“…นี่ไม่ใช่ฝีมือมนุษย์ แต่เป็นผลงานจากทูตสวรรค์”
นั่นคือตัวอย่างคำกล่าวชื่นชมพระวรสารเคลส์ (The Book of Kells) เอกสารตัวเขียนสีวิจิตร (Illuminated Manuscript) โบราณเล่มสำคัญของไอร์แลนด์ที่สันนิษฐานว่าถูกเขียนขึ้นราว ค.ศ. 800 ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงพระคัมภีร์ที่มีตัวอักษรเรียงรายเท่านั้น แต่ทุกองค์ประกอบถูกเขียนด้วยมืออย่างวิจิตรบรรจง ทั้งภาพพระคริสต์ อักษรประดิษฐ์ การผูกลวดลายที่ใช้เส้นสายโค้งมน ผสมผสานลวดลายสัตว์สอดประสานกัน (Zoomorphic) ใช้สีสันงดงาม
เนื้อหาภายในพระวรสารเป็นส่วนหนึ่งของพระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ บอกเล่าชีวประวัติและคำสอนของพระเยซู นอกจากเป็นผลงานศิลปะชิ้นเอกแล้ว พระวรสารเคลส์ยังมีคุณค่าในฐานะสิ่งที่แสดงออกถึงจิตวิญญาณและความศรัทธาของคริสต์ศาสนิกชนในไอร์แลนด์อีกด้วย
ที่ผ่านมาพระวรสารถูกจัดแสดงอยู่ที่ The Old Library ห้องสมุดที่สวยงามและมีชื่อเสียงของ Trinity College Dublin ซึ่งในแต่ละปีมีผู้มาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก โดยพระวารสารจะถูกเปิดหน้าหนังสือไว้ 1 หน้าคู่และมีการเปลี่ยนหน้าทุกๆ 8 หรือ 12 สัปดาห์ (แหล่งข้อมูลบางแห่งระบุว่า กำหนดการเปลี่ยนหน้าพระวรสารถูกเก็บเป็นความลับเพื่อป้องกันความวุ่นวาย)
เมื่อมีแผนปรับปรุงห้องสมุด นอกจากพระวรสารเคลส์ยังมีหนังสือโบราณกว่า 200,000 เล่ม ที่มีความเสี่ยงต่อภาวะฝุ่นสะสมและอัคคีภัยถูกนำไปเข้ากระบวนการอนุรักษ์ ห้องสมุดจึงถือโอกาสพัฒนารูปแบบการจัดแสดงพระวรสารเคลส์รูปแบบใหม่เพื่อเพิ่มประสบการณ์ในการรับชมแก่ผู้มาเยือนด้วย ผ่านนิทรรศการ ‘The Book of Kells Experience’ ซึ่งเป็นการผสมผสานเทคโนโลยีกับศิลปะร่วมสมัย ภายในห้องจัดแสดงประกอบด้วยเรื่องราวที่ได้รับแรงบันดาลใจจากพระวรสารเคลส์ คอลเลกชันหนังสือชิ้นเอกของห้องสมุด และประวัติศาสตร์ส่วนที่สำคัญของชาวไอริช
เส้นทางเยี่ยมชมนิทรรศการเริ่มต้นที่ส่วนของตึกห้องสมุด The Old Library นำเสนอความเป็นมาของพระวรสาร ตามด้วยพระวรสารเคลส์เล่มจริงจัดแสดงในตู้กระจก ลำดับถัดไปคือการนำชมห้องโถงยาว (The Long Room) อันเป็นเอกลักษณ์ แม้ว่าจะไม่มีหนังสือโบราณที่เคยจัดแสดงแล้ว เพราะหนังสือทั้งหมดถูกนำมาทำความสะอาดและแปลงเป็นไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ แต่ก็มีสารคดีกระบวนการอนุรักษ์หนังสือฉายให้ชมในห้องนี้เป็นการชดเชย และที่สะดุดตาจนต้องเอ่ยถึงคือลูกโลกขนาดใหญ่กลางห้อง ซึ่งเป็นงานจัดแสดงชื่อ ไกอา (Gaia) ผลงานเลื่องชื่อของศิลปิน ลุค เจอร์ราม ที่ตั้งใจจะสื่อถึงความงามและความเปราะบางของโลกใบนี้
จากนั้นเดินต่อไปที่อาคารรูปทรงสี่เหลี่ยมสีแดงหลังใหม่กลางหมู่ตึกเก่า ผู้ชมจะเข้าถึงพระวรสารเคลส์ได้ใกล้ชิดยิ่งขึ้นผ่านนิทรรศการ Immersive ที่ใช้เทคนิคฉายภาพโปรเจกชัน 360 องศา มีทั้งภาพเคลื่อนไหว แผนที่ดิจิทัล ทุกคนจะได้ซึมซับรายละเอียด ความประณีตของภาพบุคคล สัตว์ สิ่งมีชีวิตในจินตนาการ ลวดลาย และสัญลักษณ์ทางศาสนาต่างๆ จากต้นฉบับพระวรสารเคลส์อย่างจุใจโดยไม่ต้องรอชมทีละหน้าอีกต่อไป
นอกจากลวดลายในหน้าหนังสือ นิทรรศการยังเล่าเรื่องย้อนรอยการเดินทางของพระวรสารเคลส์ในช่วงเวลาหลายศตวรรษตั้งแต่ต้นกำเนิด กระบวนการจัดทำ จนกระทั่งถูกนำมาเก็บรักษาไว้ ร่วมกับผลงานชิ้นเอกจากคอลเลกชันของห้องสมุดที่ได้รับการนำเสนอใหม่ เช่น แอนิเมชันจาก Pollard Collection ชุดหนังสือเด็กที่ใหญ่ที่สุดของไอร์แลนด์ รูปปั้นพูดได้ ซึ่งมีต้นแบบจากประติมากรรมบุคคลสำคัญที่จัดแสดงอยู่ในห้องสมุด
เดียร์พลา แมค แฟดเดน หัวหน้าฝ่ายสร้างสรรค์ของโครงการกล่าวว่า “…ประสบการณ์เสมือนจริงพาเราดำดิ่งลงไปในโลกแห่งพระวรสารเคลส์ ได้สำรวจเส้นสายงานศิลปะที่ซับซ้อนและสีสันที่มีชีวิตชีวาอย่างละเอียด ขณะเดียวกันก็เจาะลึกประวัติศาสตร์อันน่าทึ่ง สะท้อนความสำคัญของพระวรสารในฐานะสมบัติทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไอร์แลนด์”
ที่มา
บทความ “Book of Kells Experience” จาก visittrinity.ie (Online)
บทความ “The Book of Kells Experience” จาก pentagram.com (Online)
บทความ “Review: ‘Once in a generation’ Book of Kells Experience lives up to the hype” จาก evoke.ie (Online)
บทความ “Were the monks on drugs? How The Book of Kells went fully psychedelic” จาก theguardian.com (Online)
บทความ “A New Immersive Experience in Dublin Invites Visitors to Step Into the Pages of a Storied Medieval Book” จาก news.artnet.com (Online)
บทความ “The Book of Kells: Medieval Europe’s greatest treasure?” จาก bbc.com (Online)
บทความ “First Look Inside the New Book of Kells Experience at Trinity College Bublin” จาก irishtimes.com (Online)