อาคารรูปร่างแปลกตาราวกับป้อมปราการหินโบราณ กลมกลืนคล้ายเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ เรื่องราวและแรงบันดาลใจของมนุษย์ถูกหลอมรวมอยู่ภายใน ประกอบด้วยห้องสมุดที่มีหนังสือกว่า 50,000 เล่ม ห้องโถงที่มีชั้นหนังสือสูงกว่า 8 เมตร นิทรรศการศิลปะจากศิลปินชื่อดัง ทั้งหมดนี้รวมอยู่ในพิพิธภัณฑ์แห่งใหม่ของประเทศญี่ปุ่น
พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมคาโดคาวะ (Kadokawa Culture Museum หรือ Kadokawa Musashino Museum) ตั้งอยู่ที่โครงการ Tokorozawa Sakura complex ในจังหวัดไซตามะ ประเทศญี่ปุ่น เกิดจากความร่วมมือระหว่าง Kadokawa Corporation บริษัทผู้ผลิตมังงะรายใหญ่ และเมืองโทโกโรซาวะ เพื่อให้เป็นสถานที่ที่พาผู้คนย้อนไปสู่จุดที่ความคิดและความเพ้อฝันมาบรรจบกัน
อาคารซึ่งเต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์ ป่าหนังสือ และการจัดแสดงนิทรรศการที่ผนวกเข้ากับเทคโนโลยีล้ำสมัย ได้รับการหลอมรวมและนำเสนอในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เพื่อติดปีกจินตนาการให้กับผู้เยี่ยมชม
สถาปัตยกรรมที่หลอมรวมกับธรรมชาติ
พิพิธภัณฑ์ที่ตั้งตระหง่านอยู่เหนือเนินเขาด้วยรูปลักษณ์แปลกตาดึงดูดผู้พบเห็น เป็นผลงานการออกแบบของเคงโกะ คุมะ (Kengo Kuma) สถาปนิกระดับโลกชาวญี่ปุ่น พื้นผิวด้านนอกของอาคารบุด้วยแผ่นหินแกรนิตสีขาวและสีเทาในรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 50 x 70 เซนติเมตร จำนวน 20,000 แผ่น แผ่นหินทุกแผ่นจะถูกจัดเรียงความสมดุลของสีแต่ละชิ้นบนพื้นโรงงานพร้อมกำหนดหมายเลข ก่อนจะนำไปติดบนอาคารด้วยตาข่ายโครงเหล็ก จัดเรียงเชื่อมกันเป็นแผงทรงสามเหลี่ยมไร้ช่องว่างต่อเนื่องกันไปถึง 61 ด้าน กลายเป็นรูปทรงปริซึมสามเหลี่ยมขนาดใหญ่คล้ายเพชรที่ถูกเจียระไน
อาคารพิพิธภัณฑ์แห่งนี้สะท้อนเอกลักษณ์ในงานออกแบบของเคงโกะ คุมะ อย่างเด่นชัด การให้ความสำคัญกับแก่นแท้ของวัสดุ ความสัมพันธ์ระหว่างมิติและมุมมองของสถาปัตยกรรม ความหลากหลายและความจริงแท้แห่งธรรมชาติกับรูปทรงเรขาคณิต และการทลายกำแพงของอาคารรูปแบบเดิมๆ ที่เต็มไปด้วยประตู หน้าต่าง สู่การหลอมรวมพื้นที่ภายในเพื่อตอบสนองทุกการใช้งาน
ในกระบวนการเริ่มต้นของการออกแบบ คุมะ มักเริ่มต้นด้วยการตรวจสอบสภาพแวดล้อมของพื้นที่ เพื่อรังสรรค์งานสถาปัตยกรรมที่ผสานเข้ากับลักษณะทางวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมอย่างกลมกลืน เช่นเดียวกับที่ปรากฏในพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมคาโดคาวะแห่งนี้ พื้นผิวธรรมชาติของหินให้ความรู้สึกแข็งแกร่ง แต่ได้รับการออกแบบด้วยรูปทรงอิสระ น่าพิศวง ดูโดดเด่นทว่าไม่แปลกแยก ประหนึ่งว่าอาคารหลังนี้คือความยิ่งใหญ่แห่งธรรมชาติที่ผุดขึ้นจากแรงดันของเปลือกโลก
ท่องโลกหนังสือ ปลุกจินตนาการ ติดปีกความฝัน
ภายในพิพิธภัณฑ์ แบ่งพื้นที่ออกเป็น 5 ชั้น ประกอบด้วย ห้องสมุด แกลลอรี พื้นที่นิทรรศการ ห้องบรรยาย ห้องปฏิบัติการ คาเฟ่และร้านอาหาร โดยหลอมรวมเรื่องราวของหนังสือ ศิลปะ เทคโนโลยี ความเชื่อ และวิทยาศาสตร์เข้าไว้ด้วยกัน
