ชัยพร อินทุวิศาลกุล ศีลธรรมในการพิมพ์หนังสือคือความงามและรายละเอียด

630 views
6 mins
January 28, 2025

          ภาพพิมพ์ ในที่นี้ไม่ใช่ชื่อเรียกเทคนิคทางศิลปะ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผลงานทัศนศิลป์ในแกลเลอรี แต่อาจเกี่ยวข้องโดยตรงกับหนังสือบางเล่มบนชั้นหนังสือของคุณ

          ภาพพิมพ์ คือชื่อของโรงพิมพ์ฝั่งธนบุรีแห่งหนึ่งที่มีอายุมากกว่า 40 ปี ตลอดเวลาเกือบครึ่งศตวรรษ โรงพิมพ์แห่งนี้ตีพิมพ์หนังสือมาไม่น้อยกว่า 10 ล้านเล่ม กลิ่นหมึกและเสียงเครื่องจักรที่ไม่เคยหยุดของที่นี่ขับเคลื่อนตัวหนังสือให้ปรากฏในมือผู้อ่าน

          20 ปีแรกของภาพพิมพ์ คือยุคสมัยของพ่อ ชายผู้ก่อตั้งและวางรากฐานหลายอย่างให้กับโรงพิมพ์ ก่อนจะเดินทางเข้าสู่ครึ่งชีวิตหลังในมือของรุ่นลูกอย่าง จ๊อก-ชัยพร อินทุวิศาลกุล ผู้ต่อยอดให้ภาพพิมพ์ มีชื่อเสียงด้านการพิมพ์หนังสือวรรณกรรมและพ็อกเกตบุ๊กมากที่สุดแห่งหนึ่ง

          “ความใส่ใจลูกค้า ความซื่อตรงในวิชาชีพ ความเชื่อว่าเราผลิตสิ่งพิมพ์ที่ดีได้ และความพยายามที่จะอยู่สูงกว่าเส้นมาตรฐานของโรงพิมพ์ทั่วไป”

          บางคำตอบในบทสัมภาษณ์สะท้อนบุคลิกของเขาออกมาได้ชัดเจน และบุคลิกนี้ก็ถูกส่งออกมาผ่านตัวตนของภาพพิมพ์ นั่นอาจทำให้โรงพิมพ์แห่งนี้เป็นมากกว่าโรงพิมพ์ทั่วไปในความรู้สึกของผู้คนในแวดวงการอ่าน-การเขียน ในเชิงรูปธรรม ภาพพิมพ์มีบทบาทในการสนับสนุนวัฒนธรรมการอ่าน อย่าง เทศกาลหนังสือกรุงเทพมหานคร และ LIT Fest ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นโรงพิมพ์แห่งเดียวที่ควักกระเป๋าจัดงานรูปแบบนี้

          จากกลิ่นหมึกและเสียงเครื่องพิมพ์ในกรุงเทพฯ ล่าสุดจ๊อกย้ายถิ่นฐานไปสูดกลิ่นอายทะเลและฟังเกลียวคลื่นกระทบชายฝั่งของเกาะพะงัน เขากำลังวางมือจากอาชีพในโรงพิมพ์ที่ทำมากว่า 20 ปี เพื่อเริ่มต้นฉากใหม่ของชีวิต

          มันจึงเป็นเวลาที่น่าชวนเขาคุยถึงฉากที่จะปิดลง อาชีพซึ่งเป็นทั้งความรัก ความเชื่อ และสิ่งหล่อเลี้ยงชีวิต อนาคตของภาพพิมพ์ในวันข้างหน้า ประสบการณ์ อันลึกซึ้งยาวนานในโรงพิมพ์ บทสัมภาษณ์นี้เก็บเกี่ยวหลายคำตอบของเขามาให้คุณ

ชัยพร อินทุวิศาลกุล ศีลธรรมในการพิมพ์หนังสือคือความงามและรายละเอียด

อะไรคือความท้าทายที่สุดตอนเริ่มทำงานที่ภาพพิมพ์

          ตอนที่เราเริ่มทำงานภาพพิมพ์ยังถือว่าเป็นโรงพิมพ์ขนาดเล็ก เลยมีเรื่องที่ต้องปรับปรุงค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี ปัญหาที่เรามองเห็นตอนนั้นคือ กำลังการผลิตที่ไม่เพียงพอ และมีเครื่องพิมพ์ที่ไม่เหมาะสมกับงาน

