The KOMMON
TK Park website
No Result
View All Result
The KOMMON
TK Park website
No Result
View All Result
The KOMMON
No Result
View All Result
 
UNCOMMON
Common EXPERIENCE
โครงงานอย่างง่ายกับการสอนประวัติศาสตร์ท้องถิ่น
Common EXPERIENCE
  • Common EXPERIENCE

โครงงานอย่างง่ายกับการสอนประวัติศาสตร์ท้องถิ่น

เรื่อง: พิพัฒน์ คุณวงค์
1,654 views

 5 mins

3 MINS

October 27, 2022

          ความท้าทายของการสอนประวัติศาสตร์ คือ ความไม่ชอบวิชาประวัติศาสตร์ของนักเรียน ซึ่งเป็นปัญหาที่สำคัญอย่างมาก สาเหตุหลักมาจากวิธีการสอนของครู โดยเฉพาะในโรงเรียนขนาดเล็กที่มีครูจำนวนน้อย ครูหลายท่านไม่ได้สอนวิชาเอกของตัวเอง ส่งผลให้เกิดปัญหาทั้งต่อครูผู้สอนและตัวนักเรียน ไม่เฉพาะวิชาประวัติศาสตร์ แต่รวมถึงวิชาอื่นที่มีจำนวนหน่วยกิตน้อย เช่น วิทยาการคำนวณ ศิลปะ การงานอาชีพ ดนตรี นาฏศิลป์ หน้าที่พลเมือง เป็นต้น ครูแต่ละท่านมีความถนัดในวิชาเอกที่ไม่เหมือนกัน แน่นอนว่าการสอนวิชาอื่นครูสามารถทำได้ แต่ต้องยอมรับว่าไม่ลึกซึ้งเท่ากับการได้เรียนกับครูผู้สอนที่สอนตรงวิชาเอกนั้นจริงๆ ปัญหานี้เป็นปัญหาสำคัญของการศึกษาไทยที่ไร้การแก้ไข เป็นปัญหาเรื้อรังมาอย่างช้านาน

          คาบเรียนแรกของวิชาประวัติศาสตร์กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในโรงเรียนเล็กๆ แห่งหนึ่ง การแนะนำรายวิชาและเนื้อหาที่จะเรียนได้สร้างความสงสัยให้กับนักเรียนอย่างน้อยหนึ่งคน เด็กชายชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ยกมือขึ้นพร้อมถามด้วยคำถามที่น่าประทับใจว่า

           “ครูครับ เราเรียนประวัติศาสตร์ไปทำไม ในเมื่อมันเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว ทำไมเราไม่เรียนวิชาปัจจุบัน หรือวิชาอนาคต”

          เพียงคำถามแค่คำถามเดียวนี้เองที่ทำให้อึ้งไปกับกระบวนการคิดอันลึกซึ้งของนักเรียน นั่นนะสิ เราเรียนประวัติศาสตร์ไปทำไมกัน หากการศึกษาไม่ใช่การพัฒนากระบวนการคิด เป็นที่แน่นอนว่าสิ่งนั้นไม่อาจเรียกว่าการศึกษาได้อีกต่อไป หัวใจของการเรียนประวัติศาสตร์จึงผุดขึ้นมาผ่านการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม โดยจะต้องใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ในการจัดการเรียนรู้ ผ่านการศึกษาประวัติศาสตร์ท้องถิ่นโดยใช้โครงงานเป็นฐาน

          เมื่อได้แนวทางการสอนแล้ว จึงดำเนินการวางแผนการจัดการเรียนรู้ กำหนดระยะเวลา จัดหาสื่อและวัสดุอุปกรณ์ แต่เนื่องจากไม่ใช่คนในพื้นที่ จึงเริ่มด้วยการสำรวจสิ่งแวดล้อมในชุมชนที่สามารถนำมาประกอบการสอนผ่านโครงงานเป็นฐานได้ สอบถามผู้นำชุมชน พระภิกษุสงฆ์ ผู้รู้ในชุมชน เพื่อเตรียมการสำหรับการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน ผ่านการศึกษาประวัติศาสตร์ท้องถิ่น โดยสามารถอธิบายได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้

