หากคุณชื่นชอบไอเดียสุดบรรเจิดในเทศกาลที่เกี่ยวกับศิลปะ วัฒนธรรม ความคิดสร้างสรรค์ และการออกแบบ คงจะเคยเข้าชมหรือติดตามข่าวสารของงานเทศกาลแนวนี้กันมาบ้าง หรือถ้าคุณเป็นหนึ่งในคนทำงานสายครีเอทีฟ ก็อาจจะเคยเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของคณะทำงานมาแล้ว ไม่ว่าจะในฐานะอาสาสมัคร ศิลปิน หรือผู้ประกอบการ
งานในลักษณะนี้นอกจากจะชักชวนผู้ชมให้เข้ามาเสพงานศิลป์ ดื่มด่ำสุนทรียภาพที่ศิลปินและผู้คนในย่านมาร่วมประกอบร่างสร้างผลงานแล้ว ยังมักจะมีเป้าหมายในการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในพื้นที่ หรือถ้าจะให้เจาะลึกลงไปอีกคือกระตุ้น ‘เศรษฐกิจสร้างสรรค์’ เปิดเวทีให้ผู้ผลิต นักออกแบบ ศิลปิน และผู้บริโภคมาพบกันและสานสัมพันธ์เพื่อสร้างความร่วมมือในอนาคต
โดยส่วนมากงานเหล่านี้เป็นเทศกาลที่เหล่าพาร์ตเนอร์ร่วมกันเนรมิตให้เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาหนึ่ง อาจจะ 1 สัปดาห์ 2 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน เปลี่ยนย่านทั้งย่านให้เป็นลานศิลปะ เป็นดงศิลปิน เป็นชุมทางนักสร้างสรรค์หลากสาขา แต่ที่เมืองลีดส์ (Leeds) ซึ่งตั้งอยู่กลางสหราชอาณาจักร ระดมพลจัดงานใหญ่ ‘LEEDS 2023: Year of Culture’ ภายใต้สโลแกน ‘Letting Culture Loose’ หรือ ‘ปลดปล่อยวัฒนธรรม’ โดยกินระยะเวลาตลอดทั้งปีเลยทีเดียว
ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงธันวาคม พื้นที่สาธารณะ สถาบันการศึกษา ชมรม สมาคม ร้านค้า ธุรกิจต่างๆ ผลัดเปลี่ยนเวียนกันจัดงานที่แสดงออกซึ่งอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม ปลุกศักยภาพของผู้คน มีตั้งแต่งานจัดแสดงศิลปะและนิทรรศการ ศิลปะจัดวาง การแสดง ภาพยนตร์ ละครเวที เส้นทางท่องเที่ยว กิจกรรม storytelling เวิร์กชอปการทำแอนิเมชัน ผู้มาเยือนสามารถเดินสายเรียนรู้ความเป็น ‘ลีดส์’ ได้แทบทุกพื้นที่ ทุกมุมเมือง
ผลงานหลายชิ้นไม่เพียงแต่นำเสนอสุนทรียภาพทางศิลปะ แต่ยังสื่อสารประเด็นทางสังคมด้วย เช่น ผู้หญิงและกลุ่มนอน-ไบนารีกว่า 300 คน สร้างอาคารโรงนา ‘The WOW Barn’ ภายในเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อใช้เป็นสถานที่จัดงาน WOW (Woman of the World) เพื่อส่งเสริมความเท่าเทียมในสังคม ศิลปินชื่อดัง ยินกา โชนิบาร์ (Yinka Shonibare) ชาวอังกฤษ-ไนจีเรียน จัดแสดงงานประติมากรรม Hibiscus Rising เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ เดวิด โอลูวัลล์ (David Oluwale) ผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำโดยตำรวจที่เหยียดเชื้อชาติในช่วงปี 1960s
คงพอจะมองเห็นว่างานนี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยง่าย และไม่ได้หวังผลเพียงระยะสั้น แต่การจัดงานใหญ่ขนาดนี้ต้องใช้งบประมาณแค่ไหน มีระบบบริหารจัดการอย่างไร LEEDS 2023 มีแนวทางที่น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว
