก็ตัดสินใจเรียนคณิตศาสตร์เพื่อให้ตัวเองเข้าใจเรื่องการวัดมากขึ้น” มธุเล่า

          แรงงานหญิงเหล่านี้รับผิดชอบงานบ้าน ดูแลลูกและสัตว์เลี้ยง ซาเฮลี วีเมน จึงออกแบบมาตรฐานในการทำงานเพื่อให้ผู้หญิงใช้ชีวิตได้สะดวกสบายมากขึ้นด้วยการใช้มาตรฐานเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals หรือ SDGs) ตั้งแต่เริ่มโครงการ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเวลาทำงานและวันหยุดได้อย่างอิสระ ได้รับค่าแรงที่สมเหตุสมผล มีเวลาอยู่กับตัวเองและครอบครัวมากขึ้น

          เริ่มแรก แรงงานหญิงในโครงการ ซาเฮลี วีเมน ได้เงินเดือน 3,000 รูปี แต่เมื่อมธุบริหารงานและได้พาร์ตเนอร์กับแบรนด์ต่างๆ รวมถึงงบประมาณเพิ่มเติมจาก United Nations Fashion Impact Fund องค์กรก็เพิ่มเงินเดือนให้เรื่อยๆ จนกระทั่ง 7 ปีต่อมา ผู้หญิงที่ทำงานที่นี่ได้เงินเดือน 12,000-17,000 รูปี ซึ่งมากกว่าเงินเดือนเฉลี่ยของแรงงานที่ทำอาชีพเดียวกันในอินเดียและบังคลาเทศถึงร้อยละ 50  แถมยังทำงานน้อยกว่า 6-7 ชั่วโมง พร้อมปฏิบัติตาม Code of conduct หรือ จรรยาบรรณของกลุ่มแฟชั่นยั่งยืน (Ethical Fashion Initiative) เช่น การไม่ใช้แรงงานเด็ก วันลาที่ยืดหยุ่น ค่าแรงที่เหมาะสม ไม่ยอมรับการเหยียดเพศในองค์กร และสวัสดิการที่เท่าเทียม เช่น แว่นตา ประกันสุขภาพ พื้นที่สำหรับดูแลลูกในที่ทำงาน

          รายได้จากการผลิตเสื้อผ้าทั้งหมดของที่นี่จะถูกนำไปใช้เพื่อชำระต้นทุนคงที่ (Fixed Cost) และเงินเดือนของพนักงาน ส่วนกำไรที่เหลือจะนำไปพัฒนาโครงการเพื่อชุมชน เช่น การฝึกอบรมพัฒนาทักษะ การศึกษาของเด็กผู้หญิง และสุขภาพที่ดี

          โครงการการศึกษาเพื่อเด็กผู้หญิงได้รับการพัฒนาหลักสูตรให้เป็นการศึกษาระดับสูง พร้อมการศึกษาที่ดีเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพของผู้หญิง (Female Health Program) เช่น เรื่องประจำเดือน และเป็นศูนย์ที่ส่งเสริมให้เด็กหญิงกว่า 200 คนที่ไบคามคอร์ได้รับการศึกษาโดยจับมือกับโรงเรียนท้องถิ่น และเปิดห้องสมุดที่ศูนย์ชุมชน

          “ฉันเห็นแรงงานในโรงงานต้องทำงานหนัก แม้กระทั่งในโรงงานที่จ่ายค่าแรงขั้นต่ำ ก็เป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะเย็บผ้าชิ้นสองชิ้นแล้วได้รับเงินเดือน พวกเขาต้องเย็บผ้าหลายชิ้นต่อวันเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งเราเรียกมันว่าการใช้แรงงาน แต่ ซาเฮลี วีเมน ไม่ใช้แรงงานใคร เพราะทุกคนใส่หัวใจลงไปในผ้าทุกชิ้น แม้แต่อาจารย์สอนตัดเย็บยังเดินทางมาที่นี่ทุกวันเพื่อสอนให้ผู้หญิงเย็บผ้า ฉันรู้สึกอย่างแรงกล้าว่า ถ้าคุณผลิตสินค้าราคาถูก ก็หมายความว่า มีผู้ถูกเอาเปรียบอยู่ตรงไหนสักแห่งในห่วงโซ่อุปทาน

