พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เมืองอุตสาหกรรมดาร์บี สืบสานสายพันธุ์นักสร้างสรรค์รุ่นใหม่

337 views
6 mins
May 29, 2024

           การปฏิวัติอุตสาหกรรมในศตวรรษที่ 18 เริ่มต้นขึ้นที่อุตสาหกรรมสิ่งทอในประเทศอังกฤษ ดาร์บีก็เป็นหนึ่งในเมืองอุตสาหกรรมที่ปรากฏร่องรอยความรุ่งโรจน์ของย่านการผลิตขนาดใหญ่ และในปัจจุบันก็ยังเป็นเมืองที่ให้ความสำคัญกับนวัตกรรม และเป็นที่ตั้งของบริษัทยักษ์ใหญ่ เช่น โรลส์-รอยซ์ โตโยต้า และบอมบาร์เดียร์ ไม่น่าแปลกใจที่แหล่งเรียนรู้หลายแห่งในเมืองดาร์บี จะพยายามเชื่อมโยงความสำคัญของมรดกวัฒนธรรมในพื้นที่กับกิจกรรมการเรียนรู้ร่วมสมัย ออกแบบการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับบริบทของเมืองไปพร้อมกับกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ของผู้ชม

           แหล่งเรียนรู้สำคัญ 3 แห่งในเมืองดาร์บี คือ Museum of Making, Museum and Art Gallery และ Pickford’s House ภายใต้การดูแลของ ‘Derby Museums’ แต่ละแห่งมีรูปแบบการจัดแสดงที่กระตุ้นจินตนาการ และกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย ทั้งเวิร์กชอป พื้นที่เมกเกอร์ กิจกรรมสำหรับอาสาสมัคร ไปจนถึงแหล่งข้อมูลออนไลน์ สมกับพันธกิจองค์กรที่ไม่ได้เพียงสะท้อนภาพอดีต แต่มุ่งสร้างสรรค์กิจกรรมการเรียนรู้สำหรับนักคิด (Thinker) และ นักลงมือทำ (Maker) ในเมืองดาร์บี เพื่อให้มีโอกาสเรียนรู้ ก้าวทันโลก และพัฒนาทักษะที่พร้อมสร้างประโยชน์ให้กับชุมชนในปัจจุบันและอนาคต

ทรัพยากรการเรียนรู้แห่งดาร์บี: มรดกวัฒนธรรมย่านอุตสาหกรรมเก่า

           เมืองดาร์บี ตั้งอยู่ในหุบเขาเดอร์เวนท์ (Derwent Valley) ซึ่งโอบล้อมไปด้วยภูเขาหิน มีแม่น้ำสายใหญ่ไหลผ่าน พื้นที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพันธุ์ตามธรรมชาติ มีหมู่บ้าน เมืองเล็กๆ และยังเป็นที่ตั้งของแหล่งมรดกโลก Derwent Valley Mills อันประกอบไปด้วยโรงงานทอผ้าในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมหลายแห่ง รวมถึงภูมิทัศน์โดยรอบที่โยงใยสัมพันธ์กัน ทั้งหมู่บ้าน แม่น้ำลำคลอง ร้านค้า โบสถ์ กังหันน้ำที่เป็นแหล่งพลังงานสำคัญของโรงงานทอผ้าในยุคก่อน บ้านของคหบดีในอดีต หอศิลป์ พิพิธภัณฑ์ ฯลฯ ทั้งหมดนี้ล้วนสะท้อนถึงวิถีชีวิตของผู้คนในช่วงศตวรรษที่ 18 และ 19 ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการผลิต ไปจนถึงการพัฒนาเมืองอันเป็นผลที่ได้จากความรุ่งโรจน์ของธุรกิจการค้าตั้งแต่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมจนถึงปัจจุบัน

แหล่งมรดกโลก Derwent Valley Mills

           Derby Museums เป็นองค์กรที่ทำหน้าที่บริหารจัดการแหล่งเรียนรู้ที่สะท้อนอัตลักษณ์สำคัญของเมือง กล่าวคือเรื่องราวของอุตสาหกรรมและการประดิษฐ์คิดค้นในเมืองดาร์บี ดำเนินการด้วยการสนับสนุนจากแหล่งทุนหลายแห่ง ทั้งหน่วยงานระดับชาติ เช่น Arts Council England และ National Lottery Heritage Fund รวมถึงแหล่งทุนภายในพื้นที่ โดยมีเป้าหมายคือกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ และการทดลองลงมือทำ ตอบโจทย์การพัฒนาทักษะในศตวรรษที่ 21 การจัดการการเรียนรู้ของพิพิธภัณฑ์ทั้ง 3 แห่งของ Derby Museums มีจุดเด่นคือ

           หนึ่ง – นำเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับมรดกวัฒนธรรมของพื้นที่มาออกแบบกิจกรรมต่างๆ Derby Museums มีทรัพยากรที่สำคัญอยู่ในมือหลายแห่ง ทั้งอาคาร Derby Silk Mill โรงงานผลิตผ้าไหมที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่แห่งแรกๆ ของโลก คอลเลกชันภาพวาดของโจเซฟ ไรท์ (Joseph Wright) ศิลปินชื่อดังในศตวรรษที่ 18 ซึ่งถือเป็นเพชรน้ำงามของอังกฤษ และยังมีบ้านของสถาปนิกเลื่องชื่อแบบ โจเซฟ พิคฟอร์ด (Joseph Pickford) จึงสามารถนำเสนอมุมมองที่ครอบคลุมสภาพสังคมดาร์บีในอดีตได้อย่างครบถ้วนไม่ว่าจะด้านเศรษฐกิจหรือวัฒนธรรม

           สอง – ออกแบบการเรียนรู้ที่ปลุกเร้าความคิดสร้างสรรค์ การคิดเชิงวิพากษ์ และความสงสัยใคร่รู้ ด้วยการก่อตั้ง Institute of STEAM ที่ส่งเสริมการเรียนรู้แบบสหวิทยาการ กลวิธีที่ใช้ในการออกแบบกิจกรรมสำหรับเด็กๆ คือ Head, Hands and Hearts คือฝึกทั้งกระบวนการคิด ทักษะทางกาย และความเข้าอกเข้าใจผู้อื่น นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่สมาชิกในครอบครัวสามารถร่วมสนุกและเรียนรู้ไปด้วยกันได้ การันตีด้วยการขึ้นทะเบียน Family Arts Standards มาตรฐานระดับชาติที่กำหนดทิศทางและลักษณะกิจกรรมในแหล่งเรียนรู้ต่างๆ เช่น พิพิธภัณฑ์ ห้องสมุด แหล่งมรดกวัฒนธรรม ให้เหมาะสมกับการใช้เวลาว่างของครอบครัว

           สาม – หนึ่งในกิจกรรมการเรียนรู้ที่สำคัญคือ การส่งเสริมให้สถาบันศึกษาเข้ามาศึกษาดูงานในพิพิธภัณฑ์ทั้ง 3 แห่ง ที่เปิดให้เข้าชมแบบไม่คิดค่าใช้จ่าย และมีกิจกรรมพิเศษราคาย่อมเยาที่สถาบันศึกษาสามารถจองล่วงหน้าได้ มีการระบุระดับความยากง่ายที่ชัดเจน  เช่น ที่ Museum of Making มีกิจกรรม Working and Weaving – A Child’s Life at The Mill ที่พาผู้ชมรุ่นเยาว์สำรวจชีวิตของเด็กๆ ที่ทำงานในโรงงานผลิตผ้าไหมในอดีต ตลอดจนกิจกรรมทดลองลงมือทอผ้า หรือ Roman Derby กิจกรรมที่ไกด์นำชมจะแต่งตัวในชุดทหารโรมันและพานักเรียนเดินสำรวจโบราณวัตถุใน Museum and Art Gallery บอกเล่าเรื่องราวชีวิตของตนในฐานะพลทหารที่อาศัยอยู่ในค่าย ปิดท้ายด้วยการชวนให้มาลงมือทำ Derbyshire Ware เครื่องปั้นดินเผาในยุคโรมันเป็นของที่ระลึกติดมือกลับบ้าน

