*บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของหนังสือ
ผู้วิจารณ์ยอมรับว่าอ่าน ‘คาธ’ เพราะ ‘ปราปต์’ ไม่เช่นนั้นจะไม่อ่านนิยายวายเป็นอันขาด ไม่ใช่เพราะอคติทางเพศใดๆ แต่เพราะรับรู้มาว่าส่วนใหญ่นวนิยายวายมักจะขาย ‘ความฟินจิกหมอน’ และด้วยชีวิตของผู้วิจารณ์ที่มีเวลาว่างอันจำกัด จึงเลือกเสพวรรณกรรมประเภทที่ตนเองชื่นชอบเป็นหลัก
แต่ ‘ปราปต์’ หรือคุณชัยรัตน์ พิพิธพัฒนาปราปต์ คือนักเขียนรางวัลยอดเยี่ยมนายอินทร์อะวอร์ด ประจำปี 2557 จากเรื่อง ‘กาหลมหรทึก’ หลังจากนั้นเขาก็มีผลงานออกมาอย่างสม่ำเสมอ จากประสบการณ์ของผู้วิจารณ์ ปราปต์ไม่เคยเขียนเรื่องที่ใส ๆ เบาสมองได้จริง ๆ ทุกเรื่องจะต้องมีประเด็นหนัก ๆ ทางสังคมแทรกอยู่ ทำให้ผู้วิจารณ์ตัดสินใจหยิบมาอ่าน แล้วก็ไม่ผิดหวัง
การจะอ่าน ‘คาธ ปี 2’ ให้เข้าใจโดยตลอด ควรจะอ่าน ‘คาธ’ มาก่อน
คาธ ปี 2 กล่าวถึง อักก์ กับ อายัน พระเอกนายเอกที่เมื่อเรียนจบจากศุภพโล แล้วก็ไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยฟ้าฮ่าม ทางภาคเหนือ แม้เรียนที่นี่ แต่บาปในชีวิตของอักก์เมื่อครั้งอยู่ศุภพโลก็ยังตามมาหลอกหลอน จนอักก์กลายเป็นคนที่ไม่มั่นใจในตัวเองเท่าไร ตรงข้ามกับอายัน หนุ่มหัวสมัยใหม่ ที่ไม่ชอบการถูกกดขี่หรือพันธนาการใด ๆ ที่ไม่สมเหตุสมผล แม้กระนั้นชีวิตของทั้งสองต้องเข้าไปเกี่ยวพันกับหนังสั้นที่วสุวัฒน์ชักชวนเพื่อนเก่ามาร่วมสร้าง จนไม่วายไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตการเลือกตั้งนายกองค์การนักศึกษา สุดท้ายวสุวัฒน์ก็ทำภาพยนตร์ได้สำเร็จ คู่รักแต่ละคู่ที่เป็นตัวละครจาก ‘คาธ’ ก็ลงเอยอย่างมีความสุข
อำนาจ
การทุจริตงบประมาณของฟ้าฮ่ามจะถูกเปิดโปงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าใครจะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งนายกองค์การนักศึกษา หากฝ่ายบริหารของมหาวิทยาลัยสามารถควบคุมสภานักศึกษา ก็จะสามารถทุจริตในการใช้งบประมาณของแต่ละโครงการได้ต่อไป ซึ่งพรรคลูกพ่อปัน เป็นพรรคที่ได้รับเลือกตั้งมาโดยตลอด ในการเลือกตั้งหนนี้ ฝ่ายบริหารย่อมอยากให้พรรคลูกพ่อปันชนะเลือกตั้ง
อีกสาเหตุที่คนในมหาวิทยาลัยอยากเลือกพรรคอื่นๆ เพราะการกระจายความเจริญมีไม่เท่ากันทุกวิทยาเขต ความเจริญมีแต่ฝั่งคณะทางสายวิทย์ ส่วนวิทยาเขตอื่น ๆ ได้รับงบประมาณจำกัด
‘แต่รถเมล์ในแคมปัสตัวเองยังไม่มี น้ำประปาก็เป็นสีโคลนจ้า’ (น. 232)
“…บอกให้เราคุยผ่านองค์การนักศึกษา แต่พอเดินทางนั้น องค์การนักศึกษาก็เรื่องไปดอง ถามความคืบหน้าเท่าไหร่ไม่เคยอัปเดต พอนัดคนชุมนุม ฝ่ายบริหารก็ป้ายสีว่าเราก้าวร้าว ไม่อยู่ในโอวาท” (น. 233)
ทำให้หลาย ๆ คนสนใจที่จะเลือกพรรควิวัฒน์ฟ้า ซึ่งเป็นพรรคที่ มีมี่ สาวข้ามเพศ เป็นหัวหน้าพรรค โดยคาดหวังว่าฟ้าฮ่ามจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นเมื่อเธอเข้ามาบริหาร
และแล้วกลโกงการทุจริตก็ถูกเปิดโปงได้ด้วยข้อมูลจากแม่ของวสุวัฒน์ จนสาวถึงตัวผู้บริหารซึ่งเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังได้ในที่สุด ทำให้ฟ้าฮ่ามได้ผู้บริหารชุดใหม่ที่ไม่โกงกิน

สิทธิ
ถั่วพูเป็นเพื่อนของอักก์และอายัน เขาเป็นเด็กเรียนที่มีจิตใจรักความยุติธรรม เขาเป็นคนรักของครรลอง อันที่จริงครรลองไม่อยากให้ถั่วพูเข้าไปเคลื่อนไหวหรือเกี่ยวข้องใด ๆ กับการเมือง แต่ถั่วพูไม่ใช่คนแบบนั้น
