‘อรสม สุทธิสาคร’ คนปลูกดอกไม้บนซากปรักหักพัง

566 views
6 mins
July 16, 2024

          คำตอบแรกของ อรสม สุทธิสาคร ไม่เกี่ยวกับการเขียน ผมคาดหวังจะได้คำตอบจากนักเขียนผู้ถูกเรียกขานว่า ‘เจ้าแม่สารคดีสายดาร์ก’ ในทำนองว่า “ช่วงนี้กำลังรีเสิร์ชข้อมูลสำหรับทำงานเขียนสารคดีเล่มใหม่ค่ะ” หรือ “กำลังขัดเกลาต้นฉบับงานชิ้นใหม่ล่าสุด ก็เลยออกจะยุ่งๆ จนต้องชวนคุณมานั่งคุยที่ศูนย์อาหารในห้างโลตัสแบบนี้” แต่เปล่าเลย ไม่มีอะไรเกี่ยวกับการเขียน

          ชื่อของ ‘อรสม’ คือนามของนักเขียนสารคดีผู้บุกเบิกงานเขียนสะท้อนสังคมและชีวิตในมุมมืด เธอเดินเข้าไปในชีวิตของโสเภณี, ผู้หญิงทำแท้ง, ผู้ถูกล่วงละเมิดทางเพศ, หญิงผู้ดวงใจแตกสลายเพราะความรัก, หญิงต้องการความรักจนต้องพึ่งหมอเสน่ห์ ก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับเรื่องราวใน สนิมดอกไม้: ชีวิตจริงในมุมมืดของหญิงไทย

          เธอก้าวเข้าไปในความมืดของหลากชีวิตในเรือนจำ ตั้งแต่บางขวางไปจนถึงลาดยาว ทัณฑสถานหญิงและชาย นักโทษผู้ถูกจองจำชั่วคราวไปจนถึงแดนประหาร ก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับเรื่องราวใน คุก: ชีวิตในพันธนาการ

          และอีกครั้งที่ผลงานของเธอสร้างรอยทางในแบบผู้ริเริ่มบุกเบิก เมื่อคู่รักนักศึกษาอนุญาตให้เธอเข้าไปสำรวจชีวิตรักในหอพักและโลกเฉพาะของวัยหัวเลี้ยวหัวต่อยุคที่สังคมไทยยังไม่กล้ายอมรับความจริง ใน เด็กพันธุ์ใหม่…วัย X

          และอีกครั้งที่อรสมออกเดินทางบนเส้นทางการทำงานที่ชัดเจน เมื่อมือปืนพยักหน้าให้นักเขียนหญิงผู้นี้ เข้าไปทำความรู้จักกับชีวิตของผู้ที่งานของเขาคือการทำให้ผู้คนล้มตาย ใน มือปืน: ชีวิตจริงของคนรับจ้างฆ่า

‘อรสม สุทธิสาคร’คนปลูกดอกไม้บนซากปรักหักพัง

          แต่เมื่อผมถามเธอว่า “ช่วงนี้คุณอรสมทำงานอะไรอยู่ครับ” คำตอบกลับเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับดอกไม้

          “งานหลักๆ ตอนนี้เป็นการดูแลงานของกลุ่ม ‘เพื่อนหลังกำแพง’ ค่ะ” เธอหมายถึง กิจกรรมฝึกอบรมการเขียนและพุทธศิลป์ รวมถึงการสร้างโอกาสให้ชีวิตนักโทษเรือนจำบางขวาง เป็นงานในฝันของนักเขียนหญิงที่ทำมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 12 ปี

          “สิ้นปีนี้จะครบรอบ 12 ปีที่พี่ทำงานที่บางขวาง พี่สอนให้เขาเขียนเรื่องราวของตัวเองเพื่อเป็นครูให้สังคม อาจจะผิดจะพลาด แต่ก็เป็นบทเรียน” อรสม เล่า