           สี่ – Derby Museums ออกแบบนิทรรศการและกิจกรรมการเรียนรู้ต่างๆ ร่วมกับชุมชนท้องถิ่นในดาร์บี ทำให้ประชาชนในเมืองรู้สึกมีส่วนร่วมและมีความเป็นเจ้าของ โดยมีการนำประเด็นทางสังคม วัฒนธรรมร่วมสมัยมาร่วมถ่ายทอดในการจัดแสดง เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมรับรู้และเรียนรู้ไปด้วยกัน

           ห้า – Derby Museums มีแหล่งเรียนรู้ออนไลน์ Derby Museums from Home ซึ่งประกอบด้วยรายละเอียดและ virtual tour ของนิทรรศการ แกลเลอรี หรือห้องจัดแสดงต่างๆ โดยละเอียด พร้อมทั้งชุดวิดีโอให้ความรู้ วิดีโอสาธิตกิจกรรมสันทนาการ เวิร์กชอปต่างๆ ที่ผู้ชมทางบ้านสามารถเรียนรู้และทดลองลงมือทำตาม

Museum of Making: ภาพสะท้อนนวัตกรรมแห่งเมืองดาร์บี

           เหตุผลหลักในการบูรณะโรงงานผลิตผ้าไหมเก่าแก่ Derby Silk Mill ให้กลายเป็น ‘Museum of Making’ คือ ส่งต่อแรงบันดาลใจในฐานะเมืองแห่งการผลิตและสร้างสรรค์ อีกทั้งยกระดับผู้ประกอบการในท้องถิ่นให้มีศักยภาพ Museum of Making บอกเล่าเส้นทางนวัตกรรมของเมืองดาร์บีตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันผ่านวัตถุกว่า 30,000 ชิ้น ซึ่งล้วนแล้วแต่ถูกผลิตขึ้นในเมืองดาร์บี

           เมื่อผู้เยี่ยมชมเดินเข้าสู่ห้องโถงจะพบกับโครงรถยนต์โตโยต้า โคโรลล่า แขวนอยู่เหนือทางเข้า ไฮไลต์ที่สร้างความตื่นเต้นให้กับหลายคนก็คือ เครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ เทรนต์ 1000 ซึ่งเป็นชิ้นส่วนของเครื่องบินโบอิง 787 นอกจากนี้ในห้องจัดแสดงยังมีกล้องโกดักยุคโบราณ หัวรถจักร กังหันน้ำ ไปจนถึงของใช้เล็กๆ น้อยๆ ที่อยู่ในวิถีชีวิตประจำวัน เช่น โทรศัพท์ ช้อน กางเกงรัดรูป ฯลฯ

           ห้องจัดแสดงแบ่งออกเป็นหลายส่วน ทั้งนิทรรศการที่เล่าความเป็นมาของอุตสาหกรรมในพื้นที่ ประวัติและเครื่องจักรของโรงทอผ้าไหมซึ่งเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ความสำคัญของรถไฟ และห้องจัดแสดงที่แปลกใหม่ ไม่เหมือนนิทรรศการโดยทั่วไป เรียกว่า ‘The Assemblage’ ซึ่งรวมวัตถุจัดแสดงจำนวนมาก จนดูเหมือนโกดังเก็บสิ่งของเสียมากกว่า

Derby Museums สานต่อจิตวิญญาณเมืองอุตสาหกรรมเก่า สู่เมืองนวัตกรรมแห่งอนาคต

           ในห้อง ‘The Assemblage’ วัตถุหลายประเภทถูกจัดแสดงไว้รวมกัน แต่นั่นก็ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับผู้เยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์มีบริการที่เรียกว่า ‘Trailmaker’ ให้แต่ละคนเลือกชมคอลเลกชันต่างๆ ตามความสนใจ มีหลากหลายหัวข้อที่ภัณฑารักษ์เตรียมไว้ให้ เช่น จักรวรรดินิยม โลกาภิวัตน์ การพิมพ์ การขนส่ง สัตว์โลก ฯลฯ หากยังไม่โดนใจ ผู้เยี่ยมชมสามารถพิมพ์คำสำคัญเพื่อออกแบบเส้นทางใหม่ๆ ของตัวเองได้ จากนั้นกระดาษซึ่งระบุรายการวัตถุที่เกี่ยวข้อง เลขทะเบียน และชั้นวาง จะถูกพิมพ์ออกมา ราวกับเป็นลายแทงสมบัติที่รอใครสักคนหนึ่งไปค้นพบ