1. การกระตุ้นความสนใจ

          เป็นการกระตุ้นนักเรียนให้เกิดความสนใจในประเด็นทางประวัติศาสตร์ หรือเนื้อหาที่จะเรียน โดยเริ่มจากการสร้างบรรยากาศในชั้นเรียน แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะนักเรียนไม่ค่อยรู้สึกร่วมกับเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะประวัติศาสตร์ในท้องถิ่น ครั้นจะเริ่มด้วยปัญหาหรือเรื่องราวที่นักเรียนสนใจก็ดูจะเป็นเรื่องยาก จึงเริ่มด้วยการใช้ภาพข่าวและการตั้งคำถาม

          เนื่องจากหลายปีก่อนในหมู่บ้านพบโครงกระดูกมนุษย์โบราณยุคก่อนประวัติศาสตร์ และเศษภาชนะเครื่องปั้นดินเผาลายเชือกทาบ จึงให้นักเรียนที่พอทราบเหตุการณ์เล่าให้ฟัง เมื่อเพื่อนหนึ่งคนเริ่มเล่า ก็เกิดการถกเถียง เล่าเสริม เติมแต่งเหตุการณ์ เกิดผู้รู้ ผู้เห็นเหตุการณ์จริง กระทั่งเกิดความสนใจที่มากพอจึงโยงเข้าสู่การศึกษาความเป็นท้องถิ่น

2. การกำหนดปัญหา

          เป็นการเลือกกำหนดปัญหาที่จะศึกษา โดยปัญหานั้นจะต้องเกิดจากตัวนักเรียนเองผ่านการกระตุ้นความสนใจโดยครูผู้สอน แต่เอาเข้าจริงครูก็ต้องตะล่อมเยอะเหมือนกันกว่าจะได้เป็นปัญหาที่สงสัยร่วมกัน นั่นแสดงให้เห็นว่านักเรียนยังขาดการตั้งคำถามซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัญหาสำคัญ และเมื่อได้ปัญหาจากการตะล่อมของครูแล้ว จึงนำมาซึ่งชื่อโครงงานการจัดกิจกรรมประกอบการเรียนรายวิชาประวัติศาสตร์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เรื่อง “ประวัติ ความเป็นมาของบ้านธาตุ  ต.ธาตุทอง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ”  ซึ่งนักเรียนทั้งระดับชั้น จำนวน 19 คนร่วมกันจัดทำ

3. การวางแผน

          นักเรียนแบ่งหน้าที่ในการปฏิบัติงานตามความถนัดและสนใจ จากนั้นร่วมกันเขียนโครงร่างของโครงงาน โดยครูใช้การสนทนาประกอบการแสดงขั้นตอนของโครงงาน แต่เนื่องจากการทำโครงงานเป็นเรื่องใหม่สำหรับนักเรียน จึงกลายเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับครูเช่นกัน ครูต้องร่วมดำเนินการในทุกขั้นตอน กระตุ้นอย่างหนักหน่วงในทุกหน้าที่  โดยเฉพาะในเรื่องของวัตถุประสงค์ หลักการและเหตุผล วิธีการดำเนินงาน และการติดตามประเมินผล ซึ่งโครงงานการจัดกิจกรรมประกอบการเรียนรายวิชาประวัติศาสตร์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เรื่อง “ประวัติ ความเป็นมาของบ้านธาตุ  ต.ธาตุทอง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ”  มีวัตถุประสงค์ 3 ข้อ คือ

          1) เพื่อศึกษาประวัติ ความเป็นมาของบ้านธาตุ ต.ธาตุทอง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ

          2) เพื่อศึกษาที่มาของชื่อบ้านธาตุ ต.ธาตุทอง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ

          3) เพื่อศึกษาความเชื่อเกี่ยวกับพระธาตุ ในวัดธาตุวนาราม

โครงงานอย่างง่ายกับการสอนประวัติศาสตร์ท้องถิ่น
Photo: พิพัฒน์ คุณวงค์

4. การลงมือปฏิบัติ

          เมื่อได้โครงร่างโครงงานแล้ว จึงดำเนินการจัดทำแบบสัมภาษณ์ โดยอาศัยวัตถุประสงค์ของโครงงานมาเป็นข้อคำถาม จากนั้นให้นักเรียนแต่ละคนนำแบบสัมภาษณ์ไปใช้กับบุคคลในครอบครัวหรือชุมชน ซึ่งนักเรียน 1 คน สัมภาษณ์บุคคลในชุมชนอย่างน้อย 2 คน

