อาจจะด้วยระบบการศึกษาที่ทำให้ศิลปะเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับชีวิต อาจจะด้วยระบบเศรษฐกิจที่ทำให้ศิลปะกลายเป็นของสำหรับชนชั้นใดชนชั้นหนึ่ง อาจจะด้วยสังคมการเมืองที่พยายามกีดกันศิลปะไปจากใจเรา เพราะเป็นเครื่องมือสื่อสารที่ทรงพลังและไม่ยอมจำนน
แต่ศิลปะไม่ใช่เรื่องไกลตัวอย่างที่ใครว่าไว้อีกต่อไป เพราะยังมีแกลเลอรีน้อยใหญ่ที่พยายามออกแบบให้ศิลปะอยู่ในชีวิตประจำวัน ผลักดันให้กลายเป็นสิ่งที่เราเห็นหรือไปหาได้บ่อยๆ โดยไม่ต้องเกร็ง ไม่ต้องเคอะเขิน แม้จะเป็นมือใหม่หัดดูงานอาร์ต หรือแม้แต่คนที่ไม่เคยสนใจศิลปะจริงๆ จังๆ ด้วยซ้ำ
แกลเลอรีบางแห่งจึงไม่ได้เป็นแค่แกลเลอรี แต่เป็นทั้งพื้นที่สาธารณะ เป็นบาร์ เป็นร้านหนังสือ เป็นพื้นที่นิทรรศการของทุกคน ที่ช่วยกันทำให้พื้นที่ทางศิลปะในบ้านเราหลากหลาย เกี่ยวข้องกับผู้คนในมิติที่กว้างขวางขึ้น และกระชับความสัมพันธ์ของผู้คนให้เข้าใกล้ศิลปะไปพร้อมๆ กัน
และเมื่อสนิทสนมกับศิลปะมากพอ เราจะกลายเป็นเจ้าของเครื่องมือสื่อสารที่ทรงพลัง และใช้มันขับเคลื่อนสังคม
ให้พื้นที่ทางศิลปะเป็นพื้นที่สาธารณะของทุกคน ที่ Jim Thompson Art Center
หลังจากส่งต่อพื้นที่ให้ทายาทรุ่นใหม่ ปัจจุบัน Jim Thompson Art Center เปลี่ยนจากพิพิธภัณฑ์เล่าเรื่องผ้าไทย และของสะสมจานชามเบญจรงค์ ให้กลายเป็นพื้นที่สาธารณะที่เต็มไปด้วยการเรียนรู้ โดยเฉพาะเรื่องราวของศิลปะร่วมสมัยที่เชื่อมโยงทั้งวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ การเมือง และชุมชนเข้าด้วยกัน เกิดเป็นพื้นที่ที่เชื้อเชิญทุกคนไปร่วมใช้ แบบที่ไม่รู้สึกถึงความขึงขังอีกต่อไป
จุดเด่นที่ทำให้พื้นที่แห่งนี้เป็นมิตร คือการออกแบบให้เกิดการใช้งานอย่างหลากหลาย ทั้งคาเฟ่ ห้องสมุด WILLIAM WARREN LIBRARY พื้นที่จัดเวิร์กชอป หรือเสวนาในวันที่มีกิจกรรมชวนพูดคุยกัน มีโซนนั่งข้างนอกที่เดินออกไปเปลี่ยนบรรยากาศรับลม และเห็นบ้านไทยของจิม ทอมป์สัน กับฟ้าโล่งกว้าง การสร้างบรรยากาศที่ชวนทุกคนมาใช้พื้นที่แบบไม่ยัดเยียด จึงเป็นจุดแข็งที่ทำให้คนหน้าใหม่ไม่รู้สึกว่าพื้นที่แห่งนี้ไม่ใช่ของพวกเขา
และเมื่อสบายใจ ก็อาจช่วยให้เปิดรับอะไรใหม่ๆ ซึ่งเชื่อมต่อไปยังพื้นที่จัดนิทรรศการศิลปะร่วมสมัยที่จะเปลี่ยนในทุกๆ 3-4 เดือน ที่แบ่งออกเป็นสองห้อง บางนิทรรศการก็อาจมีกิจกรรมเกี่ยวข้องเพื่อเติมการเรียนรู้ในหลายมิติ เช่น ล่าสุดกับนิทรรศการ Shadow Dancing: Where Can We Find a Silver Lining in Challenging Times? ที่มีการฉายหนัง Bodo (1993, หวง หมิงฉวน) และรักที่ขอนแก่น (2015, อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล) รวมไปถึงเสวนากับศิลปินผู้จัดนิทรรศการด้วย