Derby Museums สานต่อจิตวิญญาณเมืองอุตสาหกรรมเก่า สู่เมืองนวัตกรรมแห่งอนาคต
Photo: Chris Seddon Photography/ Derby Museums
Derby Museums สานต่อจิตวิญญาณเมืองอุตสาหกรรมเก่า สู่เมืองนวัตกรรมแห่งอนาคต
Photo: Speller Metcalf/ Derby Museums
Derby Museums สานต่อจิตวิญญาณเมืองอุตสาหกรรมเก่า สู่เมืองนวัตกรรมแห่งอนาคต
Photo: Derby Museums

           จุดเด่นอีกประการหนึ่งของ Museum of Making คือการสนับสนุนการเรียนรู้ด้วยการลงมือประดิษฐ์คิดค้น ภายในมีพื้นที่ DIY ที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ทำงาน ทั้งเลื่อย เครื่องตัดเลเซอร์ เครื่องกัด เครื่องกลึง ฯลฯ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ผู้มากความรู้ด้านเทคนิคคอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด สิ่งอำนวยความสะดวกดังกล่าวเหมาะสำหรับผู้ผลิตทุกระดับทักษะไม่ว่ามืออาชีพหรือมือสมัครเล่น นอกจากนี้ผู้ประกอบการยังสามารถเช่าพื้นที่นั่งทำงานท่ามกลางชุมชนคนคอเดียวกันใน Co-working Space ที่เรียกว่า The Prospect

Derby Museums สานต่อจิตวิญญาณเมืองอุตสาหกรรมเก่า สู่เมืองนวัตกรรมแห่งอนาคต
Museum of Making
Photo: Derby Museums

Museum and Art Gallery: คอลเลกชันพิเศษงานศิลปะในยุค Enlightenment

           สภาเมืองดาร์บีได้รับบริจาคตัวอาคารที่ตั้งของ Museum and Art Gallery มาจากคหบดีไมเคิล โทมัส บาส (Michael Thomas Bass) ปัจจุบันจัดแสดงวัตถุนานาชนิดที่สะท้อนอดีตของพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น ภาพวาด โบราณวัตถุ วัตถุที่แสดงถึงประวัติศาสตร์และพัฒนาการของสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ คอลเลกชันเซรามิกที่ผลิตในพื้นที่ รวมถึงคอลเลกชันจากประเทศอื่นๆ เรียกได้ว่ามีทรัพยากรวัฒนธรรมที่ครบเครื่อง หลากหลาย

Derby Museums สานต่อจิตวิญญาณเมืองอุตสาหกรรมเก่า สู่เมืองนวัตกรรมแห่งอนาคต

คอลเลกชันสำคัญของ Museum and Art Gallery  คือผลงานของศิลปินชื่อดังระดับนานาชาติ โจเซฟ ไรท์ ที่สะท้อนถึงยุคเรืองปัญญา (Enlightenment) ซึ่งเริ่มเกิดความเคลื่อนไหวทางวัฒนธรรมของเหล่าปัญญาชนช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18 เพื่อปฏิรูปสังคมและส่งเสริมการใช้หลักเหตุผลมากกว่าการใช้หลักจารีต ไรท์ เป็นชาวดาร์บีโดยกำเนิด เขาคือศิลปินคนแรกๆ ที่นำเสนอเรื่องราวของการเปลี่ยนผ่านสังคมสู่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมในภาพวาด รวมถึงภาพความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ การทดลอง ความอยากรู้อยากเห็นของผู้คนในอดีตที่ต้องการพัฒนาระบบการผลิตในอุตสาหกรรมให้ดีขึ้น จนเริ่มตั้งข้อสงสัยกับวัฒนธรรมและความเชื่อดั้งเดิมที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา ผลงานที่จัดแสดงที่ Museum and Art Gallery เป็นคอลเลกชันที่ใหญ่ที่สุด ผู้สนใจสามารถพบผลงานอื่นๆ ของไรท์ได้ที่หอศิลป์และพิพิธภัณฑ์ชื่อดังในหลากหลายประเทศทั้งสหรัฐอเมริกา รัสเซีย และออสเตรเลีย

