ดิสเล็กเซีย (Dyslexia) หรือภาวะผิดปกติด้านการอ่านและการเรียนรู้ มักถูกอธิบายว่าเป็นความบกพร่องของสมองเนื่องจากระบบประสาทเชื่อมต่อกันต่างจากคนทั่วไป ผู้มีอาการนี้เผชิญกับความยากลำบากในการเรียนรู้ โดยเฉพาะการอ่าน การเขียน และการสะกดคำ คุณลักษณะดังกล่าวสามารถสืบทอดทางกรรมพันธุ์ และมีการประเมินว่าประชากรทั่วโลกเป็นดิสเล็กเซียประมาณ 20% โดยไม่จำเพาะประเทศ ภูมิภาค หรือวัฒนธรรมใดเป็นพิเศษ
เมื่อปี 2022 งานวิจัยของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ได้เสนอมุมมองใหม่เกี่ยวกับดิสเล็กเซีย โดยโต้แย้งว่าอาการดังกล่าวไม่ควรถูกมองว่าเป็นความบกพร่อง เพราะพบว่าคนกลุ่มนี้มีความสามารถบางด้านสูงกว่าคนทั่วไป เช่น การคิดค้นสิ่งใหม่ การประดิษฐ์ และความคิดสร้างสรรค์
นี่เป็นครั้งแรกที่มีการนำศาสตร์ด้านวิวัฒนาการของมนุษย์มาใช้ในการวิเคราะห์อาการดิสเล็กเซีย หลายแสนปีที่ผ่านมา สมองของมนุษย์พยายามปรับให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ผู้เป็นดิสเล็กเซียมักมีปัญหาด้านการใช้ประโยชน์จากสิ่งเดิมที่มีอยู่ แต่กลับมีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษด้านการสำรวจสิ่งใหม่ สิ่งนี้คือร่องรอยของการวิวัฒน์เพื่อความอยู่รอด
“โรงเรียน สถาบันการศึกษา และสถานที่ทำงาน ไม่ได้ออกแบบมาให้เอื้อต่อการเรียนรู้แบบเน้นการสำรวจตรวจสอบ (explorative learning) เราจำเป็นต้องหล่อเลี้ยงวิธีคิดนี้อย่างเร่งด่วน เพื่อให้มนุษยชาติสามารถปรับตัวกับความท้าทายต่อไป” นักวิจัยกล่าว
มีการอภิปรายเพิ่มเติมว่า ในอนาคตผู้เป็นดิสเล็กเซียมีแนวโน้มได้เปรียบในโลกแห่งการทำงานซึ่งเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เพราะมีทักษะระดับสูงในด้านที่สังคมกำลังต้องการเพิ่มขึ้น พวกเขามักสนใจอาชีพด้านศิลปะ สถาปัตยกรรม วิศวกรรม และการเป็นผู้ประกอบการ
องค์กรการกุศลด้านการอ่านและเขียนของอังกฤษ ได้รวบรวมรายชื่อบุคคลที่มีความผิดปกติด้านการอ่านทั้งในอดีตและปัจจุบันในศาสตร์สาขาต่างๆ เช่น อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์, เลโอนาร์โด ดา วินชี, ปาโบล ปิกัสโซ, สตีเวน สปีลเบิร์ก และจอห์น เลนนอน รวมทั้งมีการวิเคราะห์ว่า ประธานาธิบดีอเมริกัน 3 คนก็เป็นดิสเล็กเซีย ทั้ง จอห์น เอฟ เคนเนดี, จอร์จ วอชิงตัน และจอร์จ ดับเบิลยู บุช
องค์ความรู้ใหม่ว่าด้วยดิสเล็กเซีย ตอกย้ำความสำคัญของแนวคิดการเรียนรู้ที่เน้นความแตกต่างระหว่างบุคคล ดังคำกล่าวของนักการศึกษา โรเบิร์ต จอห์น มีแฮน ที่ว่า “เด็กทุกคนมีสไตล์และจังหวะการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน แต่ละคนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งความสามารถในการเรียนรู้ และความสามารถในการประสบความสำเร็จ” หากการศึกษากระแสหลักในปัจจุบันไม่สามารถก้าวข้ามรูปแบบเดิมที่มีมาตั้งแต่ยุคอุตสาหกรรม ผู้เป็นดิสเล็กเซียรวมถึงผู้ที่มีความพร่องในการเรียนรู้ด้านอื่นๆ คงขาดโอกาสเติบโตงอกงามอย่างที่ควรจะเป็น และโลกนี้อาจสูญเสียผู้มีความสามารถแอบแฝงไปอีกจำนวนมาก
ที่มา
บทความ “People with dyslexia have ‘enhanced abilities’, according to a new study” จาก weforum.org (Online)
บทความ “Developmental dyslexia essential to human adaptive success, study argues” จาก cam.ac.uk (Online)
บทความ “Learning Styles.docx – Robert John Meehan once said Every…” จาก coursehero.com (Online)