          พูดให้เห็นภาพคือ การพิมพ์หนังสือเป็นรูปแบบการพิมพ์อย่างหนึ่งที่ใช้แม่พิมพ์จำนวนมาก ฉะนั้นขนาดเครื่องพิมพ์จึงต้องใหญ่ที่สุดเท่าที่จะใหญ่ได้ แต่ตอนนั้นเรามีเครื่องพิมพ์ตัด 2 แค่เครื่องเดียว และเป็นเครื่องที่เก่ามากจึงพิมพ์ได้ไม่ดีเท่าไร ทำให้ต้องไปพิมพ์เครื่องตัด 4 ที่เล็กกว่า

          ข้อเสียของเครื่องพิมพ์ขนาดเล็กคือ จำนวนรอบพิมพ์ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย สมมติจะผลิตพ็อกเกตบุ๊กสักเล่มหนึ่ง เครื่องพิมพ์ตัด 4 จะพิมพ์ได้ 8 หน้าต่อครั้ง แต่เครื่องพิมพ์ตัด 2 พิมพ์ได้ 16 หน้าต่อครั้ง นั่นแปลว่าเราใช้เวลาในการทำงานน้อยลง

          แต่ตอนนั้นมันมีข้อจำกัดทั้งเรื่องพื้นที่และงบลงทุน ซึ่งก็ทำให้เรารู้สึกอึดอัดเหมือนกัน เพราะอยากรับงาน แต่ประสิทธิภาพหลายอย่างยังแข่งกับโรงพิมพ์เจ้าอื่นๆ ไม่ได้

ยากไหมในการโน้มน้าวให้ รุ่นแรก ลงทุนเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง

          โคตรยากเลย เราใช้เวลาประมาณ 3-5 ปี ในการคุยกับพ่อ เวลาที่บอกว่าอยากซื้อเครื่องพิมพ์ใหม่ พ่อจะชอบถามว่าคิดดีแล้วหรือยัง อย่าลงทุนเกินตัว ซึ่งมันก็กลายมาเป็นเหมือนความเก็บกดและแรงผลักดันอย่างหนึ่งของเรา ตอนนั้นเราอายุ 20 กลางๆ และไม่ได้มีเงินถุงเงินถัง เลยต้องไปตระเวนหาเครื่องพิมพ์มือสอง ก็ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงมาเรื่อยๆ ซึ่งก็ใช้เวลา 6-7 ปี กว่าจะมาถึงจุดที่เราพอใจ

จากรุ่นพ่อถึงรุ่นคุณ ภาพพิมพ์มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง

          ถ้าพูดถึงการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมก็คงเป็นเรื่องเทคโนโลยี แต่ก็จะมีเรื่องทัศนคติของเรากับพ่อที่มองไม่เหมือนกันด้วย เรามองว่าตัวเองค่อนข้างจะมีศีลธรรมในการผลิตหนังสือมากกว่า ส่วนหนึ่งเพราะเราบ้าหนังสือมากกว่า คือไม่ใช่แค่พิมพ์ถูกต้อง แต่เราให้ความสำคัญความสวยงามหรือรายละเอียดเล็กๆ ด้วย

          สิ่งหนึ่งที่เรารู้สึกว่าเป็นเรื่องประจวบเหมาะกันพอดี คือธุรกิจของครอบครัวเราเป็นโรงพิมพ์ที่พิมพ์หนังสือ และตัวเราเองก็เป็นคนชอบหนังสือ มันจึงเป็นความลงตัวในการต่อยอดหรือพัฒนาธุรกิจ ที่พูดอย่างนี้เพราะว่าบางโรงพิมพ์ต้นทุนเขาพร้อมกว่าเรามาก แต่ถ้าคนที่ทำงานไม่ได้อินกับสิ่งที่ทำอยู่ก็อาจจะไม่ได้พัฒนาจนประสบความสำเร็จ

