สินธุ์สวัสดิ์ ยอดบางเตย ผู้ซึ่งไม่เรียกตนเองว่าเป็นศิลปิน แต่เป็นผู้สร้างสรรค์งานศิลปะ ดำเนินชีวิตเคียงคู่ไปกับการเคลื่อนไหวภาคประชาชนมาอย่างยาวนานกว่า 40 ปี เปิดใจให้สัมภาษณ์ถึงชีวิตของเขาตั้งแต่ครั้งเป็นนักเรียนเพาะช่าง จากนั้นก็วนเวียนเกี่ยวพันอยู่กับช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อและการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองไทยครั้งสำคัญในปี 2516 และ 2519
นี่คือบันทึกปากคำประวัติศาสตร์จากความทรงจำของผู้รู้เห็น ในมุมมองของคนเล็กๆ คนหนึ่งท่ามกลางผู้คนเรือนแสนในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 หนึ่งในหน่วยรักษาความปลอดภัย ‘กนก 50’ ที่ตรึงกำลังให้ความคุ้มกันรถบัญชาการที่มี เสกสรรค์ ประเสริฐกุล แกนนำนักศึกษาคนสำคัญอยู่บนรถ และเป็นประจักษ์พยานในช่วงชุลมุนของเช้าตรู่วันที่ 14 ตุลาคม หน้าวังสวนจิตรลดา ซึ่งนำมาสู่การจลาจลแผ่ไปทั่วเมืองหลวง สุดท้ายเผด็จการคณาธิปไตยก็ล้มครืน
บรรยากาศประชาธิปไตยหลังเหตุการณ์ 14 ตุลา และความรุนแรงทางการเมืองหลังจากนั้น จนมาถึงเช้าวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2519 ถูกถ่ายทอดออกมาราวกับวันวานนั้นเพิ่งผ่านพ้นมาไม่นาน ไม่เพียงเขาจะสูญเสียเพื่อนรักไปหลายคน แต่เหตุการณ์ 6 ตุลา ยังได้พรากเอาความใฝ่ฝันอันบริสุทธิ์ของเยาวชนคนหนุ่มสาวแทบทั้งรุ่นให้สูญหายไปด้วย
ความฝันถึงสังคมอุดมคติที่ประชาชนได้รับความเป็นธรรม มีความเท่าเทียมกัน ถูกทำลายย่อยยับและไม่มีคำตอบด้วยวิถีประชาธิปไตยในเมืองหลวง สินธุ์สวัสดิ์และคนหนุ่มสาวอีกหลายพันคน จึงเดินทางสู่เขตป่าเขาเข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย เพื่อต่อสู้กับอำนาจรัฐไทยในยุคนั้น