ดาดฟ้าตึกยามดึกเงียบเชียบ ถึงจะอยู่ท่ามกลางเมืองใหญ่ ไม่สิ ที่ถูกต้องเรียกว่าซากปรักหักพังที่ยังหลงเหลือของมหานคร อาคารส่วนใหญ่เป็นอาคารร้าง แสงไฟวับแวมเป็นบางแห่ง ไม่เจิดจ้าดั่งที่มหานครเอกของโลกควรจะเป็น
เมื่อความศิวิไลซ์ลดลง คุณอาจคาดหวังว่าจะได้พบความสงบ แต่คุณก็ผิดหวัง ความสงบกับความเงียบสงัดไร้ชีวิตนั้นต่างกัน เพราะคุณไม่ได้ยินเสียงใดๆ ที่ธรรมชาติควรจะมอบให้ แม้แต่เสียงแมลงกลางคืนสักตัวก็ไม่มีให้ได้ยิน
ในเมืองที่ไร้แสงไฟ ดาราจักรทางช้างเผือกพาดผ่านฟากฟ้า แสงดาวนับล้านหยาดหยดสู่ผืนโลก ไม่มีเลย ไม่มีดาวสักดวง คุณผิดหวังอีกครั้ง ท้องฟ้ามืดหม่นถูกปกคลุมด้วยม่านฝุ่น อย่าว่าแต่กลางคืนเลย ขนาดตอนกลางวันแสงอาทิตย์ยังต้องใช้ความพยายามกว่าจะสาดแสงเพื่อบอกเวลารุ่งอรุณ
คุณเดินกลับเข้าห้องด้วยอารมณ์หม่นหมอง (ดีใจด้วยที่คุณยังมีอารมณ์) ถึงจะอยู่มานาน คุณกลับไม่เคยคุ้นชินกับโลกที่ไร้ชีวิตนี้เลย ซ้ำยังฝันถึงหน้าตาของโลกในอดีตและคาดคะเนไปต่างๆ นานา แต่ก่อนที่อารมณ์ของคุณจะดิ่งจมไปมากกว่านี้ คุณตัดสินใจนั่งที่โซฟาแล้วสวมกล่องร่วมรู้สึกครอบศีรษะ ปรับคันโยกให้ได้อารมณ์ดีๆ แบบที่คุณต้องการ ไม่ก็แบ่งปันความหม่นหมองร่วมกับผู้อื่น
นั่นคือสภาพของโลกหลังสงครามเทอร์มินัส โลกที่ย่อยยับลึกถึงอารมณ์ของมนุษย์ ฝุ่นกัมมันตรังสีแผ่คลุมทั่วโลก มนุษย์ส่วนใหญ่อพยพไปอาศัย ณ อาณานิคมบนดาวดวงอื่น เหลือเพียงส่วนน้อยที่ปักหลักอยู่บนโลกด้วยเหตุจำเป็นแตกต่างกันไป สัตว์แทบทุกชนิดอยู่ในสถานะสูญพันธุ์หรือใกล้สูญพันธุ์ แม้แต่แมงมุมก็ยังมีราคาค่างวด การมีสัตว์เลี้ยงที่เป็นสัตว์จริงๆ มีเลือดเนื้อ ไม่ใช่สัตว์ไฟฟ้านับเป็นอภิสิทธิ์และหน้าตา
มนุษย์ถูกแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก กลุ่มแรกคือมนุษย์ทั่วไป กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มที่มีระดับสติปัญญาต่ำกว่าอันเป็นผลจากฝุ่นกัมมันตรังสี กลุ่มหลังนี้ถูกเรียกว่า ‘พวกสมองฝ่อ’ ทำอาชีพใดๆ ก็ตามที่มนุษย์กลุ่มแรกมองว่าน่ารังเกียจและสกปรก
ยังมีอีก ‘สิ่ง’ หนึ่งที่อาศัยปะปนกับมนุษย์ พวกมันคือหุ่นยนต์แอนดรอยด์ สำหรับประเภทที่มีเจ้าของและยังทำงานต่างๆ อยู่ แอนดรอยด์กลุ่มนี้สามารถอยู่รอดปลอดภัยได้ ตราบที่ไม่กระทำตนเทียบเทียมมนุษย์ ส่วนแอนดรอยด์ที่พยายามปิดบังตัวตน ใช้ชีวิตเฉกเช่นมนุษย์ และอยู่เหนือพันธนาการระหว่างนาย-บ่าว แอนดรอยด์กลุ่มนี้จะถูก ‘ปลดเกษียณ’ หรือ ‘ทำลาย’ หรือ ‘ฆ่า’ (ถ้าเราจะใช้คำนี้ได้กับสิ่งที่ไม่มีชีวิต) โดยนักล่าค่าหัว