          แต่ก็ต้องออกตัวว่าเราไม่ได้หลงตัวเอง ภาพพิมพ์ไม่ได้สำเร็จมากมายอะไร แค่อยู่ในมาตรฐานที่เรามองว่ามันควรจะเป็น สามารถจ่ายเงินพนักงานตรงเวลา จ่ายเงินซัพพลายเออร์ตรงเวลา จ่ายหนี้ธนาคารสม่ำเสมอ มีโบนัสบ้างตามปัจจัยในปีนั้นๆ และจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้

ศีลธรรมในการผลิตหนังสือนี้ฟูมฟักมาจากอะไร

          ไม่แน่ใจเลย แต่ถ้าพูดแบบติดตลกก็อาจจะมาจากนิยายกำลังภายในจีนอย่าง ฤทธิ์มีดสั้น ก็ได้ สมัย ม.ปลายเราได้อ่านนิยายคาวบอยของ หลุยส์ ลามูร์ (Louis L’Amour) หลังจากนั้นก็มาอ่านนิยายกำลังภายในจีน ซึ่งทั้งสองประเภทนี้มีการแบ่งสีขาวและสีดำอย่างชัดเจน มีกฎเกณฑ์ที่กำหนดว่าความดีงามต้องเป็นอย่างไร หรืออาจจะเป็นช่วงเรียนที่ธรรมศาสตร์ มีโอกาสได้ไปข้องเกี่ยวกับงานเอ็นจีโออยู่บ้าง ทำให้เรามีแนวคิดเรื่องศีลธรรม เรื่อง fair trade แล้วสิ่งเหล่านี้ทำให้เรากลับมามองว่าถ้ายังใช้เครื่องจักรแบบเดิมอยู่ ถ้าประสิทธิภาพของเครื่องพิมพ์ไม่ตอบมาตรฐานที่หนังสือควรจะเป็น โรงพิมพ์น่าจะไปไม่รอดภาพพิมพ์มีชื่อเสียงด้านการตีพิมพ์หนังสือวรรณกรรม สิ่งนี้เพิ่งเกิดในรุ่นคุณหรือเปล่า

          เราว่าตอนรุ่นพ่อเราก็ทำ เพียงแต่พ่อเราไม่ได้อินกับหนังสือเท่าเรา หากไปถามคนรุ่น 6 ตุลา หรือรุ่นหลังจากนั้นประมาณ 10 ปี เขาจะรู้กันว่า ภาพพิมพ์ คือโรงพิมพ์ที่ผลิตหนังสือฝ่ายซ้าย เท่าที่จำได้ก็น่าจะมีช่วยพิมพ์งานของ อมธ. (องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) ที่เป็นงานเคลื่อนไหวทางการเมืองช่วงปี 2520-2530 นักศึกษาจะรู้ว่ามีอะไรก็มาพิมพ์ที่นี่ได้ อาจเพราะเมื่อก่อน ภาพพิมพ์อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ด้วย

          พอมาถึงช่วงที่เราทำงาน เราก็เริ่มจากพิมพ์หนังสือให้คนที่รู้จักกันอยู่แล้วอย่าง พี่เป้-วาด รวี (รวี สิริอิสสระนันท์) และเพื่อนๆ ของเขา จากนั้นพี่เป้ก็แนะนำให้รู้จักกับสำนักพิมพ์ openbooks ซึ่งเขามีโรงพิมพ์ที่ใช้ประจำอยู่แล้ว แต่ในบางปกเราก็มีโอกาสได้ไปช่วยพิมพ์ให้

          พอดีกับช่วงนั้นนักเขียนหลายคนเริ่มเปิดสำนักพิมพ์ของตัวเอง หนึ่งในคนที่เราได้ช่วยพิมพ์ให้คือ สำนักพิมพ์ ไต้ฝุ่น ของ พี่คุ่น-ปราบดา หยุ่น ซึ่งเป็นหนึ่งในคนที่มีอิทธิพลต่อภาพพิมพ์อย่างมาก เราได้เรียนรู้เทคนิคการพิมพ์หลายแบบจากตัวอย่างหนังสือดีๆ ที่มาจากเขา เช่น การพิมพ์ 2 สี 3 สี และสีพิเศษ