กว่าจะมาเป็น Leeds 2023 Year of Culture
ลีดส์ คือเมืองใหญ่ในยอร์กเชียร์ ที่ประชากรประกอบไปด้วยหลากหลายเชื้อชาติ หากเอ่ยถึงความเป็นเมืองวัฒนธรรม นักท่องเที่ยวมักจะนึกถึงยอร์ก เมืองเพื่อนบ้านที่อยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่สิบไมล์เสียมากกว่า และหากเอ่ยถึงเมืองใหญ่ที่เคยเป็นเมืองอุตสาหกรรมมาก่อน ดูเหมือนว่าลีดส์ก็ยังไม่ฮอตฮิตเท่าแมนเชสเตอร์กับลิเวอร์พูล ที่ชื่อเสียงดูคุ้นหูกับผู้คนทั่วไป แต่ประชากรลีดส์เชื่อมั่นว่า เมืองนี้มีวัฒนธรรมและความสร้างสรรค์ซ่อนอยู่ ถึงเวลาแล้วที่ต้องประกาศให้โลกได้รู้
LEEDS 2023: Year of Culture (หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า LEEDS 2023) เกิดขึ้นโดยการสนับสนุนของเทศบาลเมืองลีดส์ (Leeds City Council) ด้วยความประสงค์ที่จะใช้ ‘วัฒนธรรม’ เป็นเครื่องมือผลักดันให้เกิดการฟื้นฟูด้านเศรษฐกิจและสังคม คีย์เวิร์ดของโปรเจกต์คือคำว่า ‘โอกาส’ และประชากรกลุ่มเป้าหมายหลักคือ เยาวชน คนรุ่นใหม่ คนในชุมชน รวมถึงศิลปินและนักสร้างสรรค์ที่กระจายตัวอยู่ตามซอกมุมต่างๆ ของลีดส์ ดังนั้น งานนี้จึงเกิดขึ้นเพื่อเปิดเวทีให้คนในสายงานได้มาพบปะ สร้างเครือข่าย ในขณะเดียวกันกับที่ส่งเสริมให้เยาวชน คนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสเรียนรู้ เติบโต และสร้างอนาคตไปพร้อมๆ กัน
เป้าหมายระยะสั้นของโปรเจกต์คือการนำเสนอความหลากหลายทางวัฒนธรรม ค้นหานักสร้างสรรค์ที่มีพรสวรรค์ ส่งเสริมให้ประชาชนพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลและความคิดสร้างสรรค์ในระหว่างที่จัดเตรียมงาน รวมถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มการจ้างงาน เพิ่มกิจกรรมในพื้นที่ หลังจากต้องเผชิญกับสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวมานานหลายปี ส่วนเป้าหมายในระยะยาวคือ ส่งเสริมให้วัฒนธรรมกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต ประชาชนเข้าถึงวัฒนธรรมและศิลปะ สร้างที่ทางและคอนเนกชันให้กับศิลปินอาชีพสายครีเอทีฟ เพื่อป้องกันสภาวะสมองไหล คนมีฝีมือเดินทางลงไปหางานและไล่ตามความฝันในเมืองใหญ่อย่างลอนดอนกันเสียหมด กิจกรรมและการดำเนินการจึงมุ่งเน้นให้งานไม่จบแค่ในหนึ่งปี แต่เกิดคอมมูนิตี้ของนักสร้างสรรค์ขึ้นในพื้นที่
เมื่อต้นปี 2023 The Guardian เขียนถึงงาน LEEDS 2023 ว่า เป็นเหมือนนกฟีนิกซ์ที่โบยบินออกมาจากเถ้าถ่านแห่ง Brexit ซึ่งนั่นก็ไม่ได้เกินความจริงนัก เพราะแรกเริ่มเดิมที ทีมงานของลีดส์เตรียมความพร้อมที่จะส่งรายชื่อเข้าร่วมแข่งขันกับเมืองอื่นเพื่อชิงตำแหน่ง ‘European Capital of Culture 2023’ ซึ่งประเทศสมาชิกของ EU เท่านั้น ถึงจะมีสิทธิยื่นเรื่องเพื่อรับการพิจารณาจากคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ หากได้รับการประกาศสถานะ เมืองนั้นๆ จะถูกโปรโมตโดย