Derby Museums สานต่อจิตวิญญาณเมืองอุตสาหกรรมเก่า สู่เมืองนวัตกรรมแห่งอนาคต
The Widow of an Indian Chief watching the Arms of her Deceased Husband
Photo: Derby Museums
Derby Museums สานต่อจิตวิญญาณเมืองอุตสาหกรรมเก่า สู่เมืองนวัตกรรมแห่งอนาคต
A Grotto in the Gulf of Salerno, Moonlight
Photo: Derby Museums
Derby Museums สานต่อจิตวิญญาณเมืองอุตสาหกรรมเก่า สู่เมืองนวัตกรรมแห่งอนาคต
Two rarely before seen Joseph Wright paintings unveiled at Derby Museum and Art Gallery
Photo: Derby Museums

           นอกจากนี้ยังมี Joseph Wright Study Room ห้องจัดแสดงที่รวบรวมภาพสเก็ตช์ แบบร่าง เอกสาร และผลงานอื่นๆ ของไรท์อีกกว่า 300 ชิ้น ทั้งหมดถูกเก็บเอาไว้ในลิ้นชักที่สามารถดึงออกมาศึกษาเรียนรู้ได้ วัตถุจัดแสดงในห้องนี้สะท้อนตัวตน มุมมอง แนวคิด อีกทั้งสิ่งแวดล้อมและสังคมที่ไรท์อาศัยอยู่ ไปจนถึงอิทธิพลที่ผลงานของเขาทิ้งเอาไว้ให้กับสังคมอังกฤษและยุโรปด้วย

           นอกเหนือจากส่วนจัดแสดง ที่นี่ยังมีกิจกรรมที่คอยเติมสีสันและชีวิตชีวาให้กับพิพิธภัณฑ์อยู่บ่อยครั้ง กิจกรรมซึ่งจัดขึ้นที่ Museum and Art Gallery มักจะเกี่ยวข้องกับงานศิลปะโดยมีธีมที่แตกต่างกันไป มีทั้งเวิร์กชอปวาดภาพสำหรับเด็กเล็ก เวิร์กชอปวาดภาพสำหรับผู้ใหญ่ งานเปิดตัวหนังสือ หรือแม้กระทั่งการจัดแสดงโปรเจกต์ศิลปะของหน่วยงานพันธมิตร เช่น โปรเจกต์ Dracula Returns to Derby ที่รวมงานอีเวนต์ การแสดง บรรยาย สัมมนา เกี่ยวกับแดร็กคูลาที่เกิดจากทีมวิจัยร่วมจาก Derby Museums ร่วมกับ มหาวิทยาลัยดาร์บี โรงละครดาร์บี มหาวิทยาลัยบอร์นมัธ และมหาวิทยาลัยเชฟฟิลด์ฮอลแลม

Derby Museums สานต่อจิตวิญญาณเมืองอุตสาหกรรมเก่า สู่เมืองนวัตกรรมแห่งอนาคต
Photo: Derby Museums

Derby Museums สานต่อจิตวิญญาณเมืองอุตสาหกรรมเก่า สู่เมืองนวัตกรรมแห่งอนาคต
Museum and Art Gallery
Photo: Derby Museums

Pickford’s House: อาคารยุคจอร์เจียนที่บอกเล่าวิถีชีวิตในศตวรรษที่ 18

           ตัวอาคารพิพิธภัณฑ์ Pickford’s House เป็นผลงานของ โจเซฟ พิคฟอร์ด สถาปนิกชื่อดังในศตวรรษที่ 18 และเป็นบ้านที่เขาและครอบครัวอาศัยอยู่ด้วย เป้าหมายของการจัดแสดงที่นี่ คือแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของบ้านในฐานะที่พักอาศัย ใช้ชีวิต และมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนอันเป็นที่รัก เชิญชวนให้ผู้ชมเรียนรู้เรื่องราวของพิคฟอร์ดแล้วย้อนกลับมาทำความเข้าใจตนเองและเข้าใจสังคมมากขึ้น