พื้นที่ชั้น 1 ผู้เข้าชมจะได้พบกับห้องสมุดมังงะและไลท์โนเวล (Manga and Light Novel Library)1 ซึ่งรวบรวมหนังสือที่จัดพิมพ์โดยบริษัท Kadokawa Corporation มีหนังสือประมาณ 25,000 เล่ม ผู้จัดทำมุ่งหวังให้ห้องสมุดแห่งนี้เป็นศูนย์กลางที่รวบรวมและบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับมังงะและไลท์โนเวลที่ครอบคลุมมากที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น นอกจากนี้บริเวณพื้นที่เชื่อมต่อยังมีส่วนที่เป็นห้องแกลลอรีหลัก ใช้จัดแสดงนิทรรศการศิลปะหมุนเวียนอีกด้วย
พื้นที่ชั้น 2 เป็นส่วนบริการข้อมูลทั่วไป ร้านขายของที่ระลึก และมุมคาเฟ่ พื้นที่ชั้น 3 เป็นโซนพิพิธภัณฑ์ EJ (Entertainment Japan) จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับอนิเมะในรูปแบบที่ไม่เหมือนใคร2 ครอบคลุมไปถึงเรื่องราวของสตูดิโอโปรดักชัน ทีมงาน และนักแสดง ซึ่งไม่เพียงแต่มีไว้สำหรับแฟนคลับหรือผู้หลงใหลในอนิเมะเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ที่ชื่นชอบความบันเทิงในรูปแบบอื่นๆ ด้วย
สำหรับชั้นที่ 4 เป็นที่ตั้งของพื้นที่โรงละครชั้นหนังสือ (Bookshelf Theatre) ถือเป็นไฮไลท์ของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ผนังภายในห้องโถงล้อมรอบด้วยชั้นหนังสือทำจากไม้ธรรมชาติที่มีความสูงกว่าแปดเมตร จากพื้นจรดเพดาน เรียกว่า ‘Hondana Gekijo’ (Library Theatre) มีหนังสือประมาณ 50,000 เล่ม ผู้เข้าชมจะได้รับความรู้สึกพิเศษราวกับถูกห้อมล้อมด้วยป่าหนังสืออันกว้างใหญ่ บางส่วนของชั้นหนังสือที่อยู่สูงขึ้นไปมีทางเดินที่สามารถเดินขึ้นไปเลือกชมและหยิบหนังสือมาอ่านได้
ผนังหนังสือที่ว่านี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของการจัดแสดง โดยใช้เทคนิคที่เรียกว่า Projection mapping ฉายภาพประกอบดนตรีเพื่อเล่าเรื่องราวของหนังสือที่อยู่บนชั้น บนแนวคิดที่ว่า “จะอ่านก่อนแล้วค่อยดู หรือว่าจะดูก่อนแล้วค่อยอ่านก็ได้”
โซนถัดมาที่อยู่ใกล้ๆ กัน คือห้องสมุด EDITTOWN ถูกออกแบบให้เป็น ‘เมืองหนังสือ’ ขนาดย่อม ผู้เข้าชมจะได้สัมผัสความมีชีวิตชีวาและลมหายใจของหนังสือที่คัดเลือกมาอย่างพิถีพิถัน แยกย่อยเป็น 9 หมวดหมู่ จากหนังสือกว่า 25,000 เล่มที่ช่วยเสริมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโลกใบนี้ ผู้เยี่ยมชมสามารถนำหนังสือไปนั่งอ่านที่ไหนก็ได้ภายในพิพิธภัณฑ์
พื้นที่ห้องสมุดทั้งสองส่วนที่ได้กล่าวไปข้างต้นนั้น เชื่อมต่อกันด้วย ‘นิทรรศการตู้แห่งความอยากรู้’ (ARAMATA Wunderkammer) สร้างสรรค์โดย ฮิโรชิ อารามาตะ นักประวัติศาสตร์ธรรมชาติ นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับธรรมชาติ จุดกำเนิดของชีวิต ผสมผสานเข้ากับงานศิลปะ ภาพเคลื่อนไหว และเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อกระตุ้นการรับรู้ทางจินตนาการ
ส่วนสุดท้ายคือชั้น 5 เป็นโซนห้องนิทรรศการ ปัจจุบันจัดแสดงนิทรรศการ Musashino Gallery เล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์และตำนานพื้นที่ราบสูงมุซาชิโนะ อีกส่วนเรียกว่า Musashino Corridor เป็นโถงทางเดินที่ขนาบด้วยชั้นหนังสือ ตัวชั้นทำด้วยไม้จากจังหวัดไซตามะ ระยะห่างของชั้นทั้งแนวตั้งและแนวนอนถูกคำนวณให้เกิดการรับรู้ที่ใกล้เคียงกับจังหวะของธรรมชาติ จัดวางหนังสือที่ได้รับการคัดเลือกอย่างพิถีพิถันจำนวน 250 เล่ม เกี่ยวกับเรื่องราวในอดีตและปัจจุบันของที่ราบสูงแห่งนี้
