การออกแบบที่มีชุมชนเป็นศูนย์กลาง ตัวอย่างการสร้างห้องสมุดให้ยั่งยืนจาก 4 ประเทศเอเชีย

2,206 views
6 mins
November 2, 2021

          ห้องสมุดประชาชน ห้องสมุดเมือง หรือห้องสมุดมหาวิทยาลัยที่กระจายตัวอยู่ในเมือง ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารสาธารณะขนาดใหญ่ บรรยากาศและการใช้งานมักมีลักษณะเป็นทางการ มีข้อกำหนดในการใช้งานที่เคร่งครัดตายตัว

          อย่างไรก็ตาม การสร้างห้องสมุดขนาดเล็กที่แทรกตัวอยู่ในชุมชนอย่างเป็นมิตร เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่เริ่มปรากฏให้เห็นในหลายประเทศ ความพิเศษคือไม่ได้เป็นเพียงที่อ่านหนังสือหรือค้นคว้าเท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่ส่งเสริมการเรียนรู้ที่หลากหลาย ยืดหยุ่นต่อการใช้งาน ตั้งแต่การพักผ่อนหย่อนใจ พบปะเสวนา จัดเวิร์คช็อป จัดนิทรรศการ หรือกระทั่งการประชุมหมู่บ้าน ผ่านกระบวนการการออกแบบที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานจริง

          ในบทความนี้ The KOMMON จะพาไปสำรวจแนวคิดการออกแบบห้องสมุดชุมชนจาก 4 ประเทศในเอเชีย ซึ่งนอกจากจะมีรูปลักษณ์ภายนอกที่สวยงาม ร่วมสมัย ห้องสมุดเหล่านี้ยังกลายเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนได้อย่างน่าสนใจ

ห้องสมุดป่าแห่งปัญญา ฮันเนะ (Hannae Forest of Wisdom – Seoul, South Korea)

          ห้องสมุดป่าแห่งปัญญา ฮันเนะ สร้างขึ้นเมื่อปี 2017 โดยมีจุดเริ่มต้นจากการสำรวจความต้องการของคนในชุมชนของสำนักงานเขตโนวอน ในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ และได้รับความเห็นว่า ชุมชนต้องการพื้นที่ที่เป็นแหล่งพบปะสำหรับคนทุกเพศทุกวัย ประกอบด้วยห้องสมุด สถานรับเลี้ยงเด็ก และร้านกาแฟที่ดำเนินการโดยชุมชน ห้องสมุดแห่งนี้จึงถือกำเนิดขึ้น โดยปรับเปลี่ยนพื้นที่รกร้างใกล้ทางเข้าสวนสาธารณะให้เป็นห้องสมุดขนาดย่อม

          จาง ยุน กยู (Jang Yoon Gyoo) ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยกุกมิน และประธานบริหารสตูดิโอ Unsangdong ผู้ออกแบบอาคาร กล่าวถึงพื้นที่ละแวกนี้เป็นเขตที่มีความหนาแน่นของประชากรสูง ผู้คนมีฐานะค่อนข้างยากจน ที่สำคัญคือไม่มีพื้นที่ให้เด็กๆ ได้ออกมาทำกิจกรรมร่วมกัน เช่นเดียวกับพื้นที่สำหรับผู้สูงอายุ

          “เป้าหมายของเราคือการสร้างพื้นที่ที่เชิญชวนให้คนต่างวัยในชุมชน ได้มารวมตัวและมีช่วงเวลาที่ดีร่วมกัน” เขาเล่าถึงกระบวนการทำงานของสตูดิโอ ซึ่งเริ่มต้นด้วยการประชุมแบบไม่เป็นทางการกับท้องถิ่น เพื่อรับฟังความเห็นและความต้องการของชุมชน

          ผลลัพธ์ที่ได้คืออาคารที่อบอุ่นและเข้าถึงง่าย มองจากภายนอกจะเห็นเป็นอาคารสีเทาเงิน โครงสร้างทำจากเหล็กและคอนกรีต ล้อมรอบด้วยกระจกใส มีหลังคาทรงจั่วเรียงซ้อนกันหลายระดับ หากมองจากมุมสูงจะเห็นเป็นตัวอักษรจีน สะกดเป็นคำว่า ‘คน’