          นับจากช่วงที่ได้เริ่มพิมพ์ให้พี่เป้จนถึงตอนนี้ก็น่าจะราวๆ 15 ปี ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าแต่ละงานคือโอกาสที่เราได้รับจากพี่ๆ ในวงการที่อนุญาตให้เราได้พิมพ์หนังสือของเขา

ชัยพร อินทุวิศาลกุล ศีลธรรมในการพิมพ์หนังสือคือความงามและรายละเอียด

นอกจากความรู้จักคุ้นเคย อะไรที่ดึงดูดให้คนในแวดวงวรรณกรรมนิยมมาพิมพ์งานกับภาพพิมพ์

          อาจเป็นเพราะเราพูดภาษาเดียวกัน เราเป็นคนชอบอ่านหนังสือ หลายครั้งที่เจอนักเขียนมาติดต่องานพิมพ์ เราก็จะทักว่าเราเคยอ่านงานของเขามาบ้าง อีกสาเหตุคงเป็นความเชื่อร่วมกันที่ว่าหนังสือเป็นสิ่งสำคัญในสังคม ถ้าให้เปรียบคงเหมือนกับการเดินไปในตลาดแล้วเจอคนพูดภาษาไทย เราก็อาจจะมีความโน้มเอียงที่จะช่วยเหลือเขามากกว่าคนที่พูดคนละภาษา ถ้าเราพูดภาษาเดียวกัน เราก็มีจุดร่วมที่คล้ายคลึงกันในระดับหนึ่ง

          เรื่องอื่นๆ ก็อาจจะเป็นความกันเองที่มีให้กัน บางครั้งมีลดให้ หรือมีการให้เครดิตไว้ก่อน รวมถึงมาตรฐานของงานที่พยายามดันให้สูงขึ้นอยู่ตลอด

          จริงอยู่ที่การทำธุรกิจต้องคาดหวังกำไร แต่เรา รู้สึกว่ากำไรไม่ใช่ทุกอย่าง และไม่อยากให้เป็นเงื่อนไขของการสร้างสรรค์ เราว่ามันไปด้วยกันได้ อาจจะมีคนบอกว่าถ้าทำแบบนี้แล้วจะขาดทุน แต่เราก็คิดว่าไม่เป็นไร เพราะเชื่อว่าในอนาคตมันจะกลับมาให้เรา เราไม่ต้องได้กำไรเดี๋ยวนั้นเลยก็ได้

          เราอาจจะไม่ได้นับถือพุทธนะ แต่พูดแบบเข้าใจง่ายๆ คือ กำไรในปีนี้อาจจะเป็นผลจากกรรมเก่าเมื่อ 2 ปีที่แล้วก็ได้ เราสนใจแค่ว่าสิ่งที่ทำในวันนี้ผลลัพธ์ออกมาดีหรือเปล่า ถ้าดีมันก็น่าจะสร้างกำไรให้เราได้ในสักวัน ตราบใดที่องค์กรของเรายังอยู่ คิดแบบนี้แล้วทำงานสบายใจกว่า

ด้วยวิธีคิดแบบนี้ ยากไหมในการรับมือกับความกดดันทางธุรกิจ

          ก็ยากนะถ้าอยู่ในช่วงที่สถานการณ์ไม่ค่อยดี แต่ถ้าธุรกิจจะเจ๊งมันไม่ได้มาจากความใจดีของเราหรอก คนรอบตัวเราอาจจะไม่ได้เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ทั้งหมด เขาอาจจะมองว่าถ้าทำธุรกิจอีกแบบหนึ่งอาจรวยเร็วกว่าหรือมีกำไรมากกว่า คือเราไม่คิดว่ามันจะมีประโยชน์อะไรถ้าคนเราจะรวยแบบไร้ชีวิต ต้องรวยแบบมีชีวิตสิ หรือว่าที่จริงแล้วไม่ต้องรวยก็ได้ไหม แค่มีลมหายใจที่กระหายการทำงาน มีความสุขกับการทำงานในแบบที่เราเชื่อ