          ผิดเป็นครู – ความผิดพลาดสอนให้รู้ผิดรู้ถูก ถ้าไม่ผิดเสียก่อน จะรู้ได้อย่างไรว่าความถูกต้องคือสิ่งใด เธอสอนลูกศิษย์มาหลายรุ่น ผลงานของนักโทษได้ถูกรวบรวมไว้ใน เรื่องเล่าจากแดนประหาร ตีพิมพ์ออกมาแล้วทั้งหมด 7 เล่ม “ลูกศิษย์ของเราได้รางวัลรองชนะเลิศ เซเว่นบุ๊คอวอร์ด 2 ปีซ้อนนะ” เธอยิ้มอวดเหมือนเด็กได้รางวัลจากครูประจำชั้น

          งานยากของนักเขียนบางคนอาจอยู่ที่บรรทัดสุดท้าย เพราะไม่มีใครรู้ว่ามันอยู่ตรงไหน อรสม
รู้สึกว่า งานในเรือนจำยังไม่จบ บรรทัดสุดท้ายของกระดาษแผ่นนี้คือจุดเริ่มต้นของย่อหน้าถัดไป

          “ยังรู้สึกว่าส่งเขาไม่ถึงฝั่ง คิดว่าต้องทำโครงการต่อ จึงเชิญวิทยากรเข้าไปสอนนักโทษทำอักษรเบรลล์ให้คนตาบอด สอนถักหมวกถวายพระ ผ้าพันคอให้คนชรา โครงการนิทานสร้างสุข ตอนหลังทำโครงการปั้นดินให้เป็นบุญ สอนปั้นพระพุทธรูป เงินจากการหล่อพระพุทธรูป เรานำมาเป็นทุนในการตั้งต้นชีวิตใหม่ให้ผู้พ้นโทษ ลูกศิษย์ของเราทุกคนที่พ้นโทษจะได้รับเงินเดือนละ 10,000 บาท เฉพาะลูกศิษย์เรานะ เราขอรับผิดชอบ
แค่นี้

          “ลูกศิษย์เรามันไม่เหมือนศิษย์กับครูในภาคปกติ ซึ่งพอจบออกไป ลูกศิษย์ก็อาจจะเป็นหมอ เป็นวิศวกร เป็นผู้ว่าฯ แล้วกลับมาเยี่ยมครู สร้างความปลาบปลื้มใจ เพราะลูกศิษย์ได้ดิบได้ดี ของเราลูกศิษย์ทุกคนติดลบ ฉะนั้นถ้าเขาสามารถประคับประคองตัวเอง ไม่กลับไปทำผิดซ้ำ เราก็แฮปปี้แล้ว” อรสม บอก

‘อรสม สุทธิสาคร’คนปลูกดอกไม้บนซากปรักหักพัง

          งานเขียนสารคดีสำหรับอรสมคืองานสร้างสรรค์ โดยมีวัตถุดิบพื้นฐานจากข้อเท็จจริง การทำกิจกรรมกับนักโทษในเรือนจำก็ต้องอาศัยทักษะการสร้างสรรค์ของนักเขียนในการออกแบบกิจกรรม

          “พี่จะออกแบบกิจกรรมทุกอย่าง เราให้นักโทษเขียนเรื่องและภาพสำหรับทำหนังสือนิทานภาพสำหรับเด็กอายุ 0-6 ขวบ ก็มีคนถามว่าคิดยังไงที่ให้อาชญากรตัวกลั่นมาเรียนมาเขียนนิทานภาพเด็ก พี่คิดว่าวัยเยาว์คือส่วนที่ละเอียดอ่อนที่สุดของมนุษย์ เพราะฉะนั้น ถ้าเราสามารถทำให้เหล่าอาชญากรตัวกลั่นทั้งหลายที่เป็นลูกศิษย์ของเรา สามารถดึงส่วนที่ละเอียดอ่อนที่สุดในตัวออกมา ดึงส่วนที่สวยงามที่สุดของมนุษย์ออกมา เราเชื่อว่าทุกคนมีความเป็นเด็กในตัว มีความสดใสชื่นบานในตัว