          เมื่อเข้าสู่ด้านใน จะพบกับชั้นวางหนังสือที่ทำจากไม้ ตั้งเรียงจากพื้นจรดเพดาน ไล่ไปตามแนวหลังคาแต่ละด้าน   ด้านบนมีช่องแสงเล็กๆ ที่กระตุ้นให้ผู้อ่านรุ่นเยาว์แหงนหน้ามองท้องฟ้า พร้อมฝันกลางวันถึงเรื่องราวจากหนังสือเล่มโปรด มีการแบ่งพื้นที่เป็นโซนต่างๆ ไล่ตั้งแต่พื้นที่นั่งอ่านหนังสือ โซนร้านกาแฟ พื้นที่จัดเวิร์คช็อปที่โรงเรียนสามารถพาเด็กๆ มาจัดกิจกรรมนอกหลักสูตรได้ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ส่วนกลางที่เป็นเหมือนห้องเรียนของคนในชุมชน รองรับกิจกรรมหลากหลาย ตั้งแต่อ่านหนังสือ ไปจนถึงงานหัตถกรรมและการจัดดอกไม้ 

          “เราชอบความจริงที่ว่าอาคารนี้ ช่วยให้สมาชิกของชุมชนมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน” ซิน ชาง ฮุน (Shin Chang Hoon) สถาปนิกหลักอีกคนหนึ่งของโครงการกล่าว และอธิบายเพิ่มเติมว่า อาคารนี้เปรียบเหมือน ‘ป่าเทียม’ ที่เข้ามาช่วยเติมเต็มพื้นที่สวนสาธารณะให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น จากการออกแบบให้เป็นอาคารที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติ มีความโปร่งสบาย และทำให้ผู้ใช้บริการเกิดความผ่อนคลาย

          “ที่นี่ไม่ได้มีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น แต่เป็นพื้นที่ที่ช่วยขยายจินตนาการของคนๆ หนึ่งให้กว้างไกลออกไป มันช่วยกระตุ้นจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ และความสุขของเด็กๆ ที่เดินไปมาในห้องสมุด”

Hannae Forest of Wisdom
Photo : Yoon Joon Hwan

ห้องสมุดหมู่บ้านชาวประมงเจียงชาน (Jiangshan Fishing Village – Nanjing, China)

          ในประเทศจีน มีโครงการสร้างพื้นที่ส่งเสริมการเรียนรู้ที่น่าสนใจหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นร้านหนังสือ ห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ หนึ่งในนั้นคือโครงการปรับปรุงหมู่บ้านชาวประมงเจียงชาน โดยฟื้นฟูอาคารเก่าในชุมชนให้เป็นห้องสมุด

          จากจุดเริ่มต้นที่ต้องการแก้ปัญหาความเสื่อมโทรมของพื้นที่ชนบท สตูดิโอ Mix Architecture ได้รับมอบหมายให้ปรับปรุงอาคารเก่าในหมู่บ้านชาวประมงเจียงชาน เขตเกาชัน เมืองหนานจิง ให้ตอบสนองความต้องการของคนในชุมชน สร้างสิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะ โดยยังคงรูปลักษณ์ดั้งเดิมของตัวอาคารไว้

Photo : Bowen Hou

          จากบ้านหลังเก่าที่ถูกทิ้งร้าง สตูดิโอได้ปรับเปลี่ยนให้เป็นห้องพัก โรงน้ำชา และห้องสมุดของหมู่บ้าน ทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้ชายคาเดียวกัน โดยผนังเก่าถูกปรับเป็นกระจกใสเพื่อเชื่อมโยงกับพื้นที่ด้านนอก ตู้หนังสือไม้สูงจากพื้นจรดเพดาน ออกแบบอย่างเรียบง่ายทว่ากลายเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ได้อย่างลงตัว นอกจากส่วนของโรงน้ำชาและห้องสมุด โครงการนี้ยังมีการสร้างห้องน้ำสาธารณะเพิ่มอีก 2 แห่งสำหรับคนในชุมชนอีกด้วย ผู้ออกแบบพยายามรักษาสิ่งปลูกสร้างที่มีอยู่ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยใช้สถาปัตยกรรมสมัยใหม่มาผสมผสานเท่าที่จำเป็น