กฤติยา กาวีวงศ์ ผู้อำนวยการประจำ Jim Tompson Art Center เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าอยากให้พื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่สนทนาแลกเปลี่ยนที่มีนิทรรศการศิลปะเป็นตัวเชื่อม ซึ่งการออกแบบที่เป็นมิตรกับความหลากหลายของผู้คนและกิจกรรมช่วยทำให้พื้นที่แห่งนี้กลายเป็นอีกหนึ่งพื้นที่สาธารณะสำหรับทุกคนไปพร้อมกัน
ศิลปะอยู่ในภาพที่เราถ่ายทุกวัน ที่ HOP Hub Of Photography
เชื่อว่าหลายๆ คนถ่ายภาพกันแทบทุกวัน และนั่นคือศิลปะที่อยู่ใกล้ตัวเราที่สุด
HOP Hub Of Photography คือแกลเลอรีที่ให้พื้นที่กับคนรักการถ่ายภาพ ‘ทุกคน’ ไม่ว่าจะเป็นมืออาชีพหรือมือสมัครเล่นผ่านการออกแบบพื้นที่เพื่อนำเสนอศิลปะจากภาพถ่าย
ที่นี้แบ่งออกเป็น 3 โซนคือ WHOOP พื้นที่จัดแสดงงานที่ไม่ว่าใครก็สามารถส่งภาพถ่ายมาให้ทางทีมงานคัดเลือกจัดแสดงได้ ซึ่งจะอยู่ระดับเริ่มต้น หรือคร่ำหวอดวงการก็ได้ ที่แห่งนี้คือจึงเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนประสบการณ์สำหรับคนรักการถ่ายภาพได้เป็นอย่างดี
ถัดมาเป็น HOP Club พื้นที่กึ่งห้องสมุดที่รวบรวมหนังสือภาพถ่าย โฟโต้บุ๊กสำหรับคนที่อยากได้แรงบันดาลใจและเรียนรู้เทคนิคและมุมมองการถ่ายภาพ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย แถมยังมีเซสชั่นของการมานั่งคุย นั่งถกกันเรื่องการถ่ายภาพ หรือจะเป็นพื้นที่ตั้งต้นในการคิดโปรเจกต์สำหรับเด็กมหาวิทยาลัยที่เรียนมาด้านนี้ก็ได้เช่นกัน
และโซนสุดท้ายคือ FLC FOTOINFO Learning Center & MUN sandbox ที่เป็นสตูดิโอให้เหล่าคนรักการถ่ายภาพได้มาทดลองกับอุปกรณ์มากมายที่ทางแกลเลอรีจัดหามาให้ ซึ่งบางครั้งจะมีการจัดเวิร์กชอปสำหรับคนที่ต้องการเนื้อหาแบบเข้มข้นด้วย ที่นี่จึงเป็นทั้งพื้นที่จัดแสดงและสนามทดลองเรียนรู้ของช่างภาพแบบที่มือสมัครเล่นหน้าใหม่หรือมืออาชีพก็เข้ามาใช้ร่วมกันได้โดยไม่ถูกแบ่งแยก
เดินดูศิลปะแบบป๊อปๆ ที่เชื่อมโยงกับคนหลายวงการ ที่ Bangkok City City Gallery
ภาพตึกสีขาวสะอาดตาน่าจะเป็นภาพจำของ Bangkok City City Gallery แกลเลอรีที่มักจัดแสดงงานศิลปะร่วมสมัย ที่ไม่ใช่แค่เอาผลงานศิลปะ ภาพวาด ประติมากรรมมาตั้งไว้กลางห้อง แต่เป็นศิลปะที่หยิบจับสิ่งของ หรือใช้การออกแบบร่วมกับคนหลายๆ วงการ เพื่อให้เกิดเป็นผลงานที่มีส่วนร่วมกับยุคสมัยปัจจุบัน ไม่ว่าจะผ่านคนทำหนัง นักเทคโนโลยี หรือแม้แต่ศิลปินที่หยิบนวนิยายมาขยายต่อ จนทำให้เกิดเรื่องราวใหม่ๆ ขึ้นมา และตั้งคำถามกับสังคมต่อไป