          “วันที่เราให้วิทยากรมาสอนนักโทษ อาจารย์ก็ให้นักโทษสองคนจับคู่กัน แล้วนั่งอ่านนิทานให้กันฟัง ลูกศิษย์ของเราเป็นมือปืน มันอ่านนิทานให้กันฟังแล้วหัวเราะกันสองคน มันไม่ใช่เสียงหัวเราะของผู้ใหญ่วัย 50 แต่เป็นเสียงหัวเราะของเด็ก เป็นแววตาของเด็ก เป็นวัยเยาว์ของเขาที่เผยออกมา” ครูอรสมเล่าถึงรอยยิ้มของลูกศิษย์

          รอยยิ้มและแววตาเด็กที่วิ่งซนบนใบหน้านักโทษวัย 50 เป็นเหมือนดอกไม้บนซากปรักหักพัง อรสมมองเห็นมันงอกเงยขึ้นมาจากรอยปริแตกของชีวิต

          “เคยผิดหวังไหมครับ คุณอรสมปลูกดอกไม้บนซากปรกหักพัง แต่ดอกไม้นั้นเป็นพิษ” ผมขออนุญาตมองโลกในแง่ร้าย

          “มีสิ ฉากหลังของการทำงานไม่ได้สวยงามทั้งหมด เราเป็นคนตรงๆ ไม่ใช่คนหวาน…โอเค จริงๆ แล้วพี่เป็นคนโรแมนติก (ยิ้ม) แต่ไม่ได้โรแมนติกเรื้อรัง โลกไม่ได้สวยงามทั้งหมด ชีวิตการทำงานในเรือนจำสอนเราเยอะ ลูกศิษย์ซึ่งให้โอกาสแล้วแต่ยังโกหก เช่น ยืมเงินกองทุนไปแล้วแต่งนิยายโกหก เราให้โอกาสสองครั้งก็พอแล้ว เราไม่ได้หวังว่ามนุษย์ทุกคนจะไม่เคยทำผิดเลย ลูกศิษย์ของเราก็เหมือนคนข้างนอก มีดีมีน่ารักมีน่าถีบ เราไม่ได้ท้อหรอก แต่แน่นอน เวลาเจออะไรแบบนี้เราก็เหนื่อย”

‘อรสม สุทธิสาคร’คนปลูกดอกไม้บนซากปรักหักพัง

          บนเส้นทางการเขียนสารคดี อรสมเขียนถึงผู้คนมากมายที่ล้วนแต่มีชีวิตขาดพร่อง แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรุนแรงที่ผู้อื่นกระทำและหลายครั้งก็เป็นผู้กระทำต่อผู้อื่น ผลงานเขียนของอรสมประสบความสำเร็จทั้งยอดพิมพ์ ชื่อเสียง รางวัลที่เป็นเกียรติยศของชีวิต เส้นทางการบุกเบิกงานเขียนในแนวทางผู้ริเริ่ม อรสมเคยให้สัมภาษณ์ไว้หลายครั้งว่า “ความสำเร็จของงานมาจากบุญคุณของแหล่งข้อมูล การที่เขายอมเปิดเผยชีวิตของ
ตัวเองให้เป็นอุทาหรณ์แก่ผู้อื่น ถือเป็นบุญกุศลมหาศาล”

          ผมถามเธอว่า การเขียนไม่ใช่สิ่งที่สมบูรณ์แล้วใช่ไหมสำหรับนักเขียนคนหนึ่ง ถ้าอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง นักเขียนต้องเดินออกมาจากหน้ากระดาษของตัวเอง อย่างที่อรสมก้าวข้ามพรมแดนเข้าไปทำงานในเรือนจำ

          “มันเป็นการขยายบทบาทของตัวเองนะ มองย้อนกลับไปในชีวิตที่ผ่านมาของตัวเอง มันก็เป็นไปตามที่เราฝันไว้ เราอยากเป็นนักเขียนตั้งแต่อายุ 9 ขวบ อ่าน ละครแห่งชีวิต ของ หม่อมเจ้าอากาศดำเกิง รพีพัฒน์ ตอนอายุ 15 มาเจอเรืองเดช (จันทรคีรี) ตอนเป็นผู้ช่วยบรรณาธิการนิตยสาร ถนนหนังสือ เรืองเดชปลุกบางอย่างในตัวเรา ทำให้เราได้เขียนงานสารคดี แล้วเราก็รักงานนี้