          ผลิตภัณฑ์ที่ทำด้วยมือขายราคาถูกไม่ได้ แล้วเราก็ต้องเคารพผู้ที่อุทิศเวลาและความอุตสาหะเพื่อผลิตมันขึ้นมา ด้วยการจ่ายค่าแรงที่เหมาะสมให้กับพวกเขา” มธุกล่าว

          เดือนมิถุนายน 2024 ซาเฮลี เพิ่งจะออกสินค้าตัวใหม่ชื่อเดรสกีต้า (Geeta Dress) ซึ่งตั้งตามชื่อสมาชิกคนหนึ่งในศูนย์ที่ไบคามคอร์ และทอมือโดยผู้หญิงที่ทำงานในนั้น เดรสมีสองสี คือสีน้ำตาลและสีชมพูจัดจ้าน เป็นตัวแทนของทะเลทรายในรัฐราชสถาน ช่วงกลางวันและยามพระอาทิตย์ตก ส่วนความพริ้วของการตัดเย็บก็เลียนแบบชุดประจำถิ่นที่พนักงานซาเฮลีสวมใส่มาทำงานทุกวัน

สวมส่าหรีแล้วทรงพลัง Saheli Women ปลุกผู้หญิงให้เป็นนักสู้ตัวจริงผ่านการเย็บผ้า
Photo: Saheli Women

ผู้หญิงทั่วโลกไม่ได้สู้อยู่คนเดียว

          แม้ว่าภารกิจและความสำเร็จของ ซาเฮลี วีเมน จะมาไกลจากวันแรกที่มธุตั้งโครงการขึ้นมา แต่ข้อท้าทายทางวัฒนธรรมก็ยังมีอยู่มาก วรรณะทางสังคมยังเป็นสิ่งที่ประชาชนทั่วอินเดียยึดถือ องค์กรก็ยังถูกตั้งคำถามจากคนในหมู่บ้านอยู่ว่าทำสิ่งนี้ไปเพื่ออะไร

          แต่ในเดือนพฤษภาคม 2024 มธุเข้ารับตำแหน่งกรรมการที่ปรึกษาของเครือข่ายแฟชั่นและวิถีชีวิตที่ยั่งยืนของยูเอ็น (United Nations Conscious Fashion and Lifestyle Network) เพื่อสร้างความตระหนักรู้เรื่องแฟชั่นที่ยั่งยืนและเสริมพลังให้กับผู้หญิงเพื่อการเปลี่ยนแปลง

          ภายในศูนย์ชุมชนเล็กๆ นอกจากที่ทำงานที่ทำให้แข็งแกร่ง ที่ทำให้มีเงินเลี้ยงตัวเองและครอบครัว มธุตั้งใจจะถักทอให้ที่นี่เป็นพื้นที่แห่งความอภิรมย์ เป็นสายใยแห่งความสัมพันธ์ที่ช่างฝีมือทุกนางพูดคุยและหัวเราะต่อกัน ต้มชา ทำอาหาร พาลูกมาเล่น แม่ผัวลูกสะใภ้รวมตัวกันเพื่อสอนงานกันและกัน ฉลองเทศกาลทางวัฒนธรรมด้วยกัน และเป็นพื้นที่จัดเวิร์กชอปให้ชุมชนอื่นๆ ได้เข้ามาเรียนรู้เรื่องสิทธิมนุษยชน เฟมินิสต์ สุขภาพของผู้หญิง และการเงิน

          ดังที่ ซาเฮลี ในภาษาฮินดีแปลว่า “เพื่อน” Saheli women จึงแปลว่า “เพื่อนผู้หญิง”

          ซูชิลา (Sushila) ทีมตัดเย็บที่ศูนย์คาลีบารีไม่เคยได้ออกจากบ้าน ไม่ได้รับอนุญาตให้ซักเสื้อผ้าหรือมีชีวิตส่วนตัว สามีของเธอคัดค้านการชักชวนของผู้จัดการของศูนย์ฯ แต่สุดท้าย ผู้จัดการสายแข็งพยายามชวนเธอเข้าร่วมกลุ่มได้สำเร็จ

          ซูชิลาเข้ามาที่ศูนย์คาลีบารีในสภาพมอมแมม เสื้อผ้าขาดวิ่นและสกปรก แต่เมื่อได้เข้าเรียนกับอาจารย์จี เพียงแค่ 5 วันเธอก็ซ่อมเสื้อผ้าของตัวเองได้ และมาทำงานทุกวันท่ามกลางคำคัดค้านของสามี