เปลี่ยนสิ่งที่มองไม่เห็น ให้จับต้องได้
พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมคาโดคาวะ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Cool Japan Forest มีที่มาจากนโยบายของรัฐบาลญี่ปุ่นที่ต้องการสร้างพื้นที่ศูนย์กลางทางวัฒนธรรม Tokorozawa Sakura Town โดยตั้งอยู่ห่างจากใจกลางกรุงโตเกียวประมาณ 30 กิโลเมตร เป็นตัวอย่างการปรับปรุงเมืองที่สร้างขึ้นบนซากปรักหักพังของศูนย์ระบายน้ำทิ้ง ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 40,000 ตารางเมตร นอกจากอาคารพิพิธภัณฑ์แล้ว ยังมีศาลเจ้ารูปทรงเรียบง่ายที่ออกแบบโดย เคงโกะ คุมะ โรงแรมที่ได้รับแรงบันดาลใจจากอนิเมะ ร้านอาหาร ร้านค้า พื้นที่จัดแสดงงาน และมีนิทรรศการกลางแจ้งถาวร TeamLab “Acorn Forest” อยู่ในสวนสาธารณะใกล้เคียง ถือเป็นแหล่งหลอมรวมวัฒนธรรมอันโดดเด่นของญี่ปุ่นทั้งเก่าและใหม่ได้อย่างลงตัว
อาจกล่าวได้ว่าสถานที่แห่งนี้คือพิพิธภัณฑ์ในนิยามใหม่ที่ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นเพียงสถานที่เก็บรักษาวัตถุและบอกเล่าเรื่องราวเท่านั้น แต่เชื้อเชิญให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่แห่งการรับรู้ ผ่านการออกแบบและจัดวางพื้นที่ทั้งภายนอกและภายในอย่างเป็นระบบ ละเอียดลออ หลอมรวมศิลปะและวิทยาการหลากแขนงได้อย่างลงตัว ปลุกความคิดฝันและจินตนาการให้โลดแล่น กระตุ้นแรงบันดาลใจสู่การรังสรรค์สรรพสิ่งให้กลายเป็นจริง ดังคำกล่าวของ ไซโกว มัตสึโอกะ (Seigow Matsuoka) ผู้จัดการพิพิธภัณฑ์ ที่ว่า
“แม้ว่าโลกและญี่ปุ่นในทุกวันนี้กำลังต่อสู้กับผลกระทบจากพลังที่มองไม่เห็น แต่พวกเราทุกคนก็พยายามต่อสู้กลับและสร้างมุมมองของมนุษยชาติในอนาคตขึ้นมาใหม่ ความท้าทายเกิดขึ้นทุกวัน…อารยธรรมและวัฒนธรรมนั้นมีประวัติศาสตร์ของการเปลี่ยนแปลงพลังที่มองไม่เห็นให้เป็นรูปธรรม และสำหรับผู้คนท้องถิ่นและคนทั้งโลก พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมคาโดคาวะซึ่งตั้งอยู่ในมุมเล็กๆ ของเขตฮิกาชิ เมืองโทโคโรซาวะ จะอุทิศตนเพื่อเปลี่ยนสิ่งที่มองไม่เห็นเหล่านั้นให้กลายเป็นสิ่งที่จับต้องได้อย่างสุดความสามารถ”
เชิงอรรถ
[1] มังงะ (manga) คือ หนังสือการ์ตูนเป็นรูปเล่ม ที่มีลักษณะการวาดแบ่งเป็นช่องๆ ลงบนกระดาษ, ไลท์ โนเวล (light novel) คือ นวนิยายที่มีเนื้อหาอ่านเข้าใจง่าย เน้นการสื่อสารด้วยประโยคสนทนา
[2] อนิเมะ (anime) เป็นคำภาษาญี่ปุ่นที่มาจากคำว่า แอนิเมชัน (animation) หมายถึง สื่อที่นำเสนอเนื้อหาภาพเคลื่อนไหว ภาพยนต์การ์ตูนทุกรูปแบบ
ที่มา
Kadokawa Culture Museum.[Online]
Mariko Azuma. Kadokawa Culture Museum: Landmark by Kengo Kuma Offers Limitless Discoveries. [Online]
James Lambiasi. Connection to the Earth: A New Art Space Envisioned by Architect Kengo Kuma. [Online]
Kadokawa Culture Promotion Foundation Japan’s first! The birth of a museum that collects wonder things! Aramata Wonder Hidden Museum.[Online]