          จากนั้นครูดำเนินการประสานไปยังวัด และติดต่อวิทยากรผู้รู้ในเรื่องที่จะศึกษา โดยเข้าไปติดต่อขอใช้ศาลาวัดเป็นห้องเรียนชั่วคราว ใช้การสอบถามพระภิกษุในวัดเพื่อหาวิทยากรหรือปราชญ์ผู้รู้ในเรื่องที่จะศึกษา ทำหนังสือขอใช้สถานที่ และหนังสือเชิญวิทยากร พร้อมทั้งนัดวันเวลา  โดยในการดำเนินการต้องพาตัวแทนนักเรียนไปด้วยทุกครั้ง เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้งานและรู้สึกมีส่วนร่วม แม้ว่าในบางครั้งจะยุ่งยากไปบ้างก็ตาม

          ในวันที่ลงพื้นที่ปฏิบัติกิจกรรม ครูใช้การเสริมแรงและสนับสนุนให้นักเรียนรู้จักการตั้งคำถาม สืบเสาะหาข้อมูลจากวิทยากร แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของการนำข้อมูลมา วิเคราะห์ สังเคราะห์ จัดหมวดหมู่ และเชื่อมโยงข้อมูลในด้านต่างๆ   และจากการสัมภาษณ์วิทยากรพบว่า มีการใช้ความคิดเห็นส่วนตัวของวิทยากร มีการพูดนอกประเด็นที่ศึกษาในหลายครั้ง แต่ครูจะไม่เข้าไปอธิบายเพิ่มเติม ดึงเข้าประเด็นที่ศึกษา หรือร่วมถามคำถามในประเด็นที่สงสัย เพราะเป็นการให้นักเรียนได้เรียนรู้และแก้ปัญหาเฉพาะหน้าร่วมกัน สิ่งที่เห็นแล้วรู้สึกประทับใจคือ นักเรียนหลายคนเลือกที่จะไม่เชื่อข้อมูลจากวิทยากรทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่าบางเรื่องเกินจริง ไม่สมเหตุสมผล และอยู่นอกประเด็นที่ศึกษา

โครงงานอย่างง่ายกับการสอนประวัติศาสตร์ท้องถิ่น
Photo: พิพัฒน์ คุณวงค์
โครงงานอย่างง่ายกับการสอนประวัติศาสตร์ท้องถิ่น
Photo: พิพัฒน์ คุณวงค์

5. การสรุปและนำเสนอ

          เมื่อได้ข้อมูลจากการสัมภาษณ์วิทยากร บุคคลในท้องถิ่น และลงพื้นที่แล้ว นำข้อมูลที่ได้มาหาจุดร่วม (ประเด็นที่สอดคล้องกัน) แล้วร่วมสรุปตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้พร้อมทั้งจัดทำรูปเล่ม ซึ่งการสรุปนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับข้อมูลที่หลากหลาย  การจัดหมวดหมู่ของข้อมูลจึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมากสำหรับการสรุปข้อมูล จากนั้นร่วมกันจัดทำรูปเล่มโดยครูเข้าไปมีส่วนร่วมเช่นเคย แต่ด้วยสถานการณ์โรคระบาด และความจำเป็นด้านระยะเวลาเรียนที่มีน้อยจึงไม่ได้ให้นักเรียนสร้างผังโครงงาน และนำเสนอต่อชุมชน แต่ยังคงไว้ซึ่งกระบวนการตามขั้นตอนการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน

          สำหรับจุดอ่อนในการศึกษาประวัติศาสตร์ท้องถิ่นโดยใช้โครงงานเป็นฐานในครั้งนี้ มีให้เห็นอยู่หลายประการ คือ

          ประเด็นที่ 1 การแบ่งกลุ่ม ซึ่งสมาชิกในกลุ่มมีจำนวนมากเกินไป ทั้งนี้เนื่องมาจากเป็นการทำโครงงานครั้งแรกจึงใช้การทำโครงงานร่วมกันทั้งชั้นเรียน ซึ่งจะปรับปรุงการแบ่งกลุ่มในครั้งต่อไป