          หลังจากดำเนินการแล้วเสร็จ พื้นที่แห่งนี้ไม่เพียงกลายเป็นศูนย์กลางในการพบปะและทำกิจกรรมของชุมชนเท่านั้น ผลพลอยได้ที่ตามมาคือทุกคนในชุมชนเริ่มคุ้นเคยกับการไปห้องสมุดมากขึ้น ขณะเดียวกันก็มีมุมมองใหม่ๆ ต่อการฟื้นฟูอาคารเก่าที่ถูกทิ้งร้าง

          ผลจากความสำเร็จดังกล่าว ทำให้โครงการปรับปรุงหมู่บ้านชาวประมงเจียงชาน คว้ารางวัล Platinum Design Award ในปี 2018 – 2019 ประเภทรางวัลการออกแบบสถาปัตยกรรม อาคาร และโครงสร้าง มาครองได้อีกด้วย

ห้องสมุดหมู่บ้านชาวประมงเจียงชาน (Jiangshan Fishing Village – Nanjing, China)
Photo : Bowen Hou

ห้องสมุดขนาดเล็ก วอรัค คายู (The Microlibrary Warak Kayu – Semarang, Indonesia)

          มองกลับมาที่ประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างอินโดนีเซีย ห้องสมุดวอรัค คายู ในเมืองเซมารัง ก็มีความน่าสนใจไม่น้อย ห้องสมุดแห่งนี้เป็นทั้งพื้นที่อ่านหนังสือและศูนย์การเรียนรู้ของชุมชน ออกแบบโดยสตูดิโอ Shau ผู้เคยสร้างห้องสมุดขนาดเล็ก (microlibrary) แห่งแรกในเมืองบันดุง เมื่อปี 2016 โดยใช้ถังไอศกรีมรีไซเคิลเป็นฝาผนัง

          สำหรับการออกแบบในครั้งนี้ มีแนวคิดพื้นฐานเหมือนกัน คือการสร้างพื้นที่ชุมชนอเนกประสงค์ ด้วยการออกแบบและใช้วัสดุที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม โดยได้รับทุนจากการบริจาคของมูลนิธิ Arkatama Isvara บริหารจัดการโดย Harvey Center ซึ่งเป็นกลุ่มการกุศลในท้องถิ่น 

Microlibrary Warak Kayu / SHAU Indonesia
Photo : KIE

          สถาปัตยกรรมของห้องสมุดแห่งนี้ มีแนวคิดมาจากเรือนพื้นถิ่นใต้ถุนสูง ซึ่งเหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นแบบเอเชียอาคเนย์ เรียกว่า ‘rumah panggung’ ตัวอาคารสร้างด้วยไม้ทั้งหมด ที่สำคัญคือเป็นไม้ที่ได้รับการรับรองว่ามาจากป่าธรรมชาติหรือป่าปลูกที่ถูกกฎหมาย

          พื้นที่ใต้ถุนของอาคาร มีความโปร่งโล่ง ใช้เป็นพื้นที่เอนกประสงค์ จัดกิจกรรมเวิร์คช็อปต่างๆ ได้ มีชิงช้าขนาดใหญ่สำหรับเด็กๆ บริเวณบันไดทางขึ้นออกแบบให้เป็นอัฒจันทร์ เป็นทั้งที่นั่งอ่านหนังสือ และที่นั่งชมการแสดงหรือกิจกรรมต่างๆ ที่จัดอยู่บริเวณใต้ถุน ส่วนพื้นที่ชั้นบนเป็นห้องสมุด มีชั้นหนังสือและที่นั่งเรียงราย มีเปลญวนขนาดใหญ่ที่ขึงไว้ให้นอนเอกเขนกได้