มันคือโลกอนาคตในจินตนาการของฟิลิป เค. ดิก (Philip K. Dick) ที่บอกเล่าผ่าน ‘หรือสักวันแอนดรอยด์จะฝันถึงแกะไฟฟ้า’ หรือ ‘Do Androids Dream of Electric Sheep?’ หรือ ‘DADOES?’ โลกดิสโทเปียหลังมนุษย์ทำลายล้างกันจนย่อยยับ นวนิยายที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับภาพยนตร์เรื่อง Blade Runner
ตัวละครหลักคือ ริค เดคคาร์ด นักล่าค่าหัวที่หมกมุ่นกับการอยากมีสัตว์เลี้ยงที่มีชีวิตจริงๆ เหมือนเพื่อนบ้าน ไม่ใช่แกะไฟฟ้าอย่างที่เป็นอยู่ วันหนึ่งเขาได้รับสายจากหัวหน้าสถานีตำรวจที่เขาสังกัดให้ ‘ปลดเกษียณ’ แอนดรอยด์ 6 ตนที่หลบหนีมายังโลก โดยแอนดรอยด์ 1 ตนมีมูลค่าเท่ากับเงิน 1,000 ดอลลาร์ มันเป็นเงินมากพอที่เขาจะใช้ซื้อสัตว์เลี้ยงสักตัว
ไม่ใช่งานกำจัดแอนดรอยด์งานแรกของริค แต่เป็นงานแรกที่ส่งผลต่อก้นบึ้งจิตใจ เรเชล แอนดรอยด์จากเทคโนโลยีเน็คซัส 6 ที่มีเสน่ห์ดึงดูดของสมาพันธ์โรเซนเกือบจะหลุดรอดแบบทดสอบที่ใช้แยกแยะมนุษย์กับแอนดรอยด์ไปได้ ลูบา ลูฟต์ แอนดรอยด์ผู้ปะปนในหมู่มนุษย์ด้วยบทบาทของนักร้องโอเปรา เธอขับขาน เดอะ เมจิก ฟลุต ของโมสาร์ท ได้ทรงพลังและงดงาม ริคทึ่งกับพลังของเทคโนโลยีที่สามารถประดิษฐ์สิ่งไร้ชีวิตให้สร้างสรรค์งานศิลปะของมนุษย์ได้สูงส่งถึงเพียงนี้
ความเป็นเรเชล และความสามารถของลูบา ลูฟต์ ทำให้ริคคลางแคลงใจต่อสิ่งที่เรียกว่า ‘ชีวิต’ ความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับแอนดรอยด์ที่ริคขีดเส้นแบ่งไว้ชัดเจนมาตลอดอาชีพเริ่มพร่าเลือนและคลุมเครือ เรื่องราวดำเนินไปถึงขั้นที่ทำให้ริครู้สึกสั่นคลอนต่อความมีอยู่ของตน เกิดคำถามต่อตนเองว่า ฉันเป็นใคร หรือ ฉันเป็นตัวอะไรกันแน่
อีกด้านหนึ่งของเรื่องราว พวกสมองฝ่ออย่าง จอห์น อิซิดอร์ กลับไม่สงสัยต่อการมีอยู่ของตนและโอบรับทุกความเป็นไปได้ที่ ‘ชีวิต’ มอบให้ มนุษย์ทั่วไปเลือกหันหลังและทำประหนึ่งเขาไม่มีตัวตนอยู่ แต่แอนดรอยด์ 3 ตนที่กำลังหนีเอาชีวิตรอดมองเห็นอิซิดอร์
อิซิดอร์มองแอนดรอยด์ในฐานะเพื่อนที่เข้ามาทำให้ชีวิตของเขาโดดเดี่ยวน้อยลง ขณะที่แอนดรอยด์มองอิซิดอร์เป็นพวกสมองฝ่อที่มีไว้หลอกใช้แรงงาน ซึ่งอิซิดอร์ก็อนุญาตให้ตนโดนหลอก เพราะอย่างน้อยความสัมพันธ์ระหว่างกันมิใช่หรือที่ช่วยทำให้เราเป็นมนุษย์ อิซิดอร์มองไม่เห็นความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับแอนดรอยด์
อิซิดอร์ไม่แบ่งแยกชีวิตกับไร้ชีวิตจากกลไก ฟันเฟือง หรือแหล่งกำเนิดพลังงาน อิซิดอร์มีคุณสมบัติที่ริคและแอนดรอยด์ไม่มี เขามีความรู้สึกร่วมต่อความเจ็บปวด มีความเห็นอกเห็นใจ มีความเศร้าต่อสิ่งมีชีวิตด้วยกันโดยไม่ต้องพึ่งพากล่องร่วมรู้สึก
เพราะอิซิดอร์เป็นพวกสมองฝ่ออย่างนั้นหรือ?