          ประเด็นที่ 2 คือ การใช้หลักฐานที่ยังไม่มีความหลากหลาย และน่าเชื่อถือมากพอ เพราะเป็นเพียงการใช้หลักฐานจากคำบอกเล่าของคนในชุมชน และวิทยากรเพียงเท่านั้น

          ประเด็นที่ 3 คือ การสร้างผังโครงงาน และการนำเสนอสู่สาธารณะที่ยังไม่ได้ดำเนินการ

          และประเด็นสุดท้ายซึ่งเป็นประเด็นสำคัญ คือ การสะท้อนผลกิจกรรม ควรให้นักเรียนได้สะท้อนผลถึงสิ่งที่ได้จากการเรียนรู้ สิ่งที่ประทับใจ และสิ่งที่เป็นปัญหาหรืออุปสรรค เพื่อจะได้ทราบว่าการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐานผ่านการศึกษาประวัติศาสตร์ในครั้งนี้สร้างความพึงพอใจ ความรู้ และทักษะต่างๆ ให้กับนักเรียนมากเพียงใด  ซึ่งจุดอ่อนข้างต้นจะดำเนินการแก้ไขในครั้งต่อไป

          จากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน ผ่านการศึกษาประวัติศาสตร์ท้องถิ่นนั้น ทำให้นักเรียนได้ทราบ และเข้าใจในประวัติความเป็นมาของท้องถิ่น และคงเป็นเสี้ยวหนึ่งของการสร้างสำนึกรักท้องถิ่นให้กับนักเรียนผ่านการลงมือปฏิบัติ ได้ใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ จากการกำหนดหัวเรื่องที่จะศึกษา การรวบรวมหลักฐาน การประเมินคุณค่าของหลักฐาน การวิเคราะห์ สังเคราะห์ จัดหมวดหมู่ข้อมูล การเรียบเรียงและนำเสนอ ซึ่งช่วยพัฒนากระบวนการคิดให้กับนักเรียนได้เป็นอย่างดี

          นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมการใช้สมรรถนะในการจัดการเรียนรู้ ผ่านการลงพื้นที่และลงมือปฏิบัติ ซึ่งการศึกษาโดยใช้โครงงานเป็นฐานนั้นสอดคล้องกับแนวทางการจัดการศึกษาในยุคปัจจุบัน สอดรับกับแนวทางการศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน และเป็นการศึกษาที่เตรียมความพร้อมสำหรับประชากรในอนาคต

โครงงานอย่างง่ายกับการสอนประวัติศาสตร์ท้องถิ่น
Photo: พิพัฒน์ คุณวงค์
Tags: Content Creatorเรียนรู้สร้างสรรค์ สร้างสรรค์ความรู้

เรื่องโดย

1.7k
VIEWS
โครงการ Content Creator

          ความท้าทายของการสอนประวัติศาสตร์ คือ ความไม่ชอบวิชาประวัติศาสตร์ของนักเรียน ซึ่งเป็นปัญหาที่สำคัญอย่างมาก สาเหตุหลักมาจากวิธีการสอนของครู โดยเฉพาะในโรงเรียนขนาดเล็กที่มีครูจำนวนน้อย ครูหลายท่านไม่ได้สอนวิชาเอกของตัวเอง ส่งผลให้เกิดปัญหาทั้งต่อครูผู้สอนและตัวนักเรียน ไม่เฉพาะวิชาประวัติศาสตร์ แต่รวมถึงวิชาอื่นที่มีจำนวนหน่วยกิตน้อย เช่น วิทยาการคำนวณ ศิลปะ การงานอาชีพ ดนตรี นาฏศิลป์ หน้าที่พลเมือง เป็นต้น ครูแต่ละท่านมีความถนัดในวิชาเอกที่ไม่เหมือนกัน แน่นอนว่าการสอนวิชาอื่นครูสามารถทำได้ แต่ต้องยอมรับว่าไม่ลึกซึ้งเท่ากับการได้เรียนกับครูผู้สอนที่สอนตรงวิชาเอกนั้นจริงๆ ปัญหานี้เป็นปัญหาสำคัญของการศึกษาไทยที่ไร้การแก้ไข เป็นปัญหาเรื้อรังมาอย่างช้านาน