ชัยพร อินทุวิศาลกุล ศีลธรรมในการพิมพ์หนังสือคือความงามและรายละเอียด

แปลว่าตลอด 20 ปี คุณมีความสุขที่ได้เดินเข้าโรงพิมพ์

          จะพูดแบบนั้นก็คงโลกสวยเกินไป มีหลายครั้งที่เราท้อหรือเจอปัญหา แต่ก็น้อยกว่าวันที่เราอยากเข้าไปทำงาน

ความสุขของงานพิมพ์คืออะไร

          คือวันที่ลูกค้าโทรมาบอกว่าขอบคุณมาก

ดูเหมือนภาพพิมพ์จะเป็นโรงพิมพ์เดียวที่ลงทุนเพื่อจัดกิจกรรมสนับสนุนวัฒนธรรมการอ่าน อะไรทำให้คุณตัดสินใจทำอย่างนั้น

          กรณีงานเทศกาลหนังสือกรุงเทพมหานคร เริ่มจากคุยกับพี่คุ่นแล้วเกิดไอเดียว่าจะจัดงานหนังสือ ซึ่งคงมีที่มาจากความรำคาญปนหมั่นไส้งานสัปดาห์หนังสือฯ ที่เน้นขายกันสุดๆ เราแค่อยากเห็นงานที่คนตัดสินใจซื้อด้วยความรู้สึกอยากอ่านจริงๆ ไม่ใช่เพราะราคาถูก

          ส่วน LIT Fest ก็มีที่มาจากความคิดว่าคนไทยควรจะได้เดินงานหนังสือกลางแจ้งบ้าง เป้าหมายของงานก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าได้เห็นคนถือหนังสือที่ชอบ นักอ่านได้เจอนักเขียน ซึ่งรูปแบบของงานมีที่มาจากงานเลี้ยงขอบคุณปีใหม่ที่เราจัดให้กับซัพพลายเออร์และลูกค้า พอดีวันนั้น พี่ปุ๊-ธนาพล อิ๋วสกุล มางาน แกชมว่างานสวย จากนั้นก็นำไปสู่การจัดเป็นเทศกาล

          เอาจริงๆ LIT Fest เป็นงานที่เปลืองตังค์มาก หลายคนในบริษัทอาจจะเคืองว่าทำไมไม่เอาเงินไปใช้หนี้ธนาคารก่อน แต่เรามองว่ามันคือความรู้สึกขอบคุณและซาบซึ้งในความสัมพันธ์ต่อผู้คนซึ่งเรียกรวมๆ ว่า ‘วงการ’ มันคือคำตอบว่า ภาพพิมพ์ดำรงอยู่ได้เพราะอะไร เราผลิตหนังสือสวยๆ ได้เพราะมีนักออกแบบที่เก่ง ดังนั้นมันไม่ใช่ว่าเราเก่ง แต่เรามีเพื่อนที่เก่งคอยสนับสนุน มีเพื่อนที่เข้าใจและเห็นอกเห็นใจเมื่อเราทำผิดพลาด รวมถึงมีพนักงานที่ไม่ใช่แค่ทำงานกินเงินเดือน

ชัยพร อินทุวิศาลกุล ศีลธรรมในการพิมพ์หนังสือคือความงามและรายละเอียด

อะไรทำให้คุณตัดสินใจวางมือ

          เราเชื่อมั่นว่าโรงพิมพ์ไปต่อได้ด้วยตัวเอง เราบอกกับทุกคนตลอดว่าไม่เคยเกลียดงานที่ตัวเองทำเลย แต่โชคร้ายที่โรงพิมพ์ของเราตั้งอยู่ในประเทศไทย ถ้าสมมติเราได้อยู่ในเมืองดีๆ สักเมืองหนึ่งก็คงได้ทำต่อไปเรื่อยๆ เพราะเรารักงานนี้จะตาย มันเป็นงานที่มีความสุขที่สุดอย่างหนึ่งของโลก ด้วยเหตุผลที่ว่า เป็นงานที่ไม่ซ้ำซากจำเจ มีโอกาสได้เจอคนใหม่ๆ ได้มิตรสหายเพิ่มขึ้นตลอดเวลา และทำเงินเลี้ยงครอบครัวได้ เอาเข้าจริงงานโรงพิมพ์มันก็ส่งผลต่อวิธีคิดและตัวตนของเรามากเหมือนกันนะ