เรื่องราวนำพาให้ริคและเรเชลร่วมรักกัน ใช่! มนุษย์ร่วมรักกับแอนดรอยด์ ซึ่งเมื่อไปถึงขั้นนี้ริคย่อมไม่อาจปิดกั้นการร่วมรู้สึกได้
คุณต้องเข้าใจว่าโลกหลังสงครามเทอร์มินัส ศาสนาดั้งเดิมต่างๆ ถูกทำลายลงสิ้น เหลือเพียงศาสนาเมอร์เซอร์ที่เหล่าสาวกผู้ศรัทธาจะร่วมพิธีกรรมและร่วมรำลึกถึงเมอร์เซอร์ได้ จำเป็นต้องอาศัยกล่องร่วมรู้สึกที่สร้างโลกเสมือนจริงขึ้นมาเท่านั้น คุณจะรู้สึกได้ถึงความยากลำบากหรือแม้แต่ความเจ็บปวดฟกช้ำของเมอร์เซอร์ในการเดินทางขึ้นไปยังยอดเนิน แต่ไม่เคยมีคำตอบว่าบนยอดเนินแห่งนั้นมีอะไร ทำไมเมอร์เซอร์ต้องพยายามขึ้นไปที่นั่น น่าแปลกว่าเหล่าสาวกก็ไม่เคยสงสัย ขอเพียงใช้กล่องร่วมรู้สึกเพื่อเป็นส่วนหนึ่งกับเมอร์เซอร์ในบางครั้งก็เพียงพอ
นอกเหนือจากนั้น คุณจะปล่อยให้ตัวเองรื่นเริง เปี่ยมหวัง หรือกระทั่งซึมเศร้า ก็แล้วแต่คุณจะปรับคันโยกตามที่ใจ (?) ปรารถนา
ริค เดคคาร์ด นักล่าค่าหัวเจนประสบการณ์รู้สึกลังเล เขาไม่เคยเกิดคำถามต่องานเช่นครั้งนี้ เขาถึงกับบอกภรรยาว่าเขาอยากเลิก การกำจัดแอนดรอยด์ 6 ตนนี้จะเป็นงานสุดท้ายของเขา อย่างน้อยเขาก็มีเงินพอซื้อสัตว์เลี้ยงสักตัวแล้วค่อยทยอยหาเงินมาผ่อนทีหลัง
ฟิลิป เค. ดิก ชวนตั้งคำถามต่อชีวิตและคุณสมบัติที่ชีวิตควรมี ประชดประชันอย่างร้ายกาจต่อความเป็นมนุษย์ที่เชื่อว่าตนเหนือกว่าชีวิตอื่นหรือสิ่งอื่น ทั้งที่เพิ่งทำลายโลกไปหมาดๆ ใช้ตัวละครอย่างพวกสมองฝ่อเป็นภาพเปรียบเทียบที่ทำให้พวกสมองดีดูไม่ต่างจากแอนดรอยด์
เอาเข้าจริงแล้ว เราก็ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าริค เดคคาร์ดเป็นแอนดรอยด์หรือเปล่า ริค เดคคาร์ดเองก็ไม่มั่นใจในตัวเองว่าชีวิตที่ผ่านมาทั้งหมดของตนเป็นเพียงความทรงจำเทียมที่ถูกสร้างขึ้นหรือไม่ ความเป็นมนุษย์ของตัวละครหลักที่ควรเป็นมนุษย์ที่สุดกลับอยู่ในสถานะคลุมเครือเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเรื่องราวดำเนินไป ขณะที่ความเป็นแอนดรอยด์เริ่มจากไม่แน่ใจกลับกลายเป็นชัดเจนขึ้นทุกขณะ
ส่วนพวกสมองฝ่อคือพวกเดียวที่ไม่เคยสงสัยหรือถูกสงสัยว่า ‘ฉันเป็นใคร’
ฟิลิป เค. ดิก ชี้ให้เห็นว่าสติปัญญาหาใช่สิ่งเดียวที่บ่งชี้ความเป็นมนุษย์ หากยังต้องประกอบสร้างขึ้นจากอารมณ์ ความรู้สึก ความผูกพัน การปฏิสัมพันธ์ร่วมกันกับชีวิตอื่นๆ และสิ่งอื่นๆ ซึ่งมนุษย์สมองดีหลังยุคสงครามเทอร์มินัสต่างโหยหาสิ่งเหล่านี้ โหยหาการสัมผัสชีวิตอื่นๆ แต่ไร้ศักยภาพจะทำได้ทั้งที่มัน ‘เคย’ เป็นเรื่องธรรมดาๆ ของมนุษย์
ส่วนคำถามที่ว่า ‘หรือว่าสักวันแอนดรอยด์จะฝันถึงแกะไฟฟ้า?’ ฟิลิป เค. ดิก ไม่ได้ทิ้งคำตอบใดๆ ไว้ให้เราเลย
‘หรือว่าสักวันมนุษย์จะไม่ฝันอีกเลย?’ กลับเป็นคำถามที่มีความเป็นไปได้มากกว่า