          คาบเรียนแรกของวิชาประวัติศาสตร์กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในโรงเรียนเล็กๆ แห่งหนึ่ง การแนะนำรายวิชาและเนื้อหาที่จะเรียนได้สร้างความสงสัยให้กับนักเรียนอย่างน้อยหนึ่งคน เด็กชายชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ยกมือขึ้นพร้อมถามด้วยคำถามที่น่าประทับใจว่า

           “ครูครับ เราเรียนประวัติศาสตร์ไปทำไม ในเมื่อมันเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว ทำไมเราไม่เรียนวิชาปัจจุบัน หรือวิชาอนาคต”

          เพียงคำถามแค่คำถามเดียวนี้เองที่ทำให้อึ้งไปกับกระบวนการคิดอันลึกซึ้งของนักเรียน นั่นนะสิ เราเรียนประวัติศาสตร์ไปทำไมกัน หากการศึกษาไม่ใช่การพัฒนากระบวนการคิด เป็นที่แน่นอนว่าสิ่งนั้นไม่อาจเรียกว่าการศึกษาได้อีกต่อไป หัวใจของการเรียนประวัติศาสตร์จึงผุดขึ้นมาผ่านการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม โดยจะต้องใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ในการจัดการเรียนรู้ ผ่านการศึกษาประวัติศาสตร์ท้องถิ่นโดยใช้โครงงานเป็นฐาน

          เมื่อได้แนวทางการสอนแล้ว จึงดำเนินการวางแผนการจัดการเรียนรู้ กำหนดระยะเวลา จัดหาสื่อและวัสดุอุปกรณ์ แต่เนื่องจากไม่ใช่คนในพื้นที่ จึงเริ่มด้วยการสำรวจสิ่งแวดล้อมในชุมชนที่สามารถนำมาประกอบการสอนผ่านโครงงานเป็นฐานได้ สอบถามผู้นำชุมชน พระภิกษุสงฆ์ ผู้รู้ในชุมชน เพื่อเตรียมการสำหรับการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน ผ่านการศึกษาประวัติศาสตร์ท้องถิ่น โดยสามารถอธิบายได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้

1. การกระตุ้นความสนใจ

          เป็นการกระตุ้นนักเรียนให้เกิดความสนใจในประเด็นทางประวัติศาสตร์ หรือเนื้อหาที่จะเรียน โดยเริ่มจากการสร้างบรรยากาศในชั้นเรียน แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะนักเรียนไม่ค่อยรู้สึกร่วมกับเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะประวัติศาสตร์ในท้องถิ่น ครั้นจะเริ่มด้วยปัญหาหรือเรื่องราวที่นักเรียนสนใจก็ดูจะเป็นเรื่องยาก จึงเริ่มด้วยการใช้ภาพข่าวและการตั้งคำถาม

          เนื่องจากหลายปีก่อนในหมู่บ้านพบโครงกระดูกมนุษย์โบราณยุคก่อนประวัติศาสตร์ และเศษภาชนะเครื่องปั้นดินเผาลายเชือกทาบ จึงให้นักเรียนที่พอทราบเหตุการณ์เล่าให้ฟัง เมื่อเพื่อนหนึ่งคนเริ่มเล่า ก็เกิดการถกเถียง เล่าเสริม เติมแต่งเหตุการณ์ เกิดผู้รู้ ผู้เห็นเหตุการณ์จริง กระทั่งเกิดความสนใจที่มากพอจึงโยงเข้าสู่การศึกษาความเป็นท้องถิ่น

2. การกำหนดปัญหา

          เป็นการเลือกกำหนดปัญหาที่จะศึกษา โดยปัญหานั้นจะต้องเกิดจากตัวนักเรียนเองผ่านการกระตุ้นความสนใจโดยครูผู้สอน แต่เอาเข้าจริงครูก็ต้องตะล่อมเยอะเหมือนกันกว่าจะได้เป็นปัญหาที่สงสัยร่วมกัน นั่นแสดงให้เห็นว่านักเรียนยังขาดการตั้งคำถามซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัญหาสำคัญ และเมื่อได้ปัญหาจากการตะล่อมของครูแล้ว จึงนำมาซึ่งชื่อโครงงานการจัดกิจกรรมประกอบการเรียนรายวิชาประวัติศาสตร์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เรื่อง “ประวัติ ความเป็นมาของบ้านธาตุ  ต.ธาตุทอง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ”  ซึ่งนักเรียนทั้งระดับชั้น จำนวน 19 คนร่วมกันจัดทำ