          “งานสารคดีที่เราทำมาตลอด มันคือการคลุกอยู่กับความทุกข์ของคนที่มีทุกข์อย่างที่สุดในสังคม งานทำให้เกิดคำถามในใจของเรา เวลาที่คนมีความทุกข์ เขาจัดการตัวเองยังไง เขายอมรับความทุกข์นี้ได้อย่างไร เขาฝ่าข้ามความทุกข์นี้ด้วยวิธีไหน เขาเรียนรู้ที่จะเติบโตจากความทุกข์ได้ยังไง นี่คือคำถามในใจ เพราะตอนเด็กๆ เราก็เคยเป็นเด็กทุกข์ เด็กขี้เหงา ว้าเหว่ อยู่โรงเรียนกินนอน ความทุกข์ความเหงาเหล่านี้มันฝังบางอย่างไว้ในใจ พี่อยากทำกิจกรรมในเรือนจำตั้งแต่ตอนอายุ 40 แล้วเรารอ มันคือการพิสูจน์ความรัก ความตั้งใจ ความมุ่งมั่น วันแรกที่ได้เข้ามาในคุกเมื่อ 12 ปีที่แล้ว ลูกศิษย์มาเรียนกัน 7-8 คน ข้อเท้าอยู่ในโซ่ตรวน แต่เราไม่กลัว เราเป็นคนชอบท้าทายกับโจทย์ยากๆ เราชอบสีสัน ไม่ชอบอะไรที่ราบเรียบ เราอยากเรียนรู้ชีวิต

          “ทุกอย่างในโลกไม่ได้มีแต่ด้านสวยงาม มีอุปสรรค ปัญหา มีเรื่องบั่นทอนเรา แต่เราต้องเดินหน้าต่อ ปลายปีนี้จะครบ 12 ปีที่เราทำงานในเรือนจำ พี่จะเริ่มเขียนงานที่เป็นประสบการณ์การทำงานในเรือนจำที่ทำมาต่อเนื่อง มีเรื่องราวมากมายที่อยากเขียน บางเรื่องเขียนได้ บางเรื่องเขียนไม่ได้” อรสม เล่า

          “ตั้งแต่เราพูดคุยกันมา คุณอรสมยังไม่ได้พูดถึงงานเขียนเลย คุณอรสมเล่าเรื่องราวที่ผมขอเรียกว่า สร้างการเปลี่ยนแปลง ไม่ได้เขียนอย่างเดียว แต่ลุกขึ้นมาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้วย แล้วงานเขียนล่ะครับ”

          “มีสิ เขียน ต้องเขียนสิ” เธอตอบเหมือนคนที่ถ้าไม่ได้หายใจก็จะไม่มีชีวิตอยู่ “งานชิ้นล่าสุดที่พี่เขียนก็ประมาณสองปีที่แล้ว บาดแผลของดอกไม้ (2563) เป็นเรื่องราวของผู้หญิงพิการ บางคนพิการซ้ำซ้อน บางคนพิการด้านสติปัญญา พิการทางร่างกาย กลุ่มผู้หญิงพิการที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ บางคนท้อง ชีวิตแม่งแหลกร้าวยับเยิน ประมาณสักสองปีมาแล้วนะสำหรับงานเล่มนี้ ตอนนี้พี่มีโปรเจกต์ที่อยากจะทำคือเขียนประสบการณ์ที่ทำงานในคุก 12 ปี ในฐานะครูของคนในคุก เราอยากบันทึกอยากเขียน แต่คงไม่เขียนออกมาในลักษณะมืดมน พี่ไม่ใช่คนมองชีวิตในแง่มุมที่มืดมนหมองเศร้า พี่เป็นคนมีพลังเยอะ เราชัดเจน เรารู้ว่าเราอยากทำอะไรตั้งแต่เด็ก เราวางแผนล่วงหน้าเสมอ มีงานที่อยากจะเขียน แต่ขอเวลาอีกสักระยะ”