นี่เป็นความตั้งใจของ ลูกตาล – ศุภมาศ พะหุโล และ อ๊อป-อรรคพล สุทัศน์ ณ อยุธยา ที่สนใจการจัดนิทรรศการศิลปะพร้อมกับการทดลองเรียนรู้ไปเรื่อยๆ ซึ่งทั้งคู่เชื่อว่าศิลปะร่วมสมัย หรือ Contemporary Art จะช่วยเปิดกว้างด้านมุมมองและความคิดให้กับคนที่แวะเวียนเข้ามาได้มีบทสนทนาใหม่ๆ ในชีวิตประจำวัน
ที่แห่งนี้แบ่งเป็นสองโซน คือ โซนจัดแสดงงาน ที่ภายในเป็นเพียงพื้นที่โล่ง ล้อมด้วยผนังปูนสีขาว เพื่อให้คนที่มาจัดแสดงงานสามารถตกแต่ง จัดการพื้นที่ได้ตามที่อยากสื่อสารหรือชวนสนทนาหลังดูจบ อย่างล่าสุดกับงาน A CONVERSATION WITH THE SUN โดย อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล ที่พาสำรวจการตั้งคำถามของผู้กำกับชื่อดังกับภาพถ่ายการแสดง และศาสตร์ต่างๆ รวมไปถึงบทสนทนาของเขากับ AI ที่สุดท้ายย้อนกลับมาคุยถึงชีวิตของมนุษย์ หรือก่อนหน้านั้นอาจได้เห็นงาน Second Hand Dialogue ของ นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ ที่หยิบเอาบทสนทนาของคนทั่วไปมาเป็นงานศิลปะ หรือจะเป็นงาน Bangkok Art Book Fair ที่จัดต่อเนื่องมาหลายปี เป็นการผสมผสานวงการศิลปะ กับวงการหนังสือเข้าด้วยกัน ซึ่งคนรุ่นใหม่ให้ความสนใจกันอย่างคึกคัก
อีกโซนของที่นี่ยังมี BOOKSHOP LIBRARY ที่ทดลองเอาห้องสมุดกับร้านหนังสือรวมไว้ด้วยกัน และนำเสนอหนังสือด้านศิลปะ หรือหนังสือที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่แกลเลอรีกำลังนำเสนอหรือสนใจ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีหนังสือที่ต่อยอดจากงานศิลปะที่จัดแสดงที่แกลเลอรีแห่งนี้ และเป็นหนังสือพิเศษที่หาซื้อได้แค่ที่นี่ที่เดียวอีกด้วย
ไม่ต้องไปถึงแกลเลอรี ก็สำรวจศิลปะผ่านหนังสือได้ที่ Vacilando Bookshop
สำหรับคนที่ไปแกลเลอรีก็เขินๆ เดินดูงานจบแล้วไม่รู้ต้องทำอะไรต่อ ขอแนะนำให้รู้จักกับ Vacilando Bookshop ร้านหนังสือที่เน้นขายหนังสือเกี่ยวกับภาพถ่ายและงานศิลปะ ที่เราสามารถเดินดู และค่อยๆ เปิดอ่าน ‘Art Book’ เงียบๆ เพลินๆ ได้เหมือนการอ่านหนังสือสักเล่ม
Vacilando Bookshop ตั้งอยู่บนชั้น 2 ของ Arai Arai ซึ่งเป็นสเปซในบริเวณวงเวียน 22 กรกฎา คำว่า Vacilando ก็มาจากภาษาสเปนที่แปลว่า การเดินทางที่มองและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ระหว่างทาง ที่ร้านหนังสือแห่งนี้จึงไม่ใช่แค่ร้านที่หยิบหนังสือซื้อกลับบ้านไป แต่ทุกครั้ง ปิ่น – วิทิต จันทามฤต เจ้าของร้านหนังสือจะชวนคุยถึงที่มาที่ไปของหนังสือ ทั้งเรื่องเทคนิค ประวัติศิลปิน และอีกมากมาย ทำให้นอกจากได้หนังสือ ยังได้ความรู้ ความเข้าใจในประเด็นใหม่ๆ กลับบ้านไปด้วย