Microlibrary Warak Kayu / SHAU Indonesia
Photo : KIE

          จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของห้องสมุดแห่งนี้ คือผนัง ซึ่งเรียกว่า ‘Brise Soleil’ พัฒนาขึ้นมาจากระบบการก่อสร้างแบบ Zollinger Bauweise คิดค้นเมื่อปี 1920 ในเยอรมนี ด้วยการประกอบชิ้นส่วนไม้ต่อกันแบบโมดูลาร์ จนเกิดเป็นผนังบังแสง มีการออกแบบให้ดูคล้ายกับเกล็ดมังกร หรือสัตว์ในตำนานของอินโดนีเซียอย่าง ‘วอรัก เงินด็อก’ (Warak Ngendog) ช่องแสงลักษณะนี้ช่วยกรองแสงธรรมชาติไม่ให้เข้ามาในอาคารมากเกินไป ขณะเดียวกันก็ช่วยให้อากาศถ่ายเทสะดวก

          หากมองจากภายนอก ห้องสมุดแห่งนี้ดูคล้ายเครื่องเล่นขนาดใหญ่ มีมุมต่างๆ ให้เด็กๆ เล่นสนุกได้อย่างอิสระ โดยสถาปนิกของโครงการ เล่าเบื้องหลังแนวคิดการออกแบบว่า “สิ่งสำคัญคือต้องใช้วิธีการหลากหลายในการทำให้ห้องสมุดเป็นสถานที่ยอดนิยม เนื่องจากการอ่านเพียงอย่างเดียว ยังไม่ถือว่าเป็นกิจกรรมที่สนุกสนานในประเทศ”

          ห้องสมุดวอรัค คายู ทำหน้าที่เป็นทั้งพื้นที่อ่านหนังสือ และพื้นที่ส่งเสริมการเรียนรู้อเนกประสงค์ ขณะเดียวกันก็นำเสนอเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ผ่านการออกแบบสถาปัตยกรรม การเลือกใช้วัสดุท้องถิ่น รวมถึงเทคนิคการก่อสร้างที่น่าสนใจไปพร้อมกัน และได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางการท่องเที่ยวของเมืองเซมารังด้วย

          ห้องสมุดแห่งนี้เป็นหนึ่งในอาคารที่ได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมแห่งปี 2021 (Building of the Year) จากการโหวตของผู้อ่านประมาณ 200,000 คน ผ่านเว็บไซต์ ArchDaily

Microlibrary Warak Kayu / SHAU Indonesia
Photo : KIE

ห้องสมุดยีราฟน้อย (Little Giraffe library – Selangor, Malaysia)

          จากโครงการห้องสมุดที่ยกตัวอย่างมาข้างต้น จะเห็นได้ว่าเป็นโครงการที่มีแหล่งเงินทุนชัดเจน และใช้ทีมงานออกแบบจากสตูดิโอที่เชี่ยวชาญ แต่มีอีกโครงการหนึ่งจากประเทศมาเลเซียที่แม้จะมีเป้าหมายไม่ต่างจากกรณีศึกษาทั้ง 3 แห่งที่ว่ามา ทว่าด้วยงบประมาณจำกัด ทำให้ชุมชนต้องใช้ความพยายามอย่างสูงเพื่อผลักดันให้โครงการนี้บรรลุเป้าหมาย และกลายเป็นตัวอย่างหนึ่งของความสำเร็จจากความร่วมมือของภาคประชาสังคมที่น่าสนใจ นั่นคือ ‘ห้องสมุดยีราฟน้อย’ (Little Giraffe library)

          ห้องสมุดยีราฟน้อย มีจุดเริ่มต้นจากการตั้งห้องสมุดเล็กๆ ของสโมสรส่งเสริมการอ่าน ในตู้คอนเทนอร์ขนาด 20 ฟุต เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของงานเทศกาลศิลปะเมื่อ 10 ปีที่แล้วของโรงเรียนอนุบาลในชุมชนชาวจีน หมู่บ้าน Batu 11 รัฐเซอลาโงร์ (Selangor) แต่เดิมห้องสมุดดำเนินการโดยครูอนุบาลที่เปิดห้องสมุดเมื่อมาทำงาน ซึ่งจำกัดการเข้าถึงห้องสมุดไว้เฉพาะวันทำการเท่านั้น เพื่อแก้ปัญหานี้ บรรดาคุณแม่จึงเริ่มอาสาเข้ามาช่วยให้บริการ เพื่อให้ห้องสมุดสามารถเปิดทำการในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ พร้อมจัดกิจกรรมเล่านิทานและกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้สำหรับเด็กๆ

