“แดดออก เป็นชื่อของแกลเลอรีที่คุณพ่อเคยตั้งเอาไว้อยู่แล้ว คุณพ่อบอกว่าเมื่อไหร่ที่แดดออก สิ่งดีๆ กำลังจะเริ่มต้นขึ้น” กริม-กษมา แก้วจำนง เจ้าของร้านของฝาก คาเฟ่ และแกลเลอรี กลางเมืองนครศรีธรรมราช เล่าให้เราฟัง
“เดิมทีพื้นที่ตรงนี้ คุณพ่อซึ่งเป็นศิลปินใช้ในการสร้างงาน พอคุณพ่อเสียไปก็กลายเป็นพื้นที่แห่งความทรงจำของเรา คุณแม่อยากให้เราทำอะไรกับพื้นที่ตรงนั้นสักอย่าง แต่ถ้าจะให้ตัวกริมเองไปทำงานศิลปะอย่างเดียวเหมือนกับคุณพ่อก็คงไม่ได้ เพราะเรายังต้องทำงานอย่างอื่นด้วย เลยคิดว่าเราทำพื้นที่ตรงนี้ให้เป็นทั้งคาเฟ่และแกลเลอรีไปด้วยกันเลยน่าจะดีกว่า”
แดดออก มีบทบาทหลายอย่างในตัวเอง ทั้งแกลเลอรี คาเฟ่ ร้านจำหน่ายของฝาก ที่จัดเวิร์กชอป และพื้นที่เปิดกว้างสำหรับผู้คนที่สนใจจะทำกิจกรรมต่างๆ แต่ฟังก์ชันเด่นๆ เห็นจะเป็นแกลเลอรีและคาเฟ่ ความตั้งใจของกริมคือส่งเสริมศิลปินรุ่นใหม่ที่เพิ่งเริ่มสร้างสรรค์ผลงาน แม้จะยังไม่ได้มีผลงานมากมายนักก็สามารถเข้ามาใช้พื้นที่เล็กๆ ของแดดออก
“ศิลปินใหม่ๆ ในนครฯ ก็มีเยอะค่ะ แต่ที่กริมตั้งใจคือ อยากจะให้ศิลปินจากที่อื่นๆ เอาผลงานมาจัดแสดงด้วย เพื่อให้นักเรียน นักศึกษา หรือว่านักสะสมที่สนใจทางด้านนี้ มีโอกาสได้เห็นผลงานของศิลปินที่อื่น”
ปีนี้คือปีแรกที่ริเริ่มจัดแสดงงานศิลปะ ดังนั้นศิลปินจากภายนอกที่มาจัดแสดงผลงานจึงเป็นศิลปินที่เชิญมาโดยเฉพาะ แต่กริมก็เชื่อว่า แดดออกมีศักยภาพพอที่จะเปิด Open Call ตามหาผู้จัดแสดงงานศิลปะได้ในปีต่อๆ ไป
ด้วยความถนัดที่ได้มาจากสาขาที่เรียน บวกกับประสบการณ์ในการทำงานกับนิตยสารด้านอาหารในกรุงเทพฯ มานานหลายปีเมื่อกลับมาอยู่ที่นครฯ กริมก็ได้ใช้ความรู้และทักษะที่เก็บเกี่ยวมาอย่างเต็มที่
“กริมเรียนจบจิตรกรรมด้านทัศนศิลป์แล้วก็ต่อโทด้านกราฟิก ส่วนตัวชอบงานศิลปะมาก แต่ไม่ชอบงานนั่งโต๊ะ แล้วก็เป็นคนที่ชอบกินมากๆ ก็เลยจับพลัดจับผลูได้ไปทำงานในตำแหน่ง Food Stylist กลับมาอยู่ที่นี่ก็ได้ใช้ประสบการณ์ที่เรียนและทำงานตรงๆ เลย ทั้งในเรื่องของอาหาร การเชื่อมโยงงาน การคัดเลือกงาน การจัดวางต่างๆ ที่ผ่านมากริมได้ทำเวิร์กชอปเรื่อง Food Stylist ที่ในนครฯ ด้วย”
เวิร์กชอปของกริมเน้นที่แนวคิดและวิธีการในการจัดวางอาหารในแบบของ Food Stylist ที่ต้องใช้หลักการทางศิลปะมาประยุกต์ แต่เจ้าตัวก็บอกว่า เธอได้สอดแทรกการฝึกฝนทักษะด้านการสื่อสารลงไปด้วย