           ส่วนแรกของพิพิธภัณฑ์คือ Period Rooms ซึ่งสะท้อนวิถีชีวิตและสภาพบ้านเรือนที่หรูหราอลังการในยุคจอร์เจียนตั้งแต่ห้องรับแขก ห้องอาหาร ห้องนอน ห้องทำงานไปจนถึงห้องครัวและห้องเก็บของ ในแต่ละห้องให้ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ชีวิตของเจ้าของบ้านในห้องต่างๆ เช่น พิธีการต้อนรับแขก และการรับประทานอาหาร ผู้ชมสามารถเรียนรู้วิถีชีวิตในยุคจอร์เจียน และการเปลี่ยนแปลงวิถีวัฒนธรรมตั้งแต่ศตวรรษที่ 18-20 อีกทั้งความแตกต่างด้านวิถีชีวิตความเป็นอยู่ระหว่างเจ้านายกับคนรับใช้ในสังคมอังกฤษอีกด้วย

Derby Museums สานต่อจิตวิญญาณเมืองอุตสาหกรรมเก่า สู่เมืองนวัตกรรมแห่งอนาคต
A toy theatre from the Frank Bradley Collection
Photo: Derby Museums

Derby Museums สานต่อจิตวิญญาณเมืองอุตสาหกรรมเก่า สู่เมืองนวัตกรรมแห่งอนาคต
Photo: Derby Museums

Derby Museums สานต่อจิตวิญญาณเมืองอุตสาหกรรมเก่า สู่เมืองนวัตกรรมแห่งอนาคต
Photo: Derby Museums

           ชั้นบนสุดของบ้านเป็นห้องจัดแสดงคอลเลกชันโรงละครตุ๊กตา (The Tiny World of Toy Theatre) ซึ่งนิยมสะสมกันในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ผู้ที่สนใจในละครและเด็กๆ ในยุคนั้น มักจะนำตัวละครมาจัดตกแต่งเป็นเรื่องราวตามบทละครต่างๆ คอลเลกชันที่จัดแสดงที่นี่มีหลายเรื่องที่จัดตกแต่งตามบทละครชื่อดังอย่างเรื่องเจ้าหญิงนิทรา หนูน้อยหมวกแดง อาละดินกับตะเกียงวิเศษ นอกจากจะดูสวยงามตื่นตาตื่นใจแล้ว เนื้อหาที่จัดแสดงยังครอบคลุมถึงเรื่องราวของกิจการโรงละครและการทำโรงละครตุ๊กตาในอดีตด้วย

Derby Museums สานต่อจิตวิญญาณเมืองอุตสาหกรรมเก่า สู่เมืองนวัตกรรมแห่งอนาคต
Pickford’s House
Photo: Derby Museums


ที่มา

บทความ “Did Derby build the world? How the Museum of Making bounced back” จาก theguardian.com (Online)

บทความ “The Museum of Making — World’s First Modern Factory Remade as Museum” จาก museum-id.com (Online)

บทความ “Museum of Making official opening to take place” จาก derby.gov.uk (Online)

เว็บไซต์ Derby Museums (Online)

เว็บไซต์ Family Arts Campaign (Online)

Cover Photo: Speller Metcalf/ Derby Museums

RELATED POST

แหล่งชุมนุมความคิดเรื่องพื้นที่สาธารณะเพื่อการเรียนรู้
และห้องสมุดกับการเปลี่ยนแปลงสังคม

                                                                                            

PDPA Icon

The KOMMON มีการใช้คุกกี้ เพื่อเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ไปวิเคราะห์และปรับปรุงการให้บริการที่ดียิ่งขึ้น คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราห์

    คุกกี้นี้เป็นการเก็บข้อมูลสาธารณะ สำหรับการวิเคราะห์ และเก็บสถิติการใช้งานเว็บภายในเว็บไซต์นี้เท่านั้น ไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนตัวที่ไม่เป็นสาธารณะใดๆ ของผู้ใช้งาน

บันทึก