EU ได้รับความสนใจจากนานาประเทศ มีการจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมตลอดทั้งปี ดึงดูดให้ผู้คนจากทั่วยุโรปเดินทางมาเยี่ยมเยือน เรียกได้ว่าเป็นกลไกหนึ่งที่ส่งเสริมให้เกิดการฟื้นฟูเมืองและกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นอย่างดี เมืองลิเวอร์พูล เคยเป็น ‘European Capital of Culture’ ในปี 2008 มีรายได้เกิดขึ้นจากกิจกรรมตลอดทั้งปีถึง 750 ล้านปอนด์ ในขณะที่ใช้งบประมาณไปเพียง 170 ล้านปอนด์
เมื่อสหราชอาณาจักรประกาศ ‘Brexit’ หรือลาออกจากการเป็นสมาชิกของ EU โอกาสในการได้เป็น ‘European Capital of Culture’ ก็หมดไป ทีมงานจึงคิดว่า แม้จะไม่ได้เดินหน้าต่อในแผนการเดิม แต่ข้อมูลและการเตรียมการหลายปีก็ไม่น่าทิ้งขว้างให้เสียของ ด้วยการสนับสนุนจากธุรกิจท้องถิ่นราว 20 แห่ง และผลโหวตจากประชาชนใน The Yorkshire Evening Post ทีมงานจึงเริ่มเดินหน้าวางแผนการใหญ่ จัดงานเทศกาล LEEDS 2023 ขึ้นเอง โดยไม่ได้ขึ้นกับเครือข่ายหรือองค์กรใดๆ
ชารอน วัตสัน (Sharon Watson) ผู้อำนวยการโรงเรียนสอนเต้นร่วมสมัย (The Northern School of Contemporary Dance) และหนึ่งในผู้ดูแลโครงการผลักดันลีดส์ให้เป็น ‘European Capital of Culture’ มาตั้งแต่แรก กล่าวต่อสื่อมวลชนในงานพิธีเปิดว่า “เราตัดสินใจแล้วว่าเราคู่ควรกับสิ่งนี้ เราเชื่อมั่นในวัฒนธรรม เราอยู่ในปี 2023 แล้ว และเรากำลังจะนำเสนอปีแห่งวัฒนธรรมให้กับทุกคน”
ระดมทุน ระดมแรง ภายนอกและภายใน
เมื่อตกลงใจจะเดินหน้า สิ่งที่ต้องคิดถึงคืองบประมาณ ในขณะที่ลิเวอร์พูลจัดสรรงบประมาณถึง 170 ล้านปอนด์ เพื่อจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมยาวนานตลอดทั้งปี แต่งบประมาณของ LEEDS 2023 ที่สามารถรวบรวมได้จากผู้สนับสนุน คือ 25 ล้านปอนด์ สิ่งที่จะทำให้โครงการเดินหน้าต่อไปได้คือต้องหาพาร์ตเนอร์ทั้งภายนอกและภายในเมืองลีดส์
ผู้ให้การสนับสนุนหลักด้านการเงินคือเทศบาลเมืองลีดส์ (Leeds City Council) ที่ก่อตั้ง Leeds Culture Trust (LCT) ขึ้นในปี 2019 เพื่อระดมทุนในการจัดงาน ในช่วงแรกมีข้อถกเถียงว่า ควรจะใช้งบประมาณจำนวนมากกับกิจกรรมทางศิลปะและวัฒนธรรมในเมืองที่มีอัตราความอดอยากสูงเป็นอันดับต้นๆ ของสหราชอาณาจักรหรือไม่ เพราะในช่วงนั้นสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดก็ยังไม่ดีนัก งบประมาณสำหรับการจัดการด้านสาธารณสุขก็จำเป็นไม่น้อย ดังนั้น งบประมาณก้อนที่เทศบาลตั้งใจจะใช้สนับสนุนจึงลดลงมาเรื่อยๆ ในการประชุมคณะกรรมการ แต่ คูลลี่ ธีอาราย (Kully Thiarai) CEO และผู้อำนวยการของโครงการ LEEDS 2023 ในช่วงปี 2020-2022 กล่าวว่า
“มันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาถกเถียงเพื่อเอาชนะกัน สิ่งที่สำคัญกว่าคือการสร้างสายสัมพันธ์ในสังคม สร้างความสนุกสนาน และความหวัง และวัฒนธรรมคือสิ่งที่จะทำให้เกิดขึ้นได้”