“การสื่อสารนี่สำคัญมากในการทำงาน แต่จะไปพูดว่าเราจะมาสอนเรื่องการสื่อสารมันก็ไม่ได้ เลยใช้วิธีเสริมลงไปในคอนเทนต์หลัก เพราะว่าผู้ประกอบการ หรือว่าเด็กๆ เขามักจะมีภาพในหัวแต่สื่อสารออกไปไม่ได้ การตั้งโจทย์ให้ตรงเป็นสิ่งสำคัญ เช่น อยากได้สีขาว แต่สีขาวก็มีหลายเฉด อยากได้ภาชนะแบบโมเดิร์น คำว่าโมเดิร์นก็มีหลากหลายแบบ การหาภาพตัวอย่างมาประกอบการสื่อสารก็จะช่วยให้ทำงานง่ายขึ้น”
เวิร์กชอปการออกแบบอาหารของกริมมีเสียงตอบรับที่ดี จนขยายผลไปที่สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานซึ่งติดต่อให้ไปอบรมพนักงานของโรงแรมต่างๆ ในเมืองนครฯ ส่วนอีกหนึ่ง passion ของกริมนั้นคือเรื่องชาเขียว แดดออกนำเข้าผงมัทฉะเกรดพิธีการชงชาญี่ปุ่น (Ceremonial Matcha) เพื่อนำมาเสนอให้กับชาวนครฯ ซึ่งมีการต่อยอดไปสู่การออกร้าน และเวิร์กชอปการชงชาเขียวบ้างในบางครั้ง
ทั้งหมดที่ทำมา เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ยังมีแผนการจะขยับขยายต่อไปในอนาคต “ด้วยความที่เราเป็น Food Stylist ความฝันของเราคืออยากจะทำ Chef Table ที่มันเชื่อมโยงงานศิลปะที่จัดแสดงอยู่ในร้านกับอาหารที่เสิร์ฟ แต่ว่ายังเป็นโปรเจกต์ที่แพลนไว้คร่าวๆ อยู่ค่ะ”
เมืองนครฯ ในสายตาของกริม คือเมืองที่มีศักยภาพด้านศิลปะ แต่กำลังรอการส่งเสริมที่เหมาะสม ไม่ใช่เพียงการอนุรักษ์ แต่ต้องมีการพัฒนาด้วย “กริมเคยพาเพื่อนที่ทำงานนิตยสารที่เดียวกันไปเที่ยวตลาด เพื่อนก็จะรู้สึกว่าตลาดเมืองนครฯ เนี่ย แม้กระทั่งแม่ค้าตามแผงก็มีวิธีการจัดวางของให้ดูน่าซื้อ ไม่ได้เหมือนตลาดสดโดยทั่วไป ด้วยความที่เราอยู่ตรงนี้มาตลอดก็ไม่ทันได้สังเกต มันหมายความว่าคนนครฯ มีศิลปะอยู่ในสายเลือด เรามองในมุมของผู้ประกอบการด้านงานศิลปะ ก็อยากให้นครฯ พัฒนาของดีที่มีอยู่แล้วต่อไป อยากให้มีงานเทศกาลแบบ บางกอกอาร์ตเบียนนาเล่ สักครั้ง มันจะได้ส่งเสริมทุกด้าน ทั้งการศึกษาและเศรษฐกิจด้วย”
ส่วนเป้าหมายปลายทางของ แดดออก นั้น กริมฝันเอาไว้ว่า “ตอนนี้ยังอินกับการทำงานอาร์ต สเต็ปต่อไปอาจจะดูเรื่องการจัดงานศิลปะให้มันกว้างกว่านี้ มีกลุ่มใหม่ๆ เข้ามา หรือเชิญศิลปินที่ดังกว่านี้ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนที่นี่ เราอยากให้แดดออกเป็นจุดเริ่มของแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นๆ ในนครฯ มากยิ่งขึ้น เราเป็นพื้นที่เล็กๆ แต่ง่ายต่อการเข้ามาหา อยากให้คนรู้สึกว่า แค่ไปคาเฟ่ก็มีโอกาสได้เห็นงานศิลปะดีๆ”
