สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของมนุษย์ในวงกว้าง รวมทั้งแวดวงการศึกษา องค์การยูเนสโกรายงานว่ามีนักเรียนทั่วโลกจำนวน 1.3 พันล้านคนได้รับผลกระทบ และกว่า 128 ประเทศยังไม่มีกำหนดวันเปิดเรียนที่แน่ชัด มีเพียง 71 ประเทศซึ่งประกาศว่าจะกลับมาเปิดโรงเรียน (รวมถึงประเทศไทย ที่กระทรวงศึกษาธิการแถลงเมื่อต้นเดือน พ.ค. ว่าจะมีการเลื่อนเปิดเทอมปี 2563 จากปกติคือกลางเดือน พ.ค. เป็นวันที่ 1 ก.ค.)
อย่างไรก็ตาม มีบางประเทศที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ดี และได้เริ่มอนุญาตให้นักเรียนกลับเข้าเรียนอีกครั้ง โดยมีการใช้มาตรการป้องกันต่างๆ ที่น่าจะกลายเป็นวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) ในสถานศึกษา ซึ่งเว็บไซต์ INSIDER ได้หยิบยกตัวอย่างของประเทศที่มีการนำร่องเปิดโรงเรียนและกลับมาดำเนินการเรียนการสอน ได้แก่ เดนมาร์ก ญี่ปุ่น นอร์เวย์ จีน อิสราเอล และไต้หวัน พร้อมสรุปแนวทางป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 สำหรับเด็กนักเรียนใน 6 ประเทศไว้ดังนี้
1. การเว้นระยะห่างระหว่างโต๊ะเรียน
2. การตรวจวัดอุณหภูมิเมื่อนักเรียนมาถึงโรงเรียน
3. จัดการเรียนการสอนนอกห้องเรียน และปิดใช้งานสนามเด็กเล่น
4. กำชับให้เด็กนักเรียนล้างมือทุกชั่วโมง และสวมหน้ากากอนามัย
5. การเว้นระยะห่างของที่นั่งในโรงอาหาร
6. ลดขนาดชั้นเรียนหรือกลุ่มกิจกรรมให้เล็กลง
7. มีห้องแยกกักตัวสำหรับเด็กนักเรียนที่มีไข้
8. เปิดเรียนเหลื่อมเวลา แบ่งเฟสในการกลับเข้าเรียนตามระดับชั้น
9. ให้พนักงานทำความสะอาดของเล่นและห้องเรียนวันละ 2 ครั้ง
10. ขอความร่วมมือให้พนักงานที่มีปัญหาสุขภาพ หรือมีอายุเกิน 65 ปี ช่วยหยุดอยู่บ้าน
11. ให้เด็กนักเรียนทำความสะอาดมือและรองเท้าก่อนเข้าอาคารเรียน
เว้นระยะห่างระหว่างโต๊ะเรียน และห้ามผู้ปกครองเข้ามาในอาคารเรียน
– หลายประเทศตั้งโต๊ะนักเรียนให้อยู่ห่างกัน 2 เมตร ตามมาตรฐานสากล
– โรงเรียนในเดนมาร์ก จะให้เด็กนักเรียนเดินเข้าโรงเรียนได้หลายช่องทาง เพื่อลดความแออัด และห้ามผู้ปกครองเข้ามาในโรงเรียนโดยเด็ดขาด
– โรงเรียนในอิสราเอล ห้ามเด็กนักเรียนสัมผัสกับเพื่อนๆ หรือครูและพนักงาน
– โรงเรียนประถมในจีน ให้เด็กนักเรียนสวมหมวก DIY ความกว้าง 1 เมตร ที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับหมวกจอหงวน เพื่อตอกย้ำให้เด็กๆ ตระหนักถึงการเว้นระยะห่าง
นักเรียนจะต้องผ่านการตรวจวัดอุณหภูมิเมื่อมาถึงโรงเรียน
– ในญี่ปุ่น ไต้หวัน และจีน จะมีพนักงานคอยตรวจวัดอุณหภูมิเด็กๆ ก่อนเข้าอาคารเรียน เด็กที่มีไข้จะถูกส่งตัวกลับบ้าน
– โรงเรียนในกรุงปักกิ่ง ให้เด็กนักเรียนกรอกแบบสอบถามบนแอพเพื่อประเมินความเสี่ยงในการติดเชื้อ เฉพาะเด็กที่ผ่านการประเมินจึงจะได้รับอนุญาตให้เข้าเรียน นอกจากนี้ยังมีการให้ปรอทวัดไข้ส่วนตัว ซึ่งเด็กๆ จะต้องคอยวัดอุณหภูมิของตัวเองวันละ 2 ครั้ง
– ที่อิสราเอล ผู้ปกครองจะต้องเซ็นใบรับรองสุขภาพว่าบุตรของตนไม่ได้เป็นผู้ป่วยโควิด และถ้าสมาชิกครอบครัวคนใดมีประวัติติดเชื้อ เด็กนักเรียนคนนั้นจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าเรียน
จัดการเรียนการสอนกลางแจ้ง และงดการใช้สนามเด็กเล่น
– ในเดนมาร์กและนอร์เวย์ มีการจัดชั้นเรียนกลางแจ้งเป็นครั้งคราว ขณะที่สนามเด็กเล่นและห้องสมุดหลายแห่งปิดใช้งาน
กำชับให้เด็กนักเรียนล้างมือทุกๆ ชั่วโมง และใส่หน้ากากอนามัย