‘อรสม สุทธิสาคร’คนปลูกดอกไม้บนซากปรักหักพัง

          อีกไม่กี่เดือน นักเขียนสารคดีหญิงคนนี้กำลังจะมีอายุ 65 ปี เธอไม่ได้คล่องแคล่วเหมือนวัยสาว แต่ยังคงเดินทางบนเส้นทางที่บุกเบิก

          “คงจะลงมืออย่างช้าๆ เนิบๆ เหมาะกับวัย แต่เราอาจจะใช้เวลาไปในกิจกรรมในคุกเสียเยอะ เรามองชีวิตตัวเราเองในอีก 5 ปี เพราะปลายปีนี้พี่จะ 65 ไม่รู้จะอยู่ถึง 70 รึเปล่านะ แต่ตีเสียว่าประมาณ 70 เราก็แพลนไว้ว่าเราจะทำอะไรบ้าง พี่วางแผนชีวิตมาตลอด” อรสม บอก

          5 ปี – เป็นเวลาไม่น้อยในการเริ่มต้น แต่เป็นเวลาไม่มากสำหรับการจบ

          ผมถามนักเขียนสารคดีหญิงคนสำคัญคนหนึ่งของแวดวงการอ่านของเรา – คุณอรสมมองเห็นหนังสือของตัวเองกี่เล่มในช่วงเวลา 5 ปีนับจากนี้

          “3 เล่ม” เธอตอบเหมือนหนังสือทั้งสามเล่มถูกเขียนเสร็จแล้ว “เล่มแรกจะเป็นประสบการณ์การทำงานในเรือนจำ อีกสองเล่ม ขอเก็บเป็นความลับก่อน แต่เล่าให้ฟังได้ ขอเล่าแบบออฟเรคคอร์ด” เธอขอ

          แม้นักเขียนจะขอเก็บเป็นความลับ แต่ผมพอจะเล่าให้ท่านผู้อ่านฟังได้ถึงหนังสือ 3 เล่มใน 5 ปีต่อจากนี้ของ อรสม สุทธิสาคร หนังสือทั้งสามเล่มจะเผยให้เห็นแง่งามในความอัปลักษณ์ เผยให้เห็นความเป็นไปได้ไม่รู้สิ้นในเวลาที่มีอย่างจำกัด มันจะเป็นเพียงความชั่วครู่ชั่วคราวที่ยาวนานนับนิรันดร์ – มันคือชีวิต

          “หลายคนชอบบอกว่าพี่ปลูกดอกไม้บนซากปรักหักพัง พี่รู้สึกว่านั่นแหละหน้าที่ของเรา เราไม่ได้อุทิศตัวหรือเสียสละอะไรนะ เรามีความสุขที่ได้ทำ ไม่ได้ทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ เราทำเรื่องธรรมดา” คนปลูกดอกไม้ บอก

‘อรสม สุทธิสาคร’คนปลูกดอกไม้บนซากปรักหักพัง


เผยแพร่ครั้งแรกในหนังสือ ‘Readtopia ผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงในระบบนิเวศการอ่านของไทย’ (2566)

RELATED POST

แหล่งชุมนุมความคิดเรื่องพื้นที่สาธารณะเพื่อการเรียนรู้
และห้องสมุดกับการเปลี่ยนแปลงสังคม

                                                                                            

PDPA Icon

The KOMMON มีการใช้คุกกี้ เพื่อเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ไปวิเคราะห์และปรับปรุงการให้บริการที่ดียิ่งขึ้น คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราห์

    คุกกี้นี้เป็นการเก็บข้อมูลสาธารณะ สำหรับการวิเคราะห์ และเก็บสถิติการใช้งานเว็บภายในเว็บไซต์นี้เท่านั้น ไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนตัวที่ไม่เป็นสาธารณะใดๆ ของผู้ใช้งาน

บันทึก