          “ก่อนที่ฉันจะเข้ามาทำงานที่นี่ ฉันรู้สึกอึดอัดที่จะอยู่ในบ้านของตัวเอง มันทำให้ฉันรู้สึกหดหู่ แต่การได้มาที่นี่ทุกวัน ทำให้ฉันรู้สึกถึงอิสระและความสนุกสนาน ฉันสามารถสนุกกับชีวิตและเต้นรำได้แล้ว ก่อนหน้านี้ฉันทำไม่ได้เลย” เธอกล่าว

          รอยยิ้ม ความสุข ความหวัง ความอ่อนโยน และความนุ่มนวลเป็นคุณสมบัติของมนุษย์และผู้หญิงที่แสดงออกเมื่อเรารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของอะไรสักอย่าง และเมื่อความรู้สึกเหล่านั้นเบ่งบานนานมากพอ มันจะกลายเป็นดอกไม้ที่แข็งแกร่งเมื่ออยู่ร่วมกันเป็นช่อเป็นสวน

          ส่าหรีที่ถูกตกแต่งด้วยดิ้นเงิน ดิ้นทอง ดอกไม้ ชิ้นส่วนของการตัดเย็บที่เกิดมาจากมือที่เลี้ยงลูกและครอบครัว ทำความสะอาดบ้าน ผู้หญิงเหล่านั้นสวมเสื้อผ้าสวยงามสีสันสดใสเดินไปตามมุมต่างๆ ของสตูดิโอเพื่อทำงาน มองรวมๆ กันแล้วสีเหมือนสายรุ้งที่เกิดจากสิ่งละอันพันละน้อยของชีวิตที่เริ่มใหม่ในทุกๆ เช้า

          มธุและผู้หญิงเหล่านั้นเดินออกจากการเป็นกบฏในครอบครัว กบฏในบ้านที่มีสามีเป็นใหญ่ กบฏต่อบรรทัดฐานทางสังคมที่ห้ามมิให้พวกเธอมีชีวิตเป็นของตนเอง สู่การทำงานที่แค่สวมใส่เสื้อผ้า เย็บปักถักร้อย ซ่อมแซมและสังสรรค์กับเพื่อน ก็รู้ว่าคุณค่าจากฝ้ายที่เบาขนาดนั้นมีน้ำหนัก

          กลุ่มผู้หญิงสวมชุดส่าหรีสีสดใสกำลังหัวเราะพลางช่วยกันกางผืนผ้าที่ย้อมสีจากธรรมชาติอยู่ในตึกเล็กๆ ของเมืองจอดห์ปูร์ ผู้หญิงเหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นแม่ เป็นแรงงานในฟาร์ม เป็นสมาชิกของครอบครัวเล็กใหญ่

          และเป็นมนุษย์


ที่มา

บทความ “A DAY WITH THE SAHELI WOMEN’S COLLECTIVE IN BHIKAMKOR, INDIA” จาก eco-age.com (Online)

บทความ “How Indians View Gender Roles in Families and Society” จาก pewresearch.org (Online)

บทความ “Saheli Women #SDGAction43944” จาก sdgs.un.org (Online)

บทความ “SAHELI WOMEN” จาก zazi-vintage.com (Online)

บทความ “Status of women in india” จาก wired.com (Online)

เว็บไซต์ Saheli Women (Online)

เว็บไซต์ The Institute for Philanthropy and Humanitarian Development (IPHD) (Online)

อินสตราแกรม saheliwomen (Online)

Cover Photo: Saheli Women

RELATED POST

แหล่งชุมนุมความคิดเรื่องพื้นที่สาธารณะเพื่อการเรียนรู้
และห้องสมุดกับการเปลี่ยนแปลงสังคม

                                                                                            

PDPA Icon

The KOMMON มีการใช้คุกกี้ เพื่อเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ไปวิเคราะห์และปรับปรุงการให้บริการที่ดียิ่งขึ้น คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราห์

    คุกกี้นี้เป็นการเก็บข้อมูลสาธารณะ สำหรับการวิเคราะห์ และเก็บสถิติการใช้งานเว็บภายในเว็บไซต์นี้เท่านั้น ไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนตัวที่ไม่เป็นสาธารณะใดๆ ของผู้ใช้งาน

บันทึก