101 บทเรียนสำหรับนวัตกร
ตอนที่ 51 เหตุผลหลักที่ทำให้สตาร์ทอัปล้มไม่เป็นท่า
เราต่างทราบกันดีถึงความสำเร็จของ Google, Airbnb, Twitter (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น X) และ Uber แต่มีสตาร์ทอัปเพียงไม่กี่แห่งที่จะทำเช่นนั้นได้
สำนักสถิติแรงงานสหรัฐอเมริกา (U.S. Bureau of Labor Statistics) ได้ศึกษาสตาร์ทอัปในประเทศ จำนวน 2,000 แห่ง ซึ่งได้รับเงินจากการร่วมทุนระหว่างปี 2004-2010 และได้เผยว่าสตาร์ทอัปกว่า 95% ไม่สามารถทำกำไรได้ตามคาด ประมาณ 30-40% ต้องขายสินทรัพย์ทำให้นักลงทุนต้องสูญเสียเงินทั้งหมด มี 60% ที่ดำเนินกิจการได้เกิน 3 ปี และราว 35% อยู่รอดจนถึง 10 ปี
ผลการวิเคราะห์ความล้มเหลวของสตาร์ทอัป 101 แห่ง (analysis of 101 start-up post-mortems) โดย CB Insights ชี้ให้เห็นว่า เหตุผลหลักซึ่งทำให้สตาร์ทอัปล้มเหลว คิดเป็น 42% คือ ผู้ก่อตั้งมี ‘แนวคิดที่ยิ่งใหญ่’ ที่มักจะมาพร้อมกับ ‘รูปแบบสินค้าและบริการที่ตลาดไม่ต้องการ’
Patient Communicator (แพลตฟอร์มช่วยเหลือผู้ป่วยสื่อสารกับสถานพยาบาล) กล่าวว่า “พูดกันตามตรง ฉันตระหนักได้ว่าเราไม่มีลูกค้าเลย เพราะไม่มีใครสนใจโมเดลที่เรานำเสนอสักเท่าไร หมอต้องการคนไข้มากขึ้น ไม่ได้ต้องการออฟฟิศที่มีประสิทธิภาพ” Treehouse Logic (ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มส่งเสริมการขาย) พูดถึงการทำงานว่า “เรายังไม่ได้แก้ปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นคล้ายๆ กันเป็นจำนวนมาก ด้วยวิธีการที่สามารถนำไปขยายผลปฏิบัติได้ทุกแห่ง เรายังไม่มีเทคโนโลยีหรือโมเดลธุรกิจที่แก้ไขปัญหาลูกค้าได้ทั่วถึงและเป็นจำนวนมากขนาดนั้น”
นอกจากทีมงานที่เยี่ยมยอดแล้ว สตาร์ทอัปจะประสบความสำเร็จได้ ต้องมีองค์ประกอบอีก 3 อย่าง คือ ความสอดคล้องกับความต้องการของตลาด ทางออกที่ทำได้ง่ายแต่เป็นไปได้ และโมเดลธุรกิจซึ่งทำได้จริง

ที่มา
หนังสือ Inspiration for Innovation: 101 Lessons for Innovators เขียนโดย Gijs van Wulfen