          แต่ตอนนี้ชีวิตในเฟสนั้นก็จบไปแล้ว เรากำลังเริ่มเดินทางครั้งใหม่ แต่ความรู้สึกต่อหนังสือก็ไม่ได้เปลี่ยนไปนะ หนังสือยังคงมีความสวยงามของมัน

คุณมองภาพพิมพ์ ยุคต่อไปอย่างไร

          เราเพิ่งมาคิดได้ตอนที่กำลังจะวางมือว่า จากนี้ไปภาพพิมพ์ต้องไม่ใช่ตัวตนของเรา มันอาจจะต้องมีจริยธรรมบางอย่างที่คงอยู่ แต่ตัวตนต้องเปลี่ยนไป เราเชื่อว่ามีพนักงานจำนวนหนึ่งที่ทำงานด้วยความเห็นอกเห็นใจลูกค้ามากกว่าเราอีก เพียงแต่เขาอาจจะไม่ได้นำพาสารเหล่านั้นไปถึงฝ่ายผลิตเท่าที่ควร ซึ่งก็เป็นกระบวนการที่กำลังเป็นไป

          เราไม่ได้ต้องการให้ตัวตนของโรงพิมพ์เป็นตัวตนของเรา เพราะการที่ต้องทำงานใต้เงาของใครสักคนคงไม่สนุกหรอก ถึงเราจะเป็นเจ้าของแต่เราก็คาดหวังให้คนทำงานได้แสดงตัวตนออกมา เราอยากให้ภาพพิมพ์ เป็นสิ่งที่ประกอบขึ้นจากตัวตนของทีมงาน แน่นอนมันต้องมีจุดอ่อนอยู่แล้ว แต่ก็อาจจะมีจุดแข็งที่เพิ่มขึ้นมา

คิดว่าคุณทิ้งจิตวิญญาณแบบไหนไว้

          ความใส่ใจลูกค้า ความซื่อตรงในวิชาชีพ ความเชื่อว่าเราผลิตสิ่งพิมพ์ที่ดีได้ และความพยายามที่จะอยู่สูงกว่าเส้นมาตรฐานของโรงพิมพ์ทั่วไป

คุณมองธุรกิจโรงพิมพ์ใน 5-10 ปีข้างหน้าอย่างไร

          ก็น่าจะเหลือโรงพิมพ์น้อยลง และคนที่เหลือจะต้องเป็นโรงพิมพ์ที่มีความเชี่ยวชาญสูง ไม่มีงานง่ายๆ ให้ทำแล้ว ต้องเก่งจริงถึงจะอยู่ได้ ไม่ว่าจะเก่งในเชิงคุณภาพ ความรวดเร็ว หรือต้นทุน ถ้าได้ทั้ง 3 อย่างก็เจ๋งเลย

ชัยพร อินทุวิศาลกุล ศีลธรรมในการพิมพ์หนังสือคือความงามและรายละเอียด

ที่โรงพิมพ์มีน้อยลงเพราะคนอ่านน้อยลงหรือเปล่า

          คนอ่านไม่ได้น้อยลง แต่เขามีทางเลือกมากขึ้น คนหันไปอ่านในแพลตฟอร์มออนไลน์กัน เราก็ต้องยอมรับว่าหนังสือเป็นวงการที่เฉพาะกลุ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ประเด็นที่น่าสนใจคือ แม้ว่าทุกวันนี้จะมีข้อมูลหรือเนื้อหาให้เราได้อ่านเต็มโลกออนไลน์ แต่แพลตฟอร์มนี้ก็ไม่ใช่สภาพแวดล้อมที่จะสร้างวัฒนธรรมการอ่านที่ดีให้เกิดขึ้น เพราะมันเต็มไปด้วย clickbait ข่าวปลอม ข่าวลวง หรือแม้แต่เรื่องที่ไม่มีสาระซึ่งคาดว่าเป็นเหมือนกันทั้งโลก