          ต่อมาในปี 2017 คณะทำงานห้องสมุดได้นำเสนอแผนปรับปรุงห้องสมุดต่อผู้นำชุมชน โดยจะปรับปรุงบ้านเช่าในชุมชนให้เป็นห้องสมุดแห่งใหม่ ภายใต้เงินทุนก้อนแรกเพียง 5,000 ริงกิตเท่านั้น (ราว 40,000 บาท) ส่วนงานออกแบบปรับปรุง เป็นผลงานของนักศึกษาสถาปัตยกรรมที่มีจิตอาสามาช่วยกันออกแบบ ต่อมาจึงมีเงินทุนเพิ่มเติมอีกส่วนหนึ่ง จากการระดมทุนทางอินเทอร์เน็ตและความช่วยเหลือของผู้คนในชุมชน บริษัท ห้างร้าน ซึ่งร่วมกันบริจาคเงินและวัสดุอุปกรณ์ รวมเป็นเงินประมาณ 40,000 ริงกิต ทำให้โครงการนี้เริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น

          การปรับปรุงบ้านเก่าที่ทรุดโทรม ภายใต้ความท้าทายของงานก่อสร้างที่มีงบประมาณจำกัด ทำให้ทีมงานต้องพยายามหาแนวทางออกแบบที่เหมาะสมที่สุด ทั้งในเรื่องราคาและประโยชน์ใช้สอย เช่น เลือกใช้ผนังตาข่ายเหล็กแทนโครงสร้างไม้และขอบหน้าต่างซึ่งผุพังเพราะปลวกและความชื้น ฐานล่างของเสาบ้านที่ค่อนข้างทรุดโทรม ถูกแทนที่ด้วยโครงสร้างโลหะและเสริมความมั่นคงด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก 

          ลี ซุน ยุง (Lee Soon Yong) ผู้ดูแลห้องสมุด อธิบายลักษณะของสถานที่แห่งนี้ว่าเป็นตัวแทนของการปรับตัว (adaptive) เพราะพวกเขาต้องปรับการออกแบบให้เข้ากับวัสดุและงบประมาณที่มี ขณะเดียวกันก็อยากส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนด้วย ทีมงานจึงพยายามออกแบบให้งานก่อสร้างมีความเรียบง่ายมากที่สุด “เราต้องการให้พวกเขามีส่วนร่วม ดังนั้นเราจึงใช้วิธีการออกแบบที่เรียบง่ายที่สุด แม้แต่คนที่ไม่มีประสบการณ์ในการก่อสร้างหรือช่างไม้ก็สามารถทำได้”

          ผลสัมฤทธิ์จากการร่วมแรงร่วมใจของทุกฝ่าย คืออาคารไม้สีชมพูเขียวสดใส ดูโดดเด่นแปลกตาจากบ้านในละแวกเดียวกัน มีประติมากรรมยีราฟทำจากเหล็กเส้น สูง 20 ฟุต ตามชื่อของห้องสมุดและชมรมแห่งนี้ที่ชื่อว่า ชมรมหนังสือยีราฟน้อย “เราต้องการตั้งชื่อสถานที่ตามชนิดของสัตว์ เพราะเด็กรักสัตว์ เราเลือกยีราฟเพราะมันมองการณ์ไกล ต้องขอบคุณคอที่ยาวของมัน” ลี กล่าว

          ในส่วนของการออกแบบพื้นที่ใช้งาน แม้จะดูเรียบง่าย แต่แฝงไว้ด้วยแนวคิดที่มุ่งอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้งาน ไล่ตั้งแต่การใช้เฟอร์นิเจอร์ที่เคลื่อนย้ายได้เป็นหลัก มีการนำไม้เหลือใช้จากโรงงานมารีไซเคิลเป็นวัสดุตกแต่ง กล่องไม้ที่สร้างจากฝีมือคนในชุมชน ทำหน้าที่เป็นทั้งม้านั่งและที่เก็บหนังสือ สามารถนำมาวางต่อกันได้อย่างอิสระ แทนความหมายของการร่วมแรงร่วมใจกันสร้างห้องสมุดแห่งนี้จนสำเร็จ