3. การวางแผน

          นักเรียนแบ่งหน้าที่ในการปฏิบัติงานตามความถนัดและสนใจ จากนั้นร่วมกันเขียนโครงร่างของโครงงาน โดยครูใช้การสนทนาประกอบการแสดงขั้นตอนของโครงงาน แต่เนื่องจากการทำโครงงานเป็นเรื่องใหม่สำหรับนักเรียน จึงกลายเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับครูเช่นกัน ครูต้องร่วมดำเนินการในทุกขั้นตอน กระตุ้นอย่างหนักหน่วงในทุกหน้าที่  โดยเฉพาะในเรื่องของวัตถุประสงค์ หลักการและเหตุผล วิธีการดำเนินงาน และการติดตามประเมินผล ซึ่งโครงงานการจัดกิจกรรมประกอบการเรียนรายวิชาประวัติศาสตร์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เรื่อง “ประวัติ ความเป็นมาของบ้านธาตุ  ต.ธาตุทอง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ”  มีวัตถุประสงค์ 3 ข้อ คือ

          1) เพื่อศึกษาประวัติ ความเป็นมาของบ้านธาตุ ต.ธาตุทอง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ

          2) เพื่อศึกษาที่มาของชื่อบ้านธาตุ ต.ธาตุทอง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ

          3) เพื่อศึกษาความเชื่อเกี่ยวกับพระธาตุ ในวัดธาตุวนาราม

โครงงานอย่างง่ายกับการสอนประวัติศาสตร์ท้องถิ่น
Photo: พิพัฒน์ คุณวงค์

4. การลงมือปฏิบัติ

          เมื่อได้โครงร่างโครงงานแล้ว จึงดำเนินการจัดทำแบบสัมภาษณ์ โดยอาศัยวัตถุประสงค์ของโครงงานมาเป็นข้อคำถาม จากนั้นให้นักเรียนแต่ละคนนำแบบสัมภาษณ์ไปใช้กับบุคคลในครอบครัวหรือชุมชน ซึ่งนักเรียน 1 คน สัมภาษณ์บุคคลในชุมชนอย่างน้อย 2 คน

          จากนั้นครูดำเนินการประสานไปยังวัด และติดต่อวิทยากรผู้รู้ในเรื่องที่จะศึกษา โดยเข้าไปติดต่อขอใช้ศาลาวัดเป็นห้องเรียนชั่วคราว ใช้การสอบถามพระภิกษุในวัดเพื่อหาวิทยากรหรือปราชญ์ผู้รู้ในเรื่องที่จะศึกษา ทำหนังสือขอใช้สถานที่ และหนังสือเชิญวิทยากร พร้อมทั้งนัดวันเวลา  โดยในการดำเนินการต้องพาตัวแทนนักเรียนไปด้วยทุกครั้ง เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้งานและรู้สึกมีส่วนร่วม แม้ว่าในบางครั้งจะยุ่งยากไปบ้างก็ตาม

          ในวันที่ลงพื้นที่ปฏิบัติกิจกรรม ครูใช้การเสริมแรงและสนับสนุนให้นักเรียนรู้จักการตั้งคำถาม สืบเสาะหาข้อมูลจากวิทยากร แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของการนำข้อมูลมา วิเคราะห์ สังเคราะห์ จัดหมวดหมู่ และเชื่อมโยงข้อมูลในด้านต่างๆ   และจากการสัมภาษณ์วิทยากรพบว่า มีการใช้ความคิดเห็นส่วนตัวของวิทยากร มีการพูดนอกประเด็นที่ศึกษาในหลายครั้ง แต่ครูจะไม่เข้าไปอธิบายเพิ่มเติม ดึงเข้าประเด็นที่ศึกษา หรือร่วมถามคำถามในประเด็นที่สงสัย เพราะเป็นการให้นักเรียนได้เรียนรู้และแก้ปัญหาเฉพาะหน้าร่วมกัน สิ่งที่เห็นแล้วรู้สึกประทับใจคือ นักเรียนหลายคนเลือกที่จะไม่เชื่อข้อมูลจากวิทยากรทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่าบางเรื่องเกินจริง ไม่สมเหตุสมผล และอยู่นอกประเด็นที่ศึกษา