พื้นที่แห่งนี้ยังมีจัดนิทรรศการด้วยเหมือนกัน อย่างที่เพิ่งจบไปคือ Hong Kong Photobook Award Touring Exhibition ที่หยิบเอาผลงานโฟโต้บุ๊กที่ได้รับรางวัลจากฮ่องกงมาจัดแสดง และมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นเรื่องการทำโฟโต้บุ๊กในไทยกับฮ่องกง เรียกว่าเป็นแหล่งรวมผลของคนชอบศิลปะที่เน้นบรรยากาศแลกเปลี่ยนความคิดแบบเป็นกันเอง ไปพร้อมๆ กับซัพพอร์ตศิลปินไปในตัว วิทิตเคยให้สัมภาษณ์ว่าเขาไม่ได้แค่สวมหมวกเป็นพ่อค้าขายหนังสือ แต่คือคนให้คำปรึกษาคนที่สนใจในเรื่องราวต่างๆ ได้เดินทางมารู้จักศิลปะกันมากขึ้นผ่านเครื่องมืออย่างหนังสือ
แกลเลอรี + บาร์ ที่อยากชวนคุยเรื่องการเมืองในชีวิตประจำวันที่ WTF Gallery
เมื่อแกลเลอรี ไม่ได้เป็นแค่แกลเลอรี แต่เป็นทั้งบาร์ และพื้นที่แลกเปลี่ยนความคิด วิพากษ์สังคมการเมืองผ่านศิลปะ
WTF หรือ Wonderful Thai Friendship คือแกลเลอรีที่มีความเข้มข้นในแนวคิดการสะท้อน วิพากษ์ และตั้งคำถามต่อสังคมผ่านศิลปะ ก่อตั้ง โดย ส้ม – สมรัก ศิลา ผ่านการลงขันร่วมกับพาร์ตเนอร์ กลายเป็นบาร์เล็กๆ ในชั้นหนึ่ง ซึ่งชวนให้รู้สึกเป็นพื้นที่นั่งชิลล์สบายๆ แต่เมื่อขึ้นไปยังชั้นสอง ก็จะได้พบกับแกลเลอรีนำเสนอศิลปะที่สื่อสารเรื่องราวการเมืองและสังคมในชีวิตประจำวันที่แยกจากกันไม่ออก
ที่นี่จัดแสดงผลงานหลากหลาย ตั้งแต่การนำผลงานศิลปะจากความคิดการเมืองต่างขั้วมาจัดแสดงร่วมกัน ภายใต้ชื่อ Conflicted Vision ให้เห็นทั้งจุดร่วมและจุดต่างของความคิด งาน This Is Not A Political Act ที่ให้พื้นที่ของเสียงของแนวคิดต่างๆ ถูกได้ยินแม้จะมีความเสี่ยง
การออกแบบพื้นที่ที่นี่ก็มีนัยสำคัญ การเดินขึ้นบันไดสลัวๆ สู่ชั้นสองของแกลเลอรีเล็กๆ หลังนี้ มีมากกว่าการเสพสุนทรียะของศิลปะ แต่คือการตั้งคำถามต่อข้อจำกัดในหน้าที่และบทบาทของศิลปะและผู้คนในวงการศิลปะในสังคม การได้พูดคุยถึงเรื่อง Censorship และ Self-censorship จนถึงการใคร่ครวญถึงการวางขอบเขตความคิดโดยภาครัฐ จากการชมงานของ Baphoboy, Headache Stencil และอีกหลายศิลปิน
นอกเหนือจากนี้ แกลเลอรีแห่งนี้ยังจัดแสดงงานที่สื่อความในมิติ อื่นๆ ด้วย อาทิเช่น Quiet Time Exhibition เล่าความเงียบงันในช่วง Covid, กิจกรรมบอร์ดเกม Welcome you to IN-PATTANI, The Weeping Guitar, PROJECT-PRY 01 ที่เล่าปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม ฯลฯ
ราวกับจะบอกว่า นอกจากการเมืองจะไม่แยกขาดจากชีวิตประจำวัน ศิลปะก็เช่นเดียวกันด้วย
ที่มา
บทความ Jim Thompson Art Center, เว็บไซต์ readthecloud.co
บทความ BANGKOK CITYCITY BOOKSHOP LIBRARY ร้านหนังสือที่ไม่ยอมขายหนังสือเล่มสุดท้ายในสต็อก, เว็บไซต์ adaymagazine.com
เว็บไซต์ sac.gallery
บทความ HOP คอมมูนิตี้ที่มีทั้งพื้นที่ปล่อยของ และสิ่งจุดประกายแรงบันดาลใจของเหล่าช่างภาพ, เว็บไซต์ adaybulletin.com
เว็บไซต์ wtfbangkok.com
Cover Photo : HOP Hub Of Photography