– โรงเรียนในเดนมาร์ก มีการติดตั้งอ่างล้างมือไว้นอกอาคารเรียน และกำชับให้เด็กนักเรียนล้างมืออย่างน้อยชั่วโมงละครั้ง
– โรงเรียนบางแห่งในไต้หวัน กำหนดให้เด็กนักเรียนสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา
– เด็กนักเรียนชั้น ป.2–ป.3 ในอิสราเอล จะต้องสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่ในโรงเรียน แต่อนุญาตให้ถอดออกได้เมื่ออยู่ในห้องเรียน
การเว้นระยะห่างของที่นั่งในโรงอาหาร
– โรงเรียนบางแห่งในเซี่ยงไฮ้และปักกิ่ง มีการเว้นระยะห่างที่นั่งของเด็กนักเรียนในโรงอาหาร และโต๊ะแต่ละตัวจะตั้งห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร
– ในโรงเรียนอื่นๆ มีการปิดโรงอาหาร และให้เด็กนักเรียนทานอาหารในห้องเรียนแทน
ลดขนาดชั้นเรียนหรือกลุ่มกิจกรรมให้เล็กลง
– โรงเรียนในเดนมาร์ก ซึ่งปกติแล้วชั้นเรียนหนึ่งๆ จะมีเด็กนักเรียนประมาณ 20 คน จะแบ่งชั้นเรียนออกเป็นกลุ่มย่อย 2-3 กลุ่ม แต่ละกลุ่มจะมีห้องเรียนส่วนตัวและครูประจำกลุ่ม และเด็กๆ จะได้รับอนุญาตให้พบปะพูดคุยเฉพาะกับเพื่อนๆ ในกลุ่มเดียวกันเท่านั้น
– ในนอร์เวย์ มีการแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่มย่อยตามอายุ กลุ่มละ 3-6 คน
มีห้องแยกกักตัวสำหรับเด็กนักเรียนที่มีไข้
– โรงเรียนบางแห่งในเมืองเซี่ยงไฮ้ มีห้องแยกกักตัวสำหรับเด็กนักเรียนที่มีอาการไข้
เปิดเรียนเหลื่อมเวลา แบ่งเฟสในการกลับเข้าเรียนตามระดับชั้น
– ในเดนมาร์ก ให้เด็กนักเรียนชั้น ป.1–ป.5 กลับเข้าเรียนในเดือน พ.ค. ตามมาตรการผ่อนปรนเฟส 1 ของรัฐบาล
– ในนอร์เวย์ ให้เด็กนักเรียนชั้นอนุบาลกลับเข้าเรียนเมื่อวันที่ 20 เม.ย. และนักเรียนชั้นประถมกลับเข้าเรียนในอีก 1 สัปดาห์ถัดไป
– ในกรุงปักกิ่ง ให้นักเรียนชั้น ม.ปลาย กลับเข้าเรียนในช่วงปลายเดือน เม.ย. และชั้น ม.ต้น กลับเข้าเรียนในวันที่ 11 พ.ค.
– ในอิสราเอล ให้เด็กนักเรียนชั้น ป.1-ป.3 กลับเข้าเรียนในวันที่ 3 พ.ค. ส่วนระดับชั้นอื่นๆ จะกลับเข้าเรียนในเดือนถัดไป
ให้พนักงานทำความสะอาดของเล่นและห้องเรียนวันละ 2 ครั้ง
– ในนอร์เวย์ มอบหมายให้พนักงานโรงเรียนทำความสะอาดฆ่าเชื้อห้องเรียนและของเล่นวันละ 2 ครั้ง โรงเรียนยังไม่อนุญาตให้เด็กนักเรียนนำของเล่นมาจากที่บ้าน และห้ามเล่นของเล่นที่ทำความสะอาดยาก เช่น ตุ๊กตายัดไส้
– ในอิสราเอล เด็กๆ ไม่ได้รับอนุญาตให้ยืมหนังสือจากห้องสมุด ห้ามแบ่งของกิน หรือยืมดินสอปากกาจากเพื่อน และงดเว้นการละเล่นต่างๆ ที่มีการสัมผัสถูกเนื้อต้องตัว
ขอความร่วมมือให้พนักงานที่มีปัญหาสุขภาพ หรือมีอายุเกิน 65 ปี ช่วยหยุดอยู่บ้าน
– ในอิสราเอล พนักงานของโรงเรียนที่มีอายุเกินกว่า 65 ปี หรือมีปัญหาสุขภาพ ได้รับคำขอร้องให้หยุดอยู่บ้าน อย่าเพิ่งกลับมาทำงาน เนื่องจากเป็นกลุ่มที่เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากโรคโควิด
ให้เด็กนักเรียนทำความสะอาดมือและรองเท้าก่อนเข้าอาคารเรียน
– ในไต้หวันนักเรียนจะต้องล้างมือก่อนเข้าห้องเรียนทุกวิชา และให้นักเรียนทำความสะอาดรองเท้าเมื่อมาถึงโรงเรียนในตอนเช้า
ที่มา
UNESCO. (2020). Education ministers share plans for the reopening of schools after COVID-19 closures. [Online]
Emily Cavanagh. (2020). How 6 countries are opening up schools again, with temperature checks, outdoor classes, and spaced out desks. [Online]