          ห้องสมุดแห่งนี้แตกต่างจากห้องสมุดที่เคร่งขรึมส่วนใหญ่ เพราะส่งเสริมให้เด็กๆ นั่งเล่นบนพื้นไม้และปีนป่ายตามชั้นวางต่างๆ ได้ นอกจากนี้ยังมีโซนร้านกาแฟที่แยกออกมาต่างหาก เพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์ 2 ประการ คือเป็นพื้นที่สำหรับผู้ปกครองที่รอรับบุตรหลาน และเพื่อเป็นแหล่งรายได้ของสโมสร Little Giraffe Book Club

          ห้องสมุดทั้ง 4 แห่งนี้ เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆ ที่แสดงให้เห็นถึงการออกแบบห้องสมุดที่สามารถเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนได้อย่างกลมกลืน แม้แต่ละแห่งจะมีที่มาที่ไปแตกต่างกัน จำนวนเงินทุนไม่เท่ากัน ความเชี่ยวชาญของทีมงานต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกแห่งมีเหมือนกัน คือการเล็งเห็นถึงความสำคัญของห้องสมุด ในฐานะพื้นที่เพื่อการเรียนรู้สาธารณะที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคนในชุมชน โดยไม่จำกัดความหมายของห้องสมุดไว้เพียงแค่สถานที่อ่านหนังสือเท่านั้น

          ที่สำคัญคือห้องสมุดทุกแห่งออกแบบจากความต้องการของผู้คนในชุมชนอย่างแท้จริง เด็กๆ ต้องการพื้นที่เล่นสนุก ผู้ใหญ่ต้องการพื้นที่พูดคุยหรือทำกิจกรรมเล็กๆ ร่วมกัน แน่นอนว่าโครงการเหล่านี้คงประสบความสำเร็จไม่ได้ หากในกระบวนการทำงานไม่มีการรับฟังเสียงและความต้องการของชุมชน ซึ่งมีส่วนสำคัญในการผลักดัน สร้างแรงกระเพื่อมทางความคิด จนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงรูปธรรมในที่สุด ดังคำกล่าวของ คาลิล ยิบราน ที่ว่า “ความรู้น้อยนิดที่ได้ใช้งาน มีค่ามากกว่าความรู้มหาศาลที่อยู่บนหิ้ง” (A little knowledge that acts is worth infinitely more than much knowledge that is idle.)


ที่มา

A’ Design Award & Competition. Jiangshan Fishing Village Renovation. [Online]

Alyn Griffiths. Colliding gabled structures form Hannae Forest of Wisdom community centre. [Online]

Amy Frearson. Microlibrary Warak Kayu features a hammock-style floor and a swing. [Online]

Chrys. Little Giraffe Story House & Little Moment Café. [Online]

Construction. Little Giraffe Book Club. [Online]

DE51GN. SHAU architects designs elevated community library in Indonesia’s central Java using local wood. [Online]

Design Anthology. Hannae Forest of Wisdom. [Online]

Divisare. Mix Architecture Jiangshan Fishing Village Renovation Practice. [Online]

Hana Abdel. Microlibrary Warak Kayu / SHAU Indonesia. [Online]

Lam Jian Wyn. The little library that could. [Online]

Little Giraffe Story House. [Online]

María Francisca González. Hannae Forest of Wisdom / UnSangDong Architects. [Online]

Room. MICROLIBRARY WARAK KAYU อาคารห้องสมุดสาธารณะประหยัดพลังงานแห่งเมืองเซมารัง. [Online]

RELATED POST

แหล่งชุมนุมความคิดเรื่องพื้นที่สาธารณะเพื่อการเรียนรู้
และห้องสมุดกับการเปลี่ยนแปลงสังคม

                                                                                            

PDPA Icon

The KOMMON มีการใช้คุกกี้ เพื่อเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ไปวิเคราะห์และปรับปรุงการให้บริการที่ดียิ่งขึ้น คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราห์

    คุกกี้นี้เป็นการเก็บข้อมูลสาธารณะ สำหรับการวิเคราะห์ และเก็บสถิติการใช้งานเว็บภายในเว็บไซต์นี้เท่านั้น ไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนตัวที่ไม่เป็นสาธารณะใดๆ ของผู้ใช้งาน

บันทึก