งานเทศกาลที่ยาวนานแบบนี้ จึงต้องการพาร์ตเนอร์ที่เข้มแข็งทั้งฝ่ายเงินทุนและฝ่ายสร้างสรรค์ผลงาน นอกจากเงินทุนก้อนหลักจากเทศบาลเมืองลีดส์แล้ว LEEDS 2023 ยังได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่ส่งเสริมด้านศิลปวัฒนธรรมต่างๆ ในประเทศ เช่น National Lottery Heritage Fund, Arts Council England และ Culture Recovery Fund นอกจากนี้ยังต้องมีการระดมพลพาร์ตเนอร์ฝ่ายสร้างสรรค์ผลงานทั้งในและนอกพื้นที่ ทั้งสถานศึกษา สถาบันศิลปะต่างๆ ธุรกิจสร้างสรรค์ ผู้ประกอบการ ศิลปิน และองค์กรอื่นๆ
แนวทางการบริหารจัดการงานเทศกาล คือ 3P – Produce, Partner และ Promote เพื่อกระตุ้นให้การจัดงานที่ยาวนานทั้งปีสามารถเกิดขึ้นได้จริง ในงบประมาณที่มีจำกัด
สำหรับงานศิลปะ หรือกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นในพื้นที่ หรือสิ่งใดที่ทีมงานของโครงการ LEEDS 2023 เล็งเห็นว่าเป็น ‘ช่องว่าง’ ของลีดส์ กิจกรรมเหล่านั้นจะถูก ‘Produce’ หรือลงมือทำให้เห็นเป็นตัวอย่างโดยทีมงานร่วมกับเครือข่ายทั้งในและนอกพื้นที่ เช่น
My LEEDS 2023 กิจกรรมที่จัดขึ้นในย่านชุมชนต่างๆ ของลีดส์ 33 ย่าน ที่ผลัดเปลี่ยนกันจัดงานเฉลิมฉลองนำเสนออัตลักษณ์ชุมชนให้ผู้มาเยือนได้เรียนรู้ตลอดทั้งปี ทีมงาน LEEDS 2023 เป็นผู้ประสาน แต่ตัวแทนชุมชนคือเจ้าบ้านที่ร่วมออกแบบ
Smeaton300 ซีรีส์ของกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับ จอห์น สเมตัน (John Smeaton) วิศวกรโยธาชื่อดัง ซึ่งเกิดที่เมืองลีดส์เมื่อเกือบ 300 ปีก่อน มีทั้งกิจกรรมที่พิพิธภัณฑ์ และกิจกรรม STEAM สำหรับเยาวชน ที่ชักชวนให้ศิลปิน วิศวกร นักสร้างสรรค์ มาร่วมเสพผลงานและต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ เชื่อมต่อศิลปะกับวิทยาศาสตร์ และวิศวกรรมเข้าด้วยกัน
แนวทางที่ 2 คือ ‘Partner’ โครงการชักชวนให้เครือข่ายและพันธมิตร ทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และในระดับนานาชาติ มาร่วมมือสร้างสรรค์กิจกรรมที่เห็นว่าสามารถทำได้ หรืออยากทดลองลงมือทำ LEEDS 2023 ยินดีเป็นพื้นที่ให้แสดงฝีมือ หรือหากต้องการจะสนับสนุนเป็นงบประมาณทางโครงการก็ยินดี เสียงตอบรับนับว่าไม่เลวนัก เพราะพาร์ตเนอร์ที่มาร่วมสร้างสรรค์ผลงานมีทั้งระดับผู้ประกอบการและศิลปินในพื้นที่ บริษัทในลอนดอน ไปจนถึงหน่วยงานใหญ่ๆ อย่างหอสมุดแห่งชาติบริเตน
‘Promote’ เกิดขึ้นเมื่อผู้ประกอบการ องค์กร หน่วยงานใดๆ ในพื้นที่ต้องการจัดงานหรือกิจกรรมที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของ LEEDS 2023 ทางโครงการจะช่วยประชาสัมพันธ์กิจกรรมเหล่านั้นให้อย่างมีระบบ