โครงงานอย่างง่ายกับการสอนประวัติศาสตร์ท้องถิ่น
Photo: พิพัฒน์ คุณวงค์
โครงงานอย่างง่ายกับการสอนประวัติศาสตร์ท้องถิ่น
Photo: พิพัฒน์ คุณวงค์

5. การสรุปและนำเสนอ

          เมื่อได้ข้อมูลจากการสัมภาษณ์วิทยากร บุคคลในท้องถิ่น และลงพื้นที่แล้ว นำข้อมูลที่ได้มาหาจุดร่วม (ประเด็นที่สอดคล้องกัน) แล้วร่วมสรุปตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้พร้อมทั้งจัดทำรูปเล่ม ซึ่งการสรุปนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับข้อมูลที่หลากหลาย  การจัดหมวดหมู่ของข้อมูลจึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมากสำหรับการสรุปข้อมูล จากนั้นร่วมกันจัดทำรูปเล่มโดยครูเข้าไปมีส่วนร่วมเช่นเคย แต่ด้วยสถานการณ์โรคระบาด และความจำเป็นด้านระยะเวลาเรียนที่มีน้อยจึงไม่ได้ให้นักเรียนสร้างผังโครงงาน และนำเสนอต่อชุมชน แต่ยังคงไว้ซึ่งกระบวนการตามขั้นตอนการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน

          สำหรับจุดอ่อนในการศึกษาประวัติศาสตร์ท้องถิ่นโดยใช้โครงงานเป็นฐานในครั้งนี้ มีให้เห็นอยู่หลายประการ คือ

          ประเด็นที่ 1 การแบ่งกลุ่ม ซึ่งสมาชิกในกลุ่มมีจำนวนมากเกินไป ทั้งนี้เนื่องมาจากเป็นการทำโครงงานครั้งแรกจึงใช้การทำโครงงานร่วมกันทั้งชั้นเรียน ซึ่งจะปรับปรุงการแบ่งกลุ่มในครั้งต่อไป

          ประเด็นที่ 2 คือ การใช้หลักฐานที่ยังไม่มีความหลากหลาย และน่าเชื่อถือมากพอ เพราะเป็นเพียงการใช้หลักฐานจากคำบอกเล่าของคนในชุมชน และวิทยากรเพียงเท่านั้น

          ประเด็นที่ 3 คือ การสร้างผังโครงงาน และการนำเสนอสู่สาธารณะที่ยังไม่ได้ดำเนินการ

          และประเด็นสุดท้ายซึ่งเป็นประเด็นสำคัญ คือ การสะท้อนผลกิจกรรม ควรให้นักเรียนได้สะท้อนผลถึงสิ่งที่ได้จากการเรียนรู้ สิ่งที่ประทับใจ และสิ่งที่เป็นปัญหาหรืออุปสรรค เพื่อจะได้ทราบว่าการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐานผ่านการศึกษาประวัติศาสตร์ในครั้งนี้สร้างความพึงพอใจ ความรู้ และทักษะต่างๆ ให้กับนักเรียนมากเพียงใด  ซึ่งจุดอ่อนข้างต้นจะดำเนินการแก้ไขในครั้งต่อไป

          จากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน ผ่านการศึกษาประวัติศาสตร์ท้องถิ่นนั้น ทำให้นักเรียนได้ทราบ และเข้าใจในประวัติความเป็นมาของท้องถิ่น และคงเป็นเสี้ยวหนึ่งของการสร้างสำนึกรักท้องถิ่นให้กับนักเรียนผ่านการลงมือปฏิบัติ ได้ใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ จากการกำหนดหัวเรื่องที่จะศึกษา การรวบรวมหลักฐาน การประเมินคุณค่าของหลักฐาน การวิเคราะห์ สังเคราะห์ จัดหมวดหมู่ข้อมูล การเรียบเรียงและนำเสนอ ซึ่งช่วยพัฒนากระบวนการคิดให้กับนักเรียนได้เป็นอย่างดี

          นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมการใช้สมรรถนะในการจัดการเรียนรู้ ผ่านการลงพื้นที่และลงมือปฏิบัติ ซึ่งการศึกษาโดยใช้โครงงานเป็นฐานนั้นสอดคล้องกับแนวทางการจัดการศึกษาในยุคปัจจุบัน สอดรับกับแนวทางการศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน และเป็นการศึกษาที่เตรียมความพร้อมสำหรับประชากรในอนาคต

โครงงานอย่างง่ายกับการสอนประวัติศาสตร์ท้องถิ่น
Photo: พิพัฒน์ คุณวงค์
Tags: Content Creatorเรียนรู้สร้างสรรค์ สร้างสรรค์ความรู้

โครงการ Content Creator

Related Posts

ขบวนการหนังอิสระเมืองหาดใหญ่ @Lorem Ipsum มากกว่าความบันเทิง คือพื้นที่เรียนรู้ชีวิตอันหลากหลาย
Common EXPERIENCE

ขบวนการหนังอิสระเมืองหาดใหญ่ @Lorem Ipsum มากกว่าความบันเทิง คือพื้นที่เรียนรู้ชีวิตอันหลากหลาย

December 16, 2022
486
the LITTLE gallery – Silent Auction
Common EXPERIENCE

The LITTLE Gallery – Silent Auction

December 9, 2022
306
สอนวรรคดีไทยให้ใกล้หัวใจ Generation Z
Common EXPERIENCE

สอนวรรณคดีไทยให้ใกล้หัวใจ Generation Z

December 2, 2022
748

Related Posts

ขบวนการหนังอิสระเมืองหาดใหญ่ @Lorem Ipsum มากกว่าความบันเทิง คือพื้นที่เรียนรู้ชีวิตอันหลากหลาย
Common EXPERIENCE

ขบวนการหนังอิสระเมืองหาดใหญ่ @Lorem Ipsum มากกว่าความบันเทิง คือพื้นที่เรียนรู้ชีวิตอันหลากหลาย

December 16, 2022
486
the LITTLE gallery – Silent Auction
Common EXPERIENCE

The LITTLE Gallery – Silent Auction

December 9, 2022
306
สอนวรรคดีไทยให้ใกล้หัวใจ Generation Z
Common EXPERIENCE

สอนวรรณคดีไทยให้ใกล้หัวใจ Generation Z

December 2, 2022
748
ABOUT
SITE MAP
PRIVACY POLICY
CONTACT
Facebook-f
Youtube
Soundcloud
icon-tkpark

Copyright 2021 © All rights Reserved. by TK Park

  • READ
    • ALL
    • Common WORLD
    • Common VIEW
    • Common ROOM
    • Book of Commons
    • Common INFO
  • PODCAST
    • ALL
    • readWORLD
    • Coming to Talk
    • Read Around
    • WanderingBook
    • Knowledge Exchange
  • VIDEO
    • ALL
    • TK Forum
    • TK Common
    • TK Spark
  • UNCOMMON
    • ALL
    • Common ROOM
    • Common INFO
    • Common EXPERIENCE
    • Common SENSE

© 2021 The KOMMON by TK Park.

Welcome Back!

Login to your account below

Forgotten Password?

Retrieve your password

Please enter your username or email address to reset your password.

Log In

Add New Playlist

The KOMMON มีการใช้คุกกี้ เพื่อเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ไปวิเคราะห์และปรับปรุงการให้บริการที่ดียิ่งขึ้น คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่า อนุญาต
Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราห์

    คุกกี้นี้เป็นการเก็บข้อมูลสาธารณะ สำหรับการวิเคราะห์ และเก็บสถิติการใช้งานเว็บภายในเว็บไซต์นี้เท่านั้น ไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนตัวที่ไม่เป็นสาธารณะใดๆ ของผู้ใช้งาน

บันทึก
Privacy Preferences
https://www.thekommon.co/network/cache/breeze-minification/js/breeze_dc386803f50a327feacfe35a48138d08.js