ในความเปลี่ยนแปลงนี้ ภาพพิมพ์ปรับตัวอย่างไร

          ไม่ได้ปรับขนาดนั้น เราก็อยู่กับกระดาษและหมึกพิมพ์ ทำในสิ่งที่เราถนัดเหมือนเดิม วรรณกรรมหรือพ็อกเกตบุ๊กก็ยังทำอยู่ และในช่วงหลังๆ ก็มีผลิตหนังสืออาร์ตบุ๊ก โฟโต้บุ๊ก วรรณกรรมเยาวชนมากขึ้น แล้วก็งานพิมพ์ประเภทอื่นๆ อย่างงานพิมพ์ไพ่ ทั้งไพ่ทาโรต์ ไพ่ออราเคิล

          เราคิดว่าหนังสือที่เน้นตัวหนังสืออาจจะไม่ตอบโจทย์ของการเผยแพร่ความรู้เหมือนในอดีต เพราะมีต้นทุนสูงกว่าออนไลน์ กระดาษยุคต่อไปอาจจะกลายเป็นเรื่องของการพิมพ์ภาพก็ได้ ซึ่งเราก็ไม่ได้ปิดใจในแง่นี้ แต่สิ่งที่เราพิมพ์ก็จะไม่ใช่งานเชิงพาณิชย์นัก จะให้ไปพิมพ์กล่องสบู่ก็คงไม่ใช่ เพราะเราก็ยังอยากทำงานที่มีความเป็นศิลปะอยู่บ้าง

ในระยะเวลา 20 ปีมานี้ บทเรียนอะไรคือสิ่งสำคัญที่สุด

          เราไม่อยากพูดถึงบทเรียนของอาชีพใดอาชีพหนึ่ง แต่แค่รู้สึกว่า be nice and sincere to people, then the good things come to you. ถ้าให้แปลก็คือ ก็แค่เป็นมนุษย์ที่ดีแล้วจริงใจกับทุกคน เดี๋ยวสิ่งดีๆ มันก็เข้ามาหาเราเอง

ถ้ามีคนอยากมาเรียนรู้การทำงานโรงพิมพ์กับคุณ คุณจะพาเขาไปเรียนอะไรเป็นอย่างแรก

          เริ่มจากการเป็นเด็กติดรถส่งของก่อน เขาจะได้รู้จักวิธีรับมือกับเพื่อนมนุษย์ สมมติวันหนึ่งงานเราล่าช้า ถ้าคุณเป็นคนส่งของที่ดี คุณจะทำให้ลูกค้าใจเย็นและพอใจได้ แต่ถ้าคุณเป็นคนส่งของที่ไม่ดี ถึงจะส่งก่อนเวลาก็จะโดนลูกค้าด่าอยู่ดี

          ในงานขายเราอาจจะต้องดีลกับมนุษย์โดยไม่ต้องเสียเหงื่อ แต่ถ้าเป็นคนส่งของคุณต้องดีลกับมนุษย์และเสียเหงื่อออกไปด้วย ถ้าคุณเริ่มเรียนรู้จากหน้าที่นี้แล้วทำมันได้ดี เราว่าคุณแม่งเจ๋งพอไม่ใช่แค่ธุรกิจโรงพิมพ์หรอกที่สอนคุณได้ อีกหลายธุรกิจก็มีบทเรียนให้ เพียงแต่คุณต้องมองให้เห็น

ชัยพร อินทุวิศาลกุล ศีลธรรมในการพิมพ์หนังสือคือความงามและรายละเอียด


เผยแพร่ครั้งแรกในหนังสือ ‘Readtopia 2 ผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงในระบบนิเวศการอ่านของไทย’ (2567)

RELATED POST

แหล่งชุมนุมความคิดเรื่องพื้นที่สาธารณะเพื่อการเรียนรู้
และห้องสมุดกับการเปลี่ยนแปลงสังคม

                                                                                            

PDPA Icon

The KOMMON มีการใช้คุกกี้ เพื่อเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ไปวิเคราะห์และปรับปรุงการให้บริการที่ดียิ่งขึ้น คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราห์

    คุกกี้นี้เป็นการเก็บข้อมูลสาธารณะ สำหรับการวิเคราะห์ และเก็บสถิติการใช้งานเว็บภายในเว็บไซต์นี้เท่านั้น ไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนตัวที่ไม่เป็นสาธารณะใดๆ ของผู้ใช้งาน

บันทึก