นอกจากนี้ โครงการยังยึดมั่นในแนวคิดหลัก คือ การมีส่วนร่วมของชุมชน การเรียนรู้สร้างสรรค์ และการส่งเสริมให้คนในพื้นที่มีส่วนร่วมในรูปแบบอาสาสมัคร ตลอดทั้งปีมีโปรแกรมอบรมกว่า 100 รายการ เพื่อให้ความรู้ ฝึกทักษะ ส่งเสริมการสร้างเครือข่าย สร้างทีมงานและอาสาสมัครที่เข้มแข็งและมีศักยภาพ โดยโครงการตั้งเป้าที่จะระดมอาสาสมัครถึง 1,000 คน ตลอดช่วงระยะเวลาการจัดงาน และหวังว่ากิจกรรมในครั้งนี้จะทำให้เกิดความแน่นแฟ้นในชุมชน เกิดความร่วมมือในหลากหลายภาคส่วน เยาวชนและสถานศึกษาทุกระดับเข้ามามีส่วนร่วม และยิ่งไปกว่านั้นคือ หวังว่าจะเกิดอาชีพในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์มากขึ้นในอนาคต
ปลุกความสร้างสรรค์ ลงมือทำในปัจจุบัน วาดฝันถึงอนาคต
งานเทศกาล LEEDS 2023 แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ Awakening หรือปลุกเมืองลีดส์ ศิลปิน และนักสร้างสรรค์ให้ตื่นจากความหลับใหล ตามมาด้วย Playing และ Dreaming ทุกๆ ช่วงคือการส่งเสริมให้เกิดการ ‘ปลดปล่อย’ วัฒนธรรมออกมาให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ จากทุกซอกทุกมุมของเมือง จากหลากหลายชุมชน สมกับสโลแกน ‘Letting Culture Loose’
Awakening
หรือ ปลุกให้ตื่นจากความหลับใหล คือกิจกรรมในช่วงไตรมาสแรกของงาน หลังจากงานพิธีเปิดซึ่งเป็นการแสดงสุดตระการตาของศิลปินในพื้นที่ ซึ่งสามารถจำหน่ายตั๋วเข้าชมได้จนหมดเกลี้ยง ก็ตามมาด้วยโครงการ ‘Waking the Artist’ ที่ส่งเสริมให้นักสร้างสรรค์ และศิลปินในพื้นที่แสดงออกในพื้นที่ที่จัดสรรให้ สิ่งที่จัดแสดงมีตั้งแต่การอ่านบทกวี ภาพสเก็ตช์ ภาพวาด ไปจนถึงนิทรรศการแบบป็อปอัป และยังมีรายการอื่นๆ ที่กระตุ้นให้ผู้คนเริ่มรับรู้ว่า ลีดส์คือเมืองที่รุ่มรวยไปด้วยทรัพยากรทางวัฒนธรรม ผู้คนที่เปี่ยมด้วยพรสวรรค์ และเรื่องราวหลากหลายไม่รู้จบ
Playing
ช่วงที่สองของงานเทศกาล เป็นช่วงสานต่อกิจกรรมที่คอนเซปต์หลักคือการ ‘เล่น’ หรือความสนุกสนาน มุ่งเน้นให้ผู้คนออกมาผจญภัยค้นหาตัวตนของลีดส์ให้มากขึ้น กิจกรรมที่เกิดขึ้นในช่วงที่ 2 นั้น เริ่มหนาแน่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และเริ่มสร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชนต่างๆ มากขึ้น บางกิจกรรมเป็นซีรีส์ต่อเนื่องหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมที่ทางทีมงานได้ลงมือทำเอง หรือจากฝีมือของพาร์ตเนอร์ อาทิ
Children’s day Reimagined เด็กๆ หลายร้อยคนมาร่วมกันออกแบบพื้นที่ และจัดทำแบนเนอร์เพื่อนำเสนอสิ่งที่คิด หวัง และต้องการ ในกิจกรรมนี้ นักสร้างสรรค์มาร่วมถ่ายทำหนังสั้น ที่เล่าเรื่องราวและมุมมองเกี่ยวกับเยาวชน ซึ่งเป็นความหวังของลีดส์ในอนาคตได้ถึง 4 เรื่องด้วยกัน
Making a Strand กิจกรรมจากทีมงาน LEEDS2023 ที่เชิญวิชวลอาร์ติสต์ ไมเคิล พินสกี้ (Michael Pinsky) และ สตูดิโอสถาปนิกด้านสิ่งแวดล้อม Studio Bark มาสร้างงานศิลปะสะท้อนภาพ ‘ป่าในเมือง’ เพื่อหวนระลึกถึงเมืองลีดส์ในวันวาน ที่ยังเต็มไปด้วยป่าไม้ (The Forest of Loidis) ก่อนที่จะถูกเปลี่ยนสภาพเป็นพื้นที่เกษตรกรรม และเป็นเมืองตามลำดับ
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่ดึงศิลปินในพื้นที่ ให้เข้ามามีส่วนร่วมอีกมากมาย เช่น My LEEDS Summer กิจกรรมที่นำศิลปินในพื้นที่ ระดับชาติ และนานาชาติ มาร่วมกันสร้างประสบการณ์ใหม่ Noah’s Flood การแสดงโอเปราของคณะละครท้องถิ่นที่เล่าเรื่องราวของโนอาห์ และความพยายามที่จะปกป้องสัตว์โลกจากน้ำท่วมโลกครั้งใหญ่ ระดมนักแสดงรุ่นเยาว์จากโรงเรียนกว่าร้อยชีวิต Seeds, Dreams and Constellations การแสดงของนักดนตรี โคริน เบลีย์ เร (Corinne Bailey Rae) และนักออกแบบท่าเต้น ชารอน วัตสัน (Sharon Watson) ที่ได้แรงบันดาลใจจากการอพยพย้ายถิ่น การเปลี่ยนผ่าน และการเริ่มต้นใหม่
ช่วงไตรมาสสุดท้าย Dreaming
คือ การสานต่อกิจกรรมจาก 2 ช่วงแรก โดยมีธีมหลักคือการชักชวนนักฝันให้มาฝันร่วมกัน และทำความฝันให้เป็นจริง การตีความงานศิลปะจึงเป็นไปในเชิงการมองถึงอนาคต หลายโปรเจกต์เป็นเรื่องของสิ่งแวดล้อม และภาวะโลกร้อน เพื่อแทรกแนวคิดเรื่องความยั่งยืนเข้าไปในกิจกรรม เน้นย้ำความสำคัญของการรักษาโลกใบนี้ให้คนรุ่นหลัง เช่น NEST คณะละครที่เล่าเรื่องภาวะโลกร้อน และภาวะวิกฤตของสภาพอากาศ โดยจัดแสดงละครกลางแจ้งที่ St Aidan’s Nature Park และ This is a FOREST โปรเจกต์ที่รวมนิทรรศการหลากรูปแบบ ทั้งภาพเขียน ประติมากรรม ภาพยนตร์ และศิลปะดิจิทัล จากศิลปินที่มาจากลีดส์ อาร์กติก และป่าแอมะซอน เพื่อเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการอนุรักษ์ธรรมชาติ และการสงวนพื้นที่ป่า และความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และพื้นที่
เดินหน้าเพื่อผลลัพธ์ที่คาดหวัง
จากสถิติที่ผ่านมา ทุกๆ 1 ปอนด์ ที่ลงทุนไปในงานเทศกาล จะสร้างรายได้กลับมา 4 ปอนด์ ในครั้งนี้การตั้งเป้าหมายของลีดส์ท้าทายยิ่งกว่านั้น คือผู้จัดคาดหวังว่าทุกๆ 1 ปอนด์ที่ลงทุนไป จะต้องเกิดรายได้กลับมาอย่างน้อย 8 ปอนด์ ส่วนในเชิงคุณค่าทางสังคมนั้น ทางทีมงานหวังว่า กิจกรรมประเภทเวิร์กชอป การอบรม หรือการบ่มเพาะทักษะ รวมถึงโอกาสในการเป็นอาสาสมัคร จะเปิดโอกาสให้เยาวชนในลีดส์ได้เข้ามามีส่วนร่วมและพัฒนาตนเอง เป็นพื้นฐานการสร้างอุตสาหกรรมที่เข้มแข็งต่อไป
เพราะตั้งเป้าหมายไว้อย่างเป็นรูปธรรมและท้าทาย LEEDS2023 จึงตั้งใจสร้างระบบวัดผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นทั้งในเชิงปริมาณและในเชิงคุณภาพ เก็บข้อมูลทั้งจากผู้เข้าร่วมงาน ศิลปิน ชุมชน และในโลกโซเชียล โดยร่วมมือกับ Centre for Cultural Value และ The Audience Agency เก็บข้อมูล ทำวิจัย วัดผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมทั้งระยะสั้นและระยะยาว ที่มีต่อผู้อยู่อาศัยในเมือง ชุมชน อุตสาหกรรมวัฒนธรรม และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ หลักฐานแห่งความมุ่งมั่นจริงจัง คือการให้ทุนนักศึกษาระดับปริญญาเอก เพื่อทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะ
แม้จะอยู่ในช่วงเก็บข้อมูลให้ครบปี แต่ในระหว่างนี้ ผลลัพธ์เชิงปริมาณ (Data Dashboard) ถูกจัดแสดงอย่างเปิดเผยโดย Open Innovations ในหน้าเว็บไซต์หลักของงาน ข้อมูลที่น่าสนใจในช่วงไตรมาสสุดท้ายระบุว่า
- มีผู้แจ้งความประสงค์จะเป็นอาสาสมัครทั้งสิ้น 1,975 คน และมีอาสาสมัครร่วมงานแล้ว 989 คน
- เกิดกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่จัดโดยพาร์ตเนอร์ 225 งาน
- เกิดกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่จัดโดยภาคเอกชน โดย LEEDS 2023 ช่วยโปรโมตให้ 28 งาน
- แหล่งทุนสนับสนุน 49 แห่ง
- จำนวนนักเรียนในลีดส์ที่มีส่วนร่วมกับกิจกรรม 25,927 คน
- จำนวนบทความหรือข่าวที่กล่าวถึง LEEDS 2023 ทั้งสิ้น 2,647 บทความ
เสียงตอบรับจากศิลปิน และคนในพื้นที่มีหลากหลาย โดยส่วนมากภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ LEEDS 2023 และได้รับการยอมรับ
“ฉันรู้สึกสนุกกับความคิดสร้างสรรค์ในผลงานต่างๆ ที่จัดแสดง ค่อนข้างเซอร์ไพรส์ที่เห็นผลงานของฉันเองขยายขนาดแล้วมาจัดแสดงอยู่ที่นี่ มันให้แรงบันดาลใจในการทำงานศิลปะต่อไป ฉันเชื่อว่าไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกประทับใจแบบนี้” เอลิซาเบธ ซีเนียร์ (Elizabet Senior) ศิลปินที่มาร่วมจัดแสดงผลงานกล่าวไว้
“ฉันอยากจะมอบอะไรบางอย่างและสร้างแรงบันดาลใจให้กับชุมชนที่อบอุ่นของฉัน ทำให้เสียงที่หลากหลายของชุมชนดังขึ้น ได้รับการยอมรับมากขึ้น” เคลลี่ แฮมิลตัน (Kelly Hamilton) หนึ่งในผู้นำชุมชนที่ร่วมจัดงานให้ความคิดเห็น
“การได้มีส่วนร่วมกับกิจกรรมที่สร้างสรรค์แบบนี้ สร้างผลลัพธ์และการเปลี่ยนแปลงให้กับชีวิตของคนในเมืองได้ ฉันรู้สึกตื่นเต้นมาก ที่ได้มีส่วนร่วมกับโปรเจกต์ที่น่าทึ่งแบบนี้” คือเสียงตอบรับของ แคโรลีน นิวซัม (Caroline Newsome) ผู้นำชุมชนที่มาร่วมจัดกิจกรรมอีกคนหนึ่ง
แม้นี่จะเป็นก้าวแรกๆ ของเมืองลีดส์ที่หมายมั่นจะสร้างการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ด้วยการจัดงานเทศกาลทางวัฒนธรรม ข้อมูลที่เก็บได้อาจต้องรอเวลาวิเคราะห์ให้สมบูรณ์ อย่างน้อยผลลัพธ์จากงาน LEEDS 2023 เป็นสิ่งที่องค์กรต่างๆ รอคอย อยากศึกษาและถอดบทเรียน เพื่อเป็นแนวทางในการส่งเสริมการจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมในอนาคตต่อไป
ที่มา
บทความ “LEEDS 2023 Business Plan” จาก leeds2023.co.uk (online)
บทความ “Update on LEEDs 2023 Year of Culture” จาก democracy.leeds.gov.uk (Online)
บทความ “LEEDs 2023” จาก news.leeds.gov.uk (Online)
บทความ “Capturing the value and impacts of a year of culture” จาก culturalvalue.org.uk (Online)
บทความ “I get knocked down: Leeds’ year of culture rises from the ashes of Brexit” จาก theguardian.com (Online)
เว็บไซต์ LEEDS 2023: Years of Culture (Online)
Cover Photo: LEEDS 2023/ JMA Photography