แม้เขาจะฝักใฝ่การเมือง แต่ไม่เคยขอร้องให้คนรักทำแบบเดียวกัน เขาเชื่อว่าทุกคนควรมีสิทธิเลือกด้วยตนเอง
“ก็เพื่อมึง มัน (ครรลอง) ถึงกับตามมาเรียนอะไรที่ไม่ได้อยาก ต้องทำอะไรตั้งหลายอย่างที่ไม่ได้ชอบ”
“แต่เราก็ไม่ได้ขอให้มันมาช่วย แล้วก็ไม่เคยขอให้มันต้องทำเรื่องพวกนั้น”
มัน (ถั่วพู) พูดสวนขึ้นอย่างร้อนรนผิดเคย “เราบอกตลอดให้มันทำตามที่ตัวเองพอใจ ทุกคนย่อมมีสิทธิ์เลือกทางเดินของตัวเองอยู่แล้ว” (น. 245)
อีกสิทธิหนึ่งเป็นของอักก์กับอายัน อักก์เป็นคนขี้กลัว และเชื่อในอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น เชื่อว่าการที่เกิดเรื่องร้ายแรง เป็นเพราะคนรักทำพฤติกรรมไม่เรียบร้อยในพิธีไหว้พ่อปัน ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัย สุดท้ายอายันเข้าใจและให้สิทธินั้นแก่คนรักในการตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิตของตนเอง
“…กูไม่อยากไปยุ่งกับอำนาจหรือผลประโยชน์ของใครอีกแล้ว กูรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเบี้ยให้ใครจับเดิน…”
“มึงไม่ต้องพยายามทำอะไรที่มึงไม่ชอบอีก อย่าปล่อยให้เงาของใคร หรือของอะไร กดทับชีวิตของมึงอีกนะ แม้แต่กู” (น. 373)
ความหลากหลาย
การเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัย ทำให้ตัวละครต่างๆ ได้พบเจอคนที่แตกต่างจากสมัยที่เรียนมัธยม เช่น ตัวละครบางตัวที่มีภูมิลำเนาอยู่ทางภาคเหนืออยู่แล้ว สาวทอมบอยอย่าง บุญ ที่น่าจะมีพื้นเพจากทางภาคอีสาน สาวข้ามเพศอย่าง มีมี่ ที่ลักษณะทางกายภาพเหมือนผู้หญิง แต่ว่าไว้หนวด รวมถึง ทัฬห์ รุ่นพี่เฮดว้ากจากคณะของอักก์ที่ดูเป็นผู้ชายดุ ๆ ที่จริงเขาก็มีความรู้สึกดี ๆ กับอักก์ แต่ตอนหลังไปหลงรักจำนรรจ์ บุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ ซึ่งเป็นรุ่นน้องของอักก์ที่ศุภพโล
ตัวละครหลักเป็นตัวละครชุดเดิมที่ปราปต์ ‘แบก’ มาตั้งแต่ซีซันแรก ทำให้ผู้วิจารณ์รู้สึกขัดใจที่นักเรียนจากโรงเรียนศุภพโล ที่อยู่ภาคตะวันออก ยกโขยงกันไปเรียนต่อที่ภาคเหนือด้วยกัน ไม่เพียงเท่านั้น กลุ่มจำนรรจ์ซึ่งเป็นรุ่นน้อง และเป็นไม้เบื่อไม้เมากับครรลอง ก็ยังอุตส่าห์ตามไปเรียนที่ฟ้าฮ่ามด้วย (ถ้าไปเข้ามหาวิทยาลัยที่อยู่ภาคตะวันออกด้วยกัน มันก็จะดูสมเหตุสมผลขึ้นอีกนิด) หรือตอนที่ทัฬห์คุยเรื่องพระรถกับอักก์ แต่อายันไม่เข้าใจ ทั้งที่เคยเรียนที่เดียวกับทัฬห์
ถ้าไม่คำนึงถึงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ และคิดว่านิยายวายคือนิยายที่สร้างความบันเทิงให้ผู้มีวุฒิภาวะ ไม่ใช่หนังสือสอนศีลธรรม การอ่านก็จะสนุกและพอจะ ‘ฟินจิกหมอน’ ไปด้วยได้ แม้บางช่วงอาจจะจิกแรงจนหมอนทะลุไปบ้างก็ตาม
‘คาธ ปี 2’ เป็นนวนิยายที่ครบรส มีหลายมิติ ทั้งการต่อสู้เพื่อตนเองและส่วนรวม ตัวละครแต่ละตัวมีปม มีเรื่องราวที่ต้องหลบซ่อน มีอุปสรรคที่ตนเองต้องก้าวข้ามแตกต่างกัน แม้ว่าสารของผู้เขียน ต้องการให้เรากล้าเรียกร้องในสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งผู้วิจารณ์เห็นด้วย แต่ผู้วิจารณ์เห็นว่าการกล้าเรียกร้องนั้นควรมีขอบเขตและการดำเนินการที่เหมาะสมเป็นลำดับขั้นไป ทุกการเปลี่ยนแปลงล้วนต้องอาศัยเวลา ถ้าไม่คิดถึงเรื่องเล็ก ๆ เหล่านี้ ‘คาธ ปี 2’ เป็นนวนิยายเรื่องเยี่ยม ที่โดดเด่นทั้งโครงเรื่องและตัวละคร เหมาะแก่การอ